เปลี่ยนของเหลวทั้งคันมีอะไรบ้าง

ได้เวลาแล้วหรือยัง? เปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถยนต์ ได้แล้วนะ อย่ามองข้ามส่วนเล็กๆ น้อยๆ แต่สำคัญ เพราะของเหลวในรถยนต์ทุกส่วนมีความสำคัญในการทำงานขับเคลื่อนเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพ หากปล่อยปละละเลยไม่ยอมเปลี่ยนถ่ายเมื่อถึงระยะ หรือปล่อยให้สกปรกเกินไปแล้ว ระวังรถจะพังก่อนเวลาอันควร!!

เปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถยนต์ น้ำมันเครื่องสำคัญ

น้ำมันเครื่อง เป็นน้ำมันหล่อลื่นส่วนสำคัญในการหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเราปล่อยให้รถใช้น้ำมันเครื่องเดิมๆ โดยไม่ได้เปลี่ยนถ่ายเลย ผลที่ตามมาคือ น้ำมันเครื่องสกปรก ประสิทธิภาพในการเคลือบหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ลดลง ทำให้ชิ้นส่วนสึกหรอ หากน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพมากๆ อาจส่งผลไปถึงเครื่องยนต์

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องไม่ได้มีกฏตายตัว แต่ที่นิยมเปลี่ยนกันคือระยะ 5,000 – 10,000 กม. แล้วแต่ชนิดและคุณภาพของน้ำมันเครื่อง เช่น

  • น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา เปลี่ยนถ่ายทุกๆ 5,000-8,000 กม.
  • น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ เปลี่ยนถ่ายทุกๆ 8,000-10,000 กม.
  • น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ เปลี่ยนถ่ายทุกๆ 10,000-15,000 กม.

เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์

น้ำมันเกียร์ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติก็ควรต้องมีการเปลี่ยนถ่าย ยิ่งเป็นเกียร์ออโต้ยิ่งควรต้องดูแลมากกว่า เพราะกลไกข้างในซับซ้อนกว่า และต้องการการดูแลที่ดี ไม่อย่างนั้นหากปล่อยไว้นาน น้ำมันหนืดหล่อลื่นได้ไม่ดี หรือน้ำมันไม่สะอาดมีสิ่งสกปรกปนเปื้อน ก็จะไปทำให้ชิ้นส่วนของเกียร์สึกหรอ ระบบการทำงาน การเข้าเกียร์ เปลี่ยนเกียร์ อาจรวนหรือสะดุด ส่งผลเสียต่อการขับขี่

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ควรเปลี่ยนตามระยะเช่นกัน ควรเปลี่ยนถ่ายทุกๆ 40,000 กม. หรือ ปีละครั้ง ถ้าขับรถในที่ที่ต้องใช้งานเกียร์หนักๆ เดี๋ยววิ่งเดี๋ยวหยุด ระบบเกียร์จะมีการเปลี่ยนขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา เช่น การขับรถในกรุงเทพฯ ควรลดระยะเปลี่ยนถ่ายลงมาเป็น 20,000-30,000 กม.

น้ำมันเบรก

เมื่อรถเคลื่อนที่ก็ต้องมีการเบรก ระบบเบรกสำคัญ หากคุณเบรกไม่ทันหรือระบบเบรกติดขัด อาจมีอุบัติเหตุตามมา น้ำมันเบรกทำหน้าที่ขับเคลื่อนตามแรงดันเพื่อไปยังปั๊มเบรกและลูกสูบเบรก ให้เบรกทำงานในการช่วยหยุดรถ เมื่อใช้งานนานๆ น้ำมันเบรกย่อมเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ทำให้ประสิทธิภาพในการเบรกรถลดลงไป และอาจเกิดการตกตะกอนจากการเสื่อมสภาพของน้ำมัน เข้าไปอุดตันในระบบ ทำให้การเบรกทำได้ไม่ดี ซึ่งระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก ระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกอยู่ที่ประมาณ 40,000 กม. หรือ ปีละครั้ง

น้ำมันเฟืองท้าย

น้ำมันเฟืองท้ายจะมีในรถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยเฟืองท้าย เช่น ขับเคลื่อนล้อหลัง ขับเคลื่อนสี่ล้อ ส่วนใหญ่มักเป็นรถกระบะ ซึ่งเฟืองท้ายนั้นดูแลไม่ยากเพราะระบบไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แต่ก็ควรเปลี่ยนถ่ายเพื่อให้น้ำมันใหม่และไปหล่อลื่นเฟืองท้ายได้ดีมีประสิทธิภาพ โดยปกติจะเปลี่ยนทุกๆ 40,000 กม. แต่ถ้ารถใช้งานสมบุกสมบัน หรือไปลุยน้ำลุยโคลน ก็ควรหมั่นเช็ค และลดระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายลง

