การกระทำและการเรียนรู้ซึ่งมาจากความเชื่อจะมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อ โดยความเชื่อ (belief) เป็นความคิดที่บุคคลยึดถือเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความเชื่อเหล่านี้อาจเกิดจากความรู้ ความคิดเห็น หรือความศรัทธา ซึ่งจะเกิดแรงผลักดันทางอารมณ์ อาจจะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของบุคคล ส่วนทัศนคติ (attitudes) เป็นการประเมินความพึงพอใจหรือไม่พึงพอใจของบุคคล ความรู้สึกด้านอารมณ์ และแนวโน้มการปฏิบัติต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก ทั้งนี้ทัศนคติของบุคคลจะมีรูปแบบแน่นอนและการเปลี่ยนแปลงทัศนคติหนึ่งจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนสิ่งอื่นที่ทำได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นนักการตลาดควรพยายามสร้างผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับทัศนคติที่มีอยู่ดีกว่าที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงทัศนคติเพราะการเปลี่ยนแปลงทัศนคติจำเป็นต้องใช้ความพยายามและค่าใช้จ่ายมากกว่า จะเห็นว่ามีพลังต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมผู้บริโภค และการเลือกของผู้บริโภคเป็นผลจากปฏิกิริยาภายในที่ซับซ้อนของวัฒนธรรม สังคม ปัจจัยส่วนบุคคล และปัจจัยทางจิตวิทยา Show โดยทั่วไปแล้ว หลายคนยังเข้าใจจิตวิทยาผิดไปจากความเป็นจริงอยู่มาก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ ภาพที่ปรากฏออกไปสู่สังคมมักแสดงถึงนักจิตวิทยาในฐานะผู้บำบัดหรือผู้รักษา จึงเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะศาสตร์จิตวิทยานั้นกว้างขวางและครอบคลุมกว่าแค่การบำบัดรักษาอาการป่วยทางจิตเท่านั้น จิตวิทยาเป็นศาสตร์ที่เกี่ยวกับพฤติกรรมและจิตใจของมนุษย์โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และครอบคลุมไปถึงเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของเราด้วย เราจะพบว่าจิตวิทยานั้นแทรกซึมอยู่ในเกือบทุกเรื่องในชีวิตของเรา และด้านหนึ่งที่สำคัญก็คือ การทำงาน โดยส่วนมากเรามักจะไม่รู้กันว่าจิตวิทยาสามารถประยุกต์เข้ากับชีวิตการทำงานได้ทั้งในการเข้าใจและพัฒนาตนเอง ทั้งในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน ลูกน้อง หรือลูกค้า หรือแม้แต่องค์การเองก็สามารถนำจิตวิทยาไปใช้เพื่อบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพ คนที่จะกำลังหางานทำหรือพนักงานที่ทำงานอยู่แล้ว สามารถใช้จิตวิทยาเพื่อค้นหาความสามารถ ความถนัด บุคลิก ลักษณะต่าง ๆ ของตนเอง เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกงานที่เหมาะสมกับตน หรือมองหาเส้นทางอาชีพที่ตนจะดำเนินต่อไปในอนาคต แนวคิดหลักอย่างหนึ่งของจิตวิทยาคือ คนเราแต่ละคนแตกต่างกัน ทั้งในด้านบุคลิกภาพ ความเชื่อ ทัศนคติแรงจูงใจ หรือความสามารถ ความแตกต่างเหล่านี้ก็ส่งผลให้คนแต่ละคนทำงานได้แตกต่างกัน คนบางคนอาจจะทำงานเป็นพนักงานขายที่เก่งกาจ สามารถสร้างเครือข่ายลูกค้าได้กว้างขวาง แต่คนคนนี้อาจจะไม่เก่งในด้านการบริหารงาน หรือไม่ได้เป็นผู้นำที่ดี จิตวิทยาจะช่วยให้บุคคลรู้ว่าตนเองมีลักษณะต่าง ๆ อย่างไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรารู้ว่าตัวเองมีบุคลิกภาพแบบชอบเปิดตัว ชอบเข้าสังคม เราก็จะสามารถเลือกงานที่เหมาะสมกับบุคลิกของเราได้ หรือ ถ้าเรามีความสนใจในการออกแบบสร้างสิ่งใหม่ ๆ หรือมีความถนัดด้านความคิดสร้างสรรค์ เราก็จะเลือกอาชีพที่เกี่ยวข้อง เช่น งานโฆษณา หรืองานออกแบบ จากตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า จิตวิทยาช่วยให้บุคคลรู้จักตนเองมากขึ้น เมื่อบุคคลรู้จักตนเองมากขึ้นก็จะสามารถเลือกและทำงานได้อย่างเต็มความสามารถ รวมไปถึงได้ทำงานที่ตนเองสนใจหรือรัก นอกจากนี้จิตวิทยายังช่วยในการจัดการความเครียด การเข้าใจตนเอง การพัฒนาตนเองให้ใช้ความสามารถได้อย่างเต็มที่ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราทำงานและใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่า