สาระสำคัญ/ความคิดรวมยอดบทเสภาสามัคคีเสวก เป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งบทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมาแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของศิลปะที่ทำให้เกิดความภาคภูมิใจในชาติของตน Show และบทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก แสดงให้เห็นความสำคัญของความสามัคคี ที่คนในชาติต้องตระหนักเพื่อให้ชาติเจริญรุ่งเรื่อง ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ตัวชี้วัด ท.๑.๑ ม.๒/๒ จับใจความสำคัญ สรุปความ และอธิบายรายละเอียดจากเรื่องที่อ่าน จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ 1. อธิบายความเป็นมา ประวัติผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ และเรื่องย่อ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมาและสามัคคีเสวกได้ 2. จับใจความสำคัญ สรุปความ และอธิบายรายละเอียดจากเรื่อง บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมาและสามัคคีเสวกได้ ด้านทักษะกระบวนการ
การวัดผลและประเมินผลวิธีการ การสังเกตการตอบคำถาม ตรวจใบงาน เครื่องมือ คำถามกระตุ้นความคิด ใบงานที่ ๑ เรื่อง จุดกำเนิดเรื่องราววรรณคดีบทเสภาสามัคคีเสวก บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา ๏ อันชาติใดไร้ศานติสุขสงบ ต้องมัวรบราญรอนหาผ่อนไม่ ถอดคำประพันธ์ ชาติใดที่มีศึกสงครามไม่มีความสงบสุขในแผ่นดิน ประชาชนย่อมไม่มีจิตใจสนใจความงดงามของศิลปะแต่หากประเทศใด (ชาติใด) บ้านเมืองสงบสุขปราศจากสงคราม ประชาชนก็จะทำนุบำรุงศิลปกรรมทั้งปวงให้เจริญรุ่งเรืองชาติใดที่ปราศจากช่างศิลป์ ก็เปรียบเสมือนหญิงสาวที่ไม่มีความงามไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจของใคร มีแต่จะถูกเยาะเย้ยให้ได้อาย อันศิลปกรรมนั้นช่วยทำให้จิตใจคลายเศร้า ช่วยทำให้ความทุกข์หมด ทำให้จิตใจของเรามีความสุขซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงไปด้วย (ทำให้สุขภาพใจและกายดี) ตรงกันข้าม หากใครไม่เห็นคุณค่าความงามของศิลปะ เมื่อเผชิญความทุกข์ก็ไม่มีสิ่งใดมาเป็นยาช่วยรสมานบาดแผลของจิตใจ เขาเหล่านั้นจึงเป็นคนที่น่าสงสารยิ่งนัก เพราะความรู้ทางช่างศิลป์สำคัญเช่นนี้ นานาประเทศจึงนิยมยกย่องคุณค่าของศิลปะและความสามารถเชิงช่างของช่างศิลป์ว่าเป็นเกียรติยศ ความรุ่งเรืองของแผ่นดิน คนที่ไม่เห็นคุณค่าของศิลปะก็เหมือนคนป่าคนดง ป่วยการอธิบาย พูดด้วยก็เปลืองน้ำลายเปล่า แต่ประเทศไทยของเรานั้นเห็นคุณค่าของงานช่างศิลป์ เช่น ช่างปั้น ช่างเขียน ช่างสถาปัตย์ ช่างทองรูปพรรณ ช่างเงิน ช่างถมและช่างอัญมณี ซึ่งเราควรสนับสนุนงานช่างศิลป์ไทยให้ก้าวหน้ารุ่งเรืองอย่าให้ด้อยน้อยหน้ากว่านานาประเทศ ชาวต่างชาติเมื่อมาเยือนเมืองไทยจะได้ซื้อหางานศิลปะเหล่านี้กลับไปเพราะเห็นในคุณค่า การช่วยสนับสนุนงานศิลปกรรม และส่งเสริมช่างศิลปะไทยให้สร้างสรรค์งานศิลปะขึ้นจึงเท่ากับได้ช่วยพัฒนาชาติ ให้เจริญพัฒนาอย่าถาวร บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก
ประการหนึ่งพึงคิดในจิตมั่น ว่าทรงธรรม์เหมือนบิดาบังเกิดหัว