น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์

เชื่อว่ารถรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันนี้ได้มีมาพร้อมระบบพวงมาลัยเพาเวอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพวงมาลัยเพาเวอร์จะช่วยให้คนขับไม่ต้องออกแรงขับรถในการหมุนพวงมาลัยซ้ายขวา ถ้าน้ำมันมีไม่พอจะทำให้การหมุนเลี้ยวทำได้ยากขึ้น พวงมาลัยหนักขึ้น และระบบเฟืองภายในอาจสึกหรอได้ จึงควรเติมและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันอย่างน้อยทุกๆ 80,000 กม.

น้ำยาหล่อเย็น

นอกจากพวกน้ำมันและระบบหล่อลื่นต่างๆ ของเหลวในรถยนต์ ที่ควรเปลี่ยนยังมีน้ำยาหล่อเย็น หรือ น้ำยาเติมหม้อน้ำ เพราะเมื่อใช้ไปนานๆ เข้า สารที่อยู่ในน้ำยาหล่อเย็นอาจเสื่อมสภาพ คุณสมบัติในการทำให้น้ำมีจุดเดือดสูงขึ้น การป้องกันสนิมตะกรัน และอื่นๆ ให้หม้อน้ำก็จะลดลงไป ซึ่งควรเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหล่อเย็นทุกๆ 100,000 กม. หรือทุก 1 ปี

น้ำยาฉีดกระจก

ยังมีอีกหนึ่งจุดที่คนใช้รถมักละเลย เพราะด้วยสภาพอากาศร้อนในบ้านเราอาจไม่ค่อยจำเป็นต้องใช้งานจนลืมไปแล้วว่าต้องเติมน้ำยาฉีดกระจกเอาไว้ด้วย เพราะเมื่อถึงยามหน้าฝนแล้วต้องมีการปัดน้ำฝนขึ้นมา หากมีน้ำยาฉีดกระจกก็ช่วยให้ทัศนวิสัยดีขึ้น และเมื่อใช้รถไปนานๆ น้ำอาจแห้งได้ จึงควรหมั่นเติมให้พอดีอยู่เสมอ

รถยนต์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในการใช้ชีวิตเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนมาไหน รถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งยานพาหนะที่ช่วยให้เราไปถึงที่หมายได้ด้วยความสะดวกสบาย เพราะฉะนั้นเรามาดูแลรถยนต์ให้อยู่กับเราไปนานๆ กันดีกว่าครับ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าสำหรับในคอลัมน์นี้ ผู้ที่ใช้รถอยู่เป็นประจำหรือนานๆใช้ทีก็ไม่ควรพลาดครับ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการถ่ายของเหลวที่อยู่ในรถคู่ใจของเรา มีอะไรบ้างและควรจะถ่ายในระยะกิโลที่เท่าไหร่นั้นต้องไปติดตามดูกันครับ

หลายคนอาจมองข้ามหรือไม่รู้เลยก็ว่าได้ว่าในรถหนึ่งคันนั้นมีอะไรที่เป็นของเหลวบ้างและของเหลวเหล่านี้ที่เป็นกลไกลในการขับเคลื่อนรถมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายตามระยะกิโลที่กำหนด ถ้าไม่มีการเปลี่ยนถ่ายตามระยะที่กำหนดอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรืออาจจะทำให้การทำงานด้อยประสิทธิภาพลง เพราะฉะนั้นแล้วจึงเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ผู้ที่ใช้รถไม่ควรมองข้าง ถามว่าของเหลวที่อยู่ในรถมีอะไรบ้างนั้นเราไปดูกันทีละอย่างเลยครับ