นอกจากจิตวิทยาจะช่วยให้พนักงานเข้าใจตนเองและพัฒนาตนเองได้แล้ว วิชาจิตวิทยายังช่วยให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางบวกกับเพื่อนร่วมงาน วิธีการในการจูงใจลูกน้อง หรือการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพกับเจ้านาย สำหรับองค์การ ความรู้ทางจิตวิทยาจะช่วยให้องค์การสามารถบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถคัดเลือกบุคลากรที่มีความสามารถและลักษณะตรงตามที่ต้องการ ช่วยในการสร้างขวัญกำลังใจให้พนักงานมุนานะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ช่วยให้พนักงานตระหนักในขีดความสามารถของตนและนำมาใช้หรือพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้องค์การจึงควรให้ใส่ใจกับพนักงานของตนให้มาก สาขาวิชาที่ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรมนุษย์จึงเกิดขึ้น จิตวิทยาเองก็มีส่วนช่วยในการบริหารทรัพยากรมนุษย์อยู่ไม่น้อยทีเดียว ทั้งตัวองค์ความรู้และทฤษฎีที่จะช่วยให้องค์การสามารถตัดสินใจเลือกบุคลากรได้ตรงกับความต้องการ ทั้งแบบวัดทางจิตวิทยาที่จะช่วยให้องค์การรู้ว่าพนักงานแต่ละคนมีลักษณะในด้านต่าง ๆ อย่างไรบ้าง ความรู้ดังกล่าวช่วยให้องค์การสามารถเลือกคนได้เหมาะสมกับงาน พัฒนาพนักงานให้มีความสามารถเพิ่มขึ้นทันท่วงทีต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก สามารถให้รางวัลแก่พนักงานที่ทำงานดีและลงโทษพนักงานที่ประพฤติเสียหายได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม ระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมยังช่วยส่งเสริมบรรยากาศการทำงานที่ดี ช่วยให้พนักงานทำงานได้เต็มความสามารถ ซึ่งนั่นก็หมายถึงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นและการบรรลุเป้าหมายขององค์การ เมื่อองค์การบรรลุเป้าหมาย นั่นก็หมายถึงความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดีขึ้นของพนักงาน ทั้งองค์การและพนักงานต่างก็ได้รับประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย ประเด็นเรื่องมนุษย์เป็นเรื่องที่สำคัญ และในปัจจุบันหลาย ๆ องค์การก็เริ่มตระหนักถึงประเด็นนี้ เมื่อจิตวิทยาได้ใช้อย่างจริงจังในองค์การทั้งโดยตัวพนักงานและตัวองค์การเอง เราก็คงจะได้เห็นบรรยากาศของการทำงานที่มีความสุขและมีประสิทธิภาพ จิตวิทยามีความสำคัญต่อองค์กรธุรกิจอย่างไรสำหรับองค์การ ความรู้ทางจิตวิทยาจะช่วยให้องค์การสามารถบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถคัดเลือกบุคลากรที่มีความสามารถและลักษณะตรงตามที่ต้องการ ช่วยในการสร้างขวัญกำลังใจให้พนักงานมุนานะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ช่วยให้พนักงานตระหนักในขีดความสามารถของตนและนำมาใช้หรือพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ทำไม ต้อง ใช้จิตวิทยาในการบริหารงานความสาคัญ/วัตถุประสงค์ของจิตวิทยาการบริหาร ∎ เพื่อเข้าใจคน, เพราะคนไม่ใช่เครื่องจักร ∎ ได้ตระหนักในคุณค่าของทรัพยากรมนุษย์ ∎ ได้เข้าใจหลักการบริหารคน ∎ เพื่อให้งานส าเร็จตามเป้าหมาย, เร็วและดี ∎ เกิดความคล่องตัวในการบริหารงาน ∎ เกิดความสุขทั่วหน้า ∎ ประโยชน์สูงสุด, คุ้มทุน และคุ้มค่า
จิตวิทยามีความสําคัญอย่างไรความส าคัญของวิชาจิตวิทยา อาจพิจารณาเป็นข้อๆ ได้ดังนี้ 1. เพื่อให้นักศึกษาได้เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ ตลอดจนพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ สังคมและ เชาว์ปัญญา 2. เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจพฤติกรรมต่างๆ ของตนเองและผู้อื่น 3. เพื่อให้นักศึกษาสามารถน าความรู้ทางจิตวิทยาไปใช้แก้ปัญหาของตนเอง 4. เพื่อให้นักศึกษาสามารถน าความรู้ทาง ...
จิตวิทยาธุรกิจ คืออะไร"จิตวิทยาธุรกิจ" เป็นศาสตร์ประยุกต์จากจิตวิทยากับธุรกิจ เพื่อใช้เป็นเเนวทัศน์หรือปรัชญาเเละทฤษฎี ชี้เเนวทางการพัฒนาเสริมสร้างองค์การให้ดำเนินไปอย่างมั่นคง ผู้บริหารเเละผู้ปฏิบัติงานอ่านหรือศึกษาตำราเล่มนี้เเล้วจะเพิ่มศักยภาพเเละบุคลิกภาพ สามารถปรับตัวร่วมทีมงานได้อย่างมีคุณค่าสง่างาม เป็นบุคลากรที่พึ่งปรารถนาขององค์การ
|