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ควรนึกว่าบรรดาข้าพระบาท ล้วนเป็นราชบริพารพระทรงศรี หมายถึง ถ้าลูกเรือเชื่อฟังกัปตันก็จะต้องช่วยกัปตันอย่างแข็งขัน ต้องตั้งใจฟังคำสั่งของกัปตันเรือก็จะรอดไปถึงจุดหมาย หมายถึง แต่ถ้าลูกเรือไม่เชื่อฟังกัปตันและเริ่มแตกคอกัน เวลาคลื่นลมแรงเรือก็จะโคลงเคลง ต่อมาเรือก็จะจม -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- แม้ต่างคนต่างเถียงเกี่ยงแก่งแย่ง นายเรือจะเอาแรงมาแต่ไหน แม้ไม่ถือเคร่งคงตรงวินัย เมื่อถึงคราวพายุใหญ่จะครวญคราง หมายถึง ถ้าลูกเรือมัวแต่ทะเลาะกัน กัปตันก็จะไม่มีกำลังมาต่อสู้ ถ้าไม่เคร่งครัดต่อกฏระเบียบเวลาที่เกิดภัยอะไรขึ้นจะเดือดร้อน -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- นายจะสั่งสิ่งใดไม่เข้าจิต จะต้องติดตันใจให้ขัดขวาง จะยุ่งแล้วยุ่งเล่าไม่เข้าทาง เรือก็คงอับปางกลางสาคร หมายถึง กัปตันสั่งอะไรก็ไม่ฟังพอถึงเวลาก็มีข้อขัดแย้งต่อมาก็จะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น ในที่สุดเรือก็จะล่มกลางทะเล -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ถึงเสวีที่เป็นข้าฝ่าพระบาท ไม่ควรขาดความสมัครสโมสร ในพระราชสำนักพระภูธร เหมือนเรือแล่นสาครสมุทรไทย หมายถึง ถึงจะเป็นข้ารับใช้ของพระเจ้าแผ่นดินก็ไม่ควรขาดความสามัคคีปรองดองกัน เหตุการณ์ในพระราชสำนักก็เปรียบเสมือนเรือที่แล่นอยู่ตามทะเลมหาสมุทร -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เหล่าเสวกตกที่กะลาสี ควรคิดถึงหน้าที่นั้นเป็นใหญ่ รักษาตนเคร่งคงตรงวินัย สมานใจจงรักพระจักรี หมายถึง เหล่าข้าราชการในราชสำนักก็เหมือนเป็นกะลาสีควรให้ความสำคัญกับหน้าที่ที่ ต้องทำเป็นหลัก ปฏิบัติตนตามกฏตามระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัดและสามัคคีจงรักภักดีต่อพระ เจ้าแผ่นดิน -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ไม่ควรเลือกที่รักมักที่ชัง สามัคคีเป็นกำลังพลังศรี ควรปรองดองในหมู่ราชเสวี ให้สมที่ร่วมพระเจ้าเราองค์เดียว หมายถึง ไม่ควรแยกฝ่ายเลือกที่จะเคารพเชื่อฟังใคร ควรที่จะสามัคคีปรองดองกันในหมู่ข้าราชการเพื่อเป็นพลังในการทำความดีให้สม กับที่มีพระเจ้าแผ่นดินพระองค์เดียวกัน บทเสภาสามัคคีเสวกประกอบด้วยตอนใดบ้างบทเสภาสามัคคีเสวกมีด้วยกันทั้งหมด 4 ตอน ได้แก่ 1. กิจการแห่งพระนนที เป็นบทกล่าวสรรเสริญพระนนทีว่าเป็นเทพเสวกที่ดี รับใช้พระอิศวรอย่างซื่อสัตย์ 2. กรีนิรมิต เป็นบทกล่าวสรรเสริญพระคเณศ เทพเจ้าแห่งศิลปวิทยา 3. วิศวกรรมา เป็นบทกล่าวสรรเสริญพระวิศวกรรมเทพ ผู้ให้กำเนิดการก่อสร้างและช่างต่าง ๆ
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก กล่าวถึงสิ่งใดบทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก กล่าวถึงหน้าที่ของข้าราชบริพารที่ดี คือ จะต้องจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ มีความสามัคคี มีวินัย เปรียบเสมือนลูกเรือที่จะต้องเชื่อฟังกัปตัน มิฉะนั้นเรือที่บังคับจะลงไปในที่สุด
บทเสภาสามัคคีเสวกมีความเป็นมาอย่างไรที่มาของเรื่อง เป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่๖) ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์ ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๗ จุดประสงค์ในการแต่ง เพื่อใช้เป็นบทสำหรับอธิบายนำเรื่องในการฟ้อนรำตอนต่างๆ
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอนที่ ๔ กล่าวถึงเรื่องใดตอนที่ ๔ สามัคคีเสวก มีเนื้อความกล่าวถึงการสมานสามัคคีในหมู่ข้าราชการ ให้บรรดาข้าราชการเหล่านั้นมีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ซื่อตรง รักษาเกียรติยศและขยันทำงาน การแสดงระบำเริ่มด้วยราชเสวก ๒๘ หมู่ เดินแถวสวนสนามและร้องเพลงแสดงความจงรักภักดี
|