GMOs การดัดแปรพันธุกรรม Show จีเอ็มโอ อาหาร หนึ่งในปัจจัยสี่เพื่อการดำรงชีพของมนุษย์ บรรดาหนึ่งในผลงานที่เป็นผลิตผลของการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็คือ
การดัดแปรพันธุกรรมพืชและสัตว์ ที่เรียกกันย่อๆ ว่า จีเอ็มโอ-GMOs จีเอ็มโอคืออะไร มีอันตรายหรือไม่ การพิจารณาว่าจีเอ็มโอปลอดภัยต่อผู้บริโภค และ/หรือสิ่งแวดล้อมหรือไม่นั้น จะต้องผ่านการทดสอบ มีสารเคมีเกี่ยวข้องกับจีเอ็มโอหรือไม่ กินอาหารจีเอ็มโอในระยะยาวมีผลกับร่างกายหรือไม่ จีเอ็มโอกับประเทศไทยประเทศไทยไม่อนุญาตให้มีการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ที่เป็นจีเอ็มโอในเชิงพาณิชย์ นอกจากอนุญาตให้นำเข้ามาเป็นพันธุ์ทดลอง เพื่อการทดสอบความปลอดภัยทางชีวภาพ ซึ่งต้องไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพของคน สัตว์ และพืช เช่นเดียวกันกับที่ไม่อนุญาตให้นำไปปลูกในพื้นที่การเกษตรใดๆ จำนวน 40 รายการ เช่น ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง แตงไทย
ถั่วลันเตา มะเขือเทศ มะละกอ เป็นต้น จากทุกแหล่ง การปรับปรุงพันธุ์ต่างกับการดัดแปรพันธุกรรมอย่างไร การปรับปรุงพันธุ์พืช เป็นการเลียนแบบธรรมชาติ โดยใช้ให้พืชผสมข้ามสายพันธุ์แล้วคัดเลือกพันธุ์ที่ดีที่สุดมาใช้แต่ตำแหน่งและการเรียงลำดับพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) ของพืชยังคงสภาพเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้จะมีการถ่ายสายพันธุกรรมจากพืชพันธุ์หนึ่งไปสู่พืช อีกพันธุ์หนึ่งก็ตาม สำหรับการตัดแต่งพันธุกรรมคือ การนำเอายีนของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง เช่น พืช สัตว์ เชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส ใส่ลงไปในสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง เพื่อให้การแสดง ออกของยีนของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ มีลักษณะเหมือนหรือคล้ายกับยีนของสิ่งมีชีวิตที่ใส่เข้าไปใหม่ การตัดแต่งสายพันธุกรรมอาจทำให้เกิดผลที่ไม่สามารถคาดคิดได้ เพราะเป็นการกระทำที่ผิดธรรมชาติ ซึ่งทำให้ระบบการทำงานของสิ่งมีชีวิตผิดปกติไปจากเดิมการแสดงออกของยีนอาจทำให้เกิดปัญหาต่อลักษณะของพืชได้ เช่น เมื่อนำเอายีนที่สามารถต้านทานยาปฏิชีวนะใส่เข้าไปในพืชแทนที่พืชจะสามารถต้านทานโรคได้ดี ในทางตรงข้ามอาจทำให้พืชรับเชื้อโรคได้มากกว่าเดิมเพราะยีนที่ใส่เข้าไปรบกวนการทำงานระบบต้านทานโรคของพืช ถ้าเทียบเทคนิคการปรับปรุงสายพันธุ์ซึ่งเป็นการเลียนแบบการคัดเลือกแบบธรรมชาติ