  • น้ำมันเครื่อง

เปลี่ยนของเหลวทั้งคันมีอะไรบ้าง

น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา 5,000 กิโลเมตร น้ำมันเครื่อง กึ่งสังเคราะห์ 7,500-8,000 กิโลเมตร น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 10,000-15,000 กิโลเมตร น้ำมันเครื่อง น่าจะเป็นของเหลวลำกับต้นๆ ที่คนทั่วไปรู้จักกันอีก เนื่องจากน้ำมันเครื่องยนต์มีรอบ/การเปลี่ยนถ่ายค่อนข้างบ่อย ประกอบกับมีการโฆษณาคุณสมบัติน้ำมันเครื่องยนต์โดยแต่ละผู้ผลิตจำนวนมากตาม สื่อต่างๆ จนทำให้คนเริ่มคุ้นเคยมากขึ้น น้ำมันเครื่องยนต์ปัจจุบัน มีหลายเกรด สิ้นค้า โดยพื้นฐานที่สุด คือน้ำมันเครื่องยนต์ธรรมดา เป็นเกรดแบบที่ใช้พื้นฐานจากน้ำมันตามธรรมชาติมาผสมเพื่อให้ได้การหล่อลื่น และลดความร้อนในระหว่างการทำงานที่ดี ปัจจุบันน้ำมันแบบนี้มีขายน้อยมากแล้วในตลาด แต่ก็ยังมีขายอยู่และได้รับความนิยมบ้างเนื่องจากราคาไม่แพงน้ำมันเครื่องเกรดต่อมา คือ น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ น่าจะเรียกว่าเป็นพื้นฐานของน้ำมันเครื่องยนต์ในยุคนี้ น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ คือการเอาน้ำมันเครื่องเกรดปกติมาผสมสูตรด้วยส่วนผสมที่ปรุงแต่งขึ้นมา ทำให้ มีราคาแพงกว่าเกรดปกติ แต่มีข้อดี คือระยะเปลี่ยนถ่ายยาวนานขึ้น

  • น้ำยาหม้อน้ำ

เปลี่ยนของเหลวทั้งคันมีอะไรบ้าง

น้ำยาหม้อน้ำ เปลี่ยนทุกระยะ 50,000 กิโลเมตร น้ำยาหม้อน้ำ หรือบางคนอาจจะเรียกน้ำยาหล่อเย็น เป็นของเหลวที่คุณควรจะใส่ใจเนื่องจากเป็นระบบที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องยนต์ และบ้านเราก็อยู่ในสภาวะพื้นที่อากาศค่อนข้างร้อนพอสมควรน้ำยาหม้อน้ำคือปราการด่านสำคัญ ช่วยลดอุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ โดยปกติแล้ว น้ำยาหม้อน้ำ จะต้องเปลี่ยนทุกๆ 50,000 กิโลเมตร เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานสูงสุด ที่สำคัญราคาค่าเปลี่ยนน้ำยาหม้อน้ำ ไม่แพงเท่าการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันเกียร์ จึงอยากแนะนำให้เปลี่ยนเมื่อถึงเวลา เพราะสามารถป้องกันเครื่องยนต์ฮีทได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • น้ำมันเบรก

เปลี่ยนของเหลวทั้งคันมีอะไรบ้าง

ระยะเปลี่ยนน้ำมันเบรก ทุก 80,000 กิโลเมตร หรือ 3 ปี น้ำมันเบรก ในรถทุกคัน ใช้เพื่อเป็นแรงดันส่งไปดันแม่ปั้มเบรกเพื่อกดผ้าเบรก ลงบนจานเบรกให้เกิดแรงเสียดทาน และหยุดรถได้โดยสำเร็จ ช่างบางคนมักจะบอกว่า น้ำมันเบรกควรเปลี่ยนเมื่อสกปรก หรือเริ่มดำไม่ใส ทว่าในความเป็นจริงน้ำมันเบรกไมได้สัมผัสกับความร้อนที่เกิดขึ้นจากการเบรก โดยตรง ทำให้ไม่ได้มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเมื่อมีคราบดำในน้ำมัน  ผิดกับน้ำมันเครื่องที่ชะและถ่ายเทความร้อนจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์โดย ตรง จนบางคนเข้าใจผิดว่าน้ำมันเบรกต้องเปลี่ยนทันทีเมื่อมีคราบดำในน้ำมัน หรือมีสีไม่ใส เว้นแต่เบรกคุณเริ่มมีอาการแปลกๆในการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะ อาการ “เบรกจม” ซึ่งเหมือนคุณเหยียบเบรกแล้วเบรกไม่อยู่ ต้องย้ำเบรก แบบนี้อาจจะต้องเปลี่ยนน้ำมันเบรกก่อนระยะตามกำหนด หรือ ในบางพื้นที่เบรกถูกใช้งานหนักบ่อยๆ เช่นการขึ้นลงเขา  น้ำมันเบรกอาจจะเสื่อมคุณภาพ หากเริ่มมีอาการเบรกเฟดบ่อยขึ้นในระหว่างการใช้งาน ก็ต้องเปลี่ยนน้ำมันเบรกอย่างไรก็ดี ถ้าคุณโชคดีว่า ไม่เคยพบปัญหาอะไรในการใช้งาน โดยมาก น้ำมันเบรกจะมีอายุได้ถึง 80,000 กิโลเมตร หรือ ประมาณ 3 ปี แล้วแต่ว่าอะไรถึงก่อน (ถ้าพ้น 3 ปีแล้ว ควรเปลี่ยนทันทีเนื่องจากน้ำมันเบรกอาจจะเสื่อมคุณภาพในการใช้งาน)

  • น้ำมันเพาเวอร์

เปลี่ยนของเหลวทั้งคันมีอะไรบ้าง

ระยะเปลี่ยนน้ำมัน พาวเวอร์ทุก 80,000 กิโลเมตรน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ปัจจุบันอาจจะไม่มีในรถบางรุ่นแล้ว เนื่องจากรถยนต์ในปัจจุบัน หันมาใช้พวงมาลัยไฟฟ้าแทน แต่ถ้ารถคุณยังมีอยู่ โดยเฉพาะรถรุ่นเก่าๆ อย่าละเลยเด็ดขาด คุณควรจะเปลี่ยนน้ำมันพาวเวอร์ ทุก 80,000 กิโลเมตร แม้ว่าน้ำมันพาวเวอร์อาจจะไม่ส่งผลอะไรอย่างชัดเจน จนเป็นอันตรายถ้าไม่เปลี่ยนถ่าย .. แต่ถ้าคุณละเลย โดยมากชุดแร็คพาวเวอร์ก็จะพังไปก่อน อย่างไรเสียก็เปลี่ยนน้ำมันพาวเวอร์ให้ไวด้วย

  • น้ำมันเกียร์ –น้ำมันเฟืองท้าย

เปลี่ยนของเหลวทั้งคันมีอะไรบ้าง

น้ำมันเกียร์-เฟืองท้าย ระยะเปลี่ยนถ่าย 40,000 กิโลเมตรน้ำมันเกียร์ คือน้ำมันที่ทำหน้าที่ในการลดการสึกหรอและความร้อนระหว่างการทำงานของชุด เกียร์ ซึ่งปกติน้ำมันเกียร์ควรจะเปลี่ยนถ่ายโดยช่างผู้เชี่ยวชาญในศูนย์บริการรถ ยนต์ยี่ห้อที่คุณใช้อยู่ระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์จะกระทำทุกๆ 4 หมื่นกิโลเมตร และไม่ควรจะเกินระยะการเปลี่ยนถ่ายดังกล่าว เนื่องจากน้ำมันเกียร์เดิม อาจจะมีคราบเขม่าสะสมจากการใช้งานจำนวนมาก และทำให้การหล่อลื่นอาจจะด้อยประสิทธิภาพในการใช้งานลงไป แถมถ้าเกียร์พังขึ้นมายกเปลี่ยนใหม่ราคานับแสนไม่คุ้มกันหรอกครับจึงไม่แปลกที่บางครั้งคุณเข้าไปเช็คระยะกับศูนย์บริการก่อนระยะ 40,000 กิโลเมตร จะโดนบังคับให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์โดยทันที ไม่ว่าในรถคุณจะเป็นเกียร์ออโต้ คลัทช์คู่  CVT  หรือเกียร์ธรรมดา จะอยู่ในระยะเดียวกันนี้หมด ส่วนน้ำมันเฟืองท้าย คือน้ำมันของชุดขับเกียร์ลงล้อ หรือเฟืองขับสุดท้ายก่อนจะยังเพลา ซึ่งจะต้องเปลี่ยนในระยะเดียวกัน แต่จะมีสูตรน้ำมันต่างจากน้ำมันเกียร์ ให้ศึกษาจากศูนย์บริการ หรือคู่มือประจำรถให้ดี

อ่านคอลัมน์นี้จบแล้วทางทีมงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะมีหลายๆท่านต้องวิ่งไปเช็คระยะกิโลรถคันโปรดกันบ้างไม่มากก็น้อยแหละครับ ถ้าเราสามารถเปลี่ยนถ่ายของเหลวในระยะที่กำหนดก็จะช่วยให้รถคันโปรดอยู่กับเราไปได้นานและไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ท้ายที่สุดก็อย่าลืมขับขี่กันด้วยความไม่ประมาทด้วยนะครับ….สวัสดีครับ…!!