ต้องอาศัยเวลานาน 10 ปี กว่าจะได้สายพันธุ์ที่ดีที่สุดและมีความแข็งแรงต้านทานโรคได้ดี โดยไม่ต้องกังวลถึงผลกระทบต่อระบบการทำงานของพืช ที่มาที่ไปของ GMOs กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้คำจำกัดความของ GMOs หรือในอีกชื่อ LMOS (Living Modified Organisms) ว่า สถานภาพของสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการตัดต่อสารพันธุกรรม คำจำกัดความนี้มีความหมายถึงสิ่งมีชีวิตทุกชนิด นับแต่ที่มีขนาดเล็กมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นไปจนถึงคน สัตว์ พืช ซึ่งล้วนแต่มีหน่วยพันธุกรรมที่เรียกว่า DNA เป็นตัวกำหนดลักษณะเฉพาะประจำตัว เช่น ผมสีทอง นัยน์ตาสีฟ้าของมนุษย์ ดอกสีม่วงของกล้วยไม้ ขนหาง สีดำของวัว เป็นต้น DNA เหล่านี้ เกาะตัวกันเป็นสายเรียกว่า โครโมโซมบรรจุอยู่ในเซลล์ นักพันธุวิศวกรรมอาศัยความ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การคัดเลือกสายพันธุ์ข้าวที่มีทั้งคุณภาพดี และต้านทานโรคจาก 2 สายพันธุ์ วิธีการนี้เรียกว่าการแลกเปลี่ยนพันธุ์แบบมาตรฐาน (conventional breeding) ซึ่งยังใช้ได้ดี แต่ต้องใช้เวลานานหลายปี ในการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ แต่เมื่อประชากรเพิ่มมากขึ้นความต้องการบริโภคอาหารของโลกจึงเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นเงาตามตัว ดังนั้นการพัฒนาทางพันธุ์พืชและสัตว์ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมาจึงมุ่งเน้นไปสู่เป้าหมายเพื่อให้ได้พืชและสัตว์ที่มีสายพันธุ์ ที่สามารถให้ผลผลิตสูง คุณภาพดี และต้านทานโรคแมลงหรือวัชพืชมากขึ้น ในขณะที่สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวลงตามลำดับ นักพันธุวิศวกรรม หรือนักปรับปรุงพันธุ์พืชจึงมีความเห็นว่า หากการปรับปรุงหรือแลกเปลี่ยน DNA กันเฉพาะในหมู่พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ การนำ DNA จากสิ่งมีชีวิตหนึ่งหรือ DNA ที่ทำขึ้นใหม่เข้ามารวม หรือร่วมกันอย่างถาวรกับ DNA ของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งแล้ว ทำให้เกิดลักษณะประจำตัวใหม่ที่ไม่เคยปรากฏในธรรมชาติ จึงถูกเรียกว่า "การตัดต่อสารพันธุกรรม" (genetic engineering) ส่วนพืช สัตว์ หรือสิ่งมีชีวิตที่ได้มานั้นเรียกว่า "GMOs"ความเชื่อมั่นต่อ GMOs พันธุ์ใหม่
อย่างไรก็ตาม
รางวัลที่ได้จากการใช้พันธุวิศวกรรมกำลังกลายเป็นปรปักษ์ต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทำอย่างไรให้สาธารณชนเกิดความเชื่อมั่นในการบริโภคพืชพันธุ์ใหม่ และทำอย่างไรจึงจะทำให้อาหารจากจีเอ็มโอเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ผู้ผลิต การค้าการส่งออก และแม้แต่สิ่งแวดล้อมโดยปราศจาก อันตราย จีเอ็มโอเป็นความหวังที่ดีที่สุดของการผลิตอาหารให้มีมากเพียงพอกับความต้องการและผลิตกลับมาสู่ผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วเป็นการลดต้นทุนการผลิตและเวลา ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับประเทศกำลังพัฒนา ที่ส่วนใหญ่ขาดเงินและมีอาหารจำกัด ดังเช่น การพัฒนาพันธุ์ข้าวคลองหลวง 1ที่คัดเลือกสายพันธุ์จากข้าวขาวดอกมะลิ 105 มาพัฒนาพันธุ์ร่วมกับข้าว ก.ข. ของภาคกลาง ให้สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี มีคุณภาพ และความหอมใกล้เคียงกับข้าวขาวดอกมะลิ 105 นั้น ต้องใช้เวลาสำหรับการพัฒนาตามมาตรฐานเดิม เพื่อให้ได้ข้าวที่มีความเด่นรวมอยู่ในพันธุ์เดียวกันนี้ถึง 14 ปี นับเป็นเวลาที่ยาวนาน หากนำการตัดต่อสารพันธุกรรมมาใช้จะย่นเวลาเหลือไม่กี่ปี ประโยชน์และความเสี่ยง ในทางตรงกันข้าม ถ้าการถ่ายสารพันธุกรรมมาจากจุลินทรีย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุลินทรีย์ที่เป็นเชื้อและสาเหตุของโรคเข้าไป ในพืชหรือสัตว์ ก็ย่อมจะมีความเสี่ยงสูงมาก
ขณะที่พืชพันธุ์ใหม่หลายตัวที่ได้มา ยังถ่ายแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อราด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคไม่รู้สึกปลอดภัยที่จะกินเข้าปากไป และก็นี่ไม่ ใช่ "ยา" แต่เป็นพันธุวิศวกรรมที่นำ "ยีน" จากพืชหรือ แมลง ไปใส่ในอาหารซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเองในธรรมชาติไม่สามารถแนะนำการผสมพันธุ์ในแบบที่เข้าใจได้ง่าย หรือในแบบธรรมดาๆ ได้ และยังทำให้เกิดความกลัวว่าจะมีผลต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัวซึ่งอาหารจีเอ็มโอทั้งหมดควรมีการตรวจสอบก่อนนำอาหารดังกล่าวมาเสนอขายให้แก่ผู้บริโภค ถึงแม้ในวงการวิทยาศาสตร์ของสหรัฐฯ
จะมีฉันทมติ อย่างกว้างขวางว่า พืชตัดต่อสารพันธุกรรม ในปัจจุบันปลอดภัย แต่กลุ่มต่อสู้เพื่ออาหารในยุโรปเรียกเจ้าพืชพันธุ์จีเอ็มโอนี้ว่า "แฟรงเกนสไตน์"หรือพืชผีดิบ แม้จะไม่ปฏิเสธว่า การตัดต่อทางพันธุกรรม ดังกล่าวเป็นประโยชน์หลายทาง เช่น ทำให้หนอนเจาะสมอฝ้ายเบื่ออาหาร ไม่มากัดกินดอกฝ้ายจนตายไป ไม่ต้องใช้สารเคมี และสารพิษฆ่าแมลงที่เกิดการสะสมจนเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมทั้งยังสามารถเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้นและราคาจำหน่ายถูกกว่ามาก
แต่จีเอ็มโอก็ยังถูกต่อต้านและถูกปฏิเสธผู้คนมากมายเกลียดเจ้าพืชผีดิบตัวนี้ ไม่เฉพาะประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป แต่ยังไม่เป็นที่นิยมบริโภคทั่วไป สิทธิผู้บริโภค ⇒ รูปลักษณ์ภายนอกของพืชจีเอ็มโอกับพืชปกติ ดูแล้วแทบไม่แตกต่างกันเลย ผู่บริโภคจึงไมาสามารถรับรู่ ได่ด่วยตาเปลาาวาาอาหารชนิดใดมีส่วนประกอบเป็นจีเอ็มโอ⇒ การติดฉลากอาหารที่มีจีเอ็มโอจึงเป็นกระบวนการที่ให่สิทธิแก่ผู้บริโภคในการรับรู้ข้อมูลและสิทธิในการเลือกปฏิเสธอาหารที่มีจีเอ็มโอซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภคภายใต้รัฐธรรมนูญไทย ⇒ 77 ประเทศทั่วโลกมีกฎข้อบังคับเรื่องการติดฉลากที่เข้มงวดที่สุดคือในสหภาพยุโรป ซึ่งกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อาหาร ที่มีจีเอ็มโอมากกว่าร้อยละ .09 ในส่วนประกอบใดส่วนประกอบหนึ่ง ไม้ว่าจะตรวจพบ ในผลิตภัณฑ์สุดท้ายหรือไม่จะต้องแสดงฉลาก ⇒ ประเทศไทยเริ่มบังคับใช้กฎกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการติดฉลากอาหารดัดแปรพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2546แต่ข้อกำหนดที่ใช้นั้นหละหลวมมาก คือบังคับใช้เฉพาะกับผลิตภัณฑ์ที่มีถั่วเหลืองหรือข้าวโพดจีเอ็มโอเป็นส่วนผสมอยู่ในสามอันดับแรกของอาหารและต้องมีปริมาณร้อยละ 5 ขึ้นไป จึงจะต้องแสดงฉลาก เท่ากับว่าทำให้อาหารหลายชนิดไม่ต้องแสดงฉลากทั้งๆ ที่มีจีเอ็มโอ ป้องกันไว้ก่อน⇒ หลีกเลี่ยงการกินอาหารจีเอ็มโอ ข้อดีของ GMOsGMOs คือผลผลิตจากความก้าวหน้าของวิทยาการทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพและชีววิทยาระดับโมเลกุลโดยเฉพาะพันธุวิศวกรรม ที่ได้พัฒนาอย่างรวดเร็วจนถึงระดับสูงมาก สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้นักวิทยาศาสตร์และสถาบันวิจัยทั่วโลกทุ่มเทพลังความคิดและทุนวิจัยจำนวนมหาศาลเพื่อศาสตร์นี้ คือความมุ่งหมายที่จะพัฒนา ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรโลกทั้งทางด้านโภชนาการ การแพทย์ และสาธารณสุข ความสำเร็จแห่งการพัฒนาศาสตร์ดังกล่าวมีรูปธรรมคือการยกระดับคุณภาพอาหาร ยา และเทคโนโลยีทางการแพทย์ ดังที่เราได้รับผลประโยชน์อยู่ทุกวันนี้และในภาวะที่จำนวนประชากรโลกเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ในขณะที่พื้นที่การผลิตลดลง พันธุวิศวกรรมเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดอันหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารและยาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากประสิทธิภาพของพันธุวิศวกรรมเป็นที่ยอมรับว่าสามารถช่วยเพิ่มอัตราผลผลิตต่อพื้นที่สูงขึ้นมากกว่าการผลิตในรูปแบบดั้งเดิม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการเกษตรในสหรัฐอเมริกาและด้วยการที่พันธุวิศวกรรม สามารถยกระดับคุณ ข้อเสียของ GMOs แม้ว่าในขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่ามีผู้ใดได้รับอันตรายจากการบริโภคอาหาร GMOs แต่ความกังวลต่อความเสี่ยงของการใช้ GMOs เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เช่น กรณีตัวอย่างดังต่อไปนี้ ความเสี่ยงต่อผู้บริโภค สารอาหารจาก GMOs อาจมีคุณค่าทางโภชนาการไม่เท่าอาหารปกติในธรรมชาติ เช่น รายงานที่ว่าถั่วเหลืองตัดแต่งพันธุกรรมมี isoflavone มากกว่าถั่วเหลืองธรรมดาเล็กน้อย ซึ่งสารชนิดนี้เป็นกลุ่มของสารที่เป็น phytoestrogen (ฮอร์โมนพืช) ทำให้มีความกังวลว่า การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจน อาจทำให้เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคหรือไม่ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กทารก จึงจำเป็น ต้องมีการศึกษาผลกระทบของการเพิ่มปริมาณของสาร isoflavine ต่อกลุ่มผู้บริโภคด้วย ความกังวลต่อการเกิดสารภูมิแพ้ (allergen) ซึ่งอาจได้มาจากแหล่งเดิมของยีนที่นำมาใช้ทำ GMOs นั้น ตัวอย่างที่เคยมีเช่น การใช้ยีนจากถั่ว Brazil nut มาทำ GMOs เพื่อเพิ่มคุณค่าโปรตีนในถั่วเหลืองสำหรับเป็นอาหารสัตว์ การตัดแต่งพันธุกรรมในสัตว์ปลอดภัยต่อผู้บริโภคหรือไม่? อาหารตัดแต่งพันธุกรรม(Genetically Modified Food GMF) อาหารตัดแต่งพันธุกรรม(Genetically Modified Food GMF) ประโยชน์จากไบโอเทค ด้านการแพทย์ ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม ในด้านการผลิตอาหาร ด้านการเกษตร ไบโอเทคในการเกษตรและอาหาร 1. การเพิ่มความต้านทานต่อชีวภาพ (increased biological resistance) โดยเฉพาะการต้านทานแมลงและศัตรูพืชบางอย่าง หรือต้านทานต่อโรคพืชบางชนิด เพื่อที่จะลดการใช้สารพิษฆ่าแมลง หรือฆ่าเชื้อโรคให้น้อยลง จะได้ลดการสูญเสียในการปลูกพืชเหล่านั้น 1.1 พืชที่ต้านทานต่อแมลงและศัตรูพืช เป็นที่ทราบกันว่าแมลงศัตรูพืชเป็นตัวการสำคัญในการทำลายผลผลิตของเกษตรกร โดยปกติจะใช้สารพิษกำจัดซึ่งมีข้อจำกัดทั้งในด้านความปลอดภัยของผู้ใช้ ตกค้างในพืชผักทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และยังอาจถูกชะล้างด้วยฝนลงสู่แหล่งน้ำและสะสมในดินเกิดมลพิษตามมา การใช้สารพิษเหล่านี้มีข้อเสียคือ อาจทำให้ไม่สามารถควบคุมแมลงได้เต็มที่ บางครั้ง ทำให้แมลงต้านทานต่อสารพิษนั้นๆ แล้วใช้ไม่ได้ผล ต้องมีการเพิ่มการใช้มากขึ้นเป็นเหตุให้มีสารพิษตกค้างมากขึ้น จะเป็นปัญหาต่อผู้บริโภคในวงกว้าง ดังนั้นการตัดแต่งพันธุกรรม โดยนำยีนบางชนิดจากพืชหรือสัตว์ (โดยเฉพาะจากจุลินทรีย์) มาตัดต่อลงไปในยีนของพืชเพื่อทำให้พืชสามารถสร้างสารโปรตีนบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อแมลงศัตรูพืช แต่ไม่มีผลกระทบ กับคน ทำให้พืชต้านทานต่อการทำลายของแมลงศัตรูพืชได้ จะทำให้สามารถลดการใช้สารพิษกำจัดแมลงลงได้ สัตว์ แมลง และจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ก็ไม่ถูกทำลายและสามารถช่วยควบคุมแมลงศัตรูพืชได้อีกต่อหนึ่ง ผลที่ได้จะเกิดประโยชน์สองอย่างคือ ช่วยเพิ่มผลผลิตการเกษตรและช่วยลดอันตรายของเกษตรกรที่สัมผัสกับสารพิษฆ่าแมลง 1.2 พืชต้านทานต่อสารพิษปราบวัชพืช (herbicide-tolerant plants)
ปกติวัชพืชจะเป็นศัตรูของพืชอาหารโดยจะแย่งน้ำสารอาหาร แสงแดด และแม้ แต่แย่งพื้นที่เพาะปลูก และยังอาจเป็นที่สะสมหรือเป็นที่อาศัยของแมลง และเชื้อโรคต่างๆ ที่เป็นอันตรายต่อพืชอาหารอีกด้วย ทำให้คุณภาพของพืชอาหารลดลง มีการปนเปื้อนจากวัชพืชโดยเฉพาะเมล็ดหรือเกสรของ มัน เกษตรกรจะกำจัดวัชพืชด้วยการตัด ถาง ทำลาย หรือใช้สารพิษฆ่าวัชพืชฉีดฆ่ามัน การถางหญ้ามีข้อเสีย ทำให้ผิวหน้าดินเสื่อมมีปัญหาในระยะยาว การใช้สารพิษฆ่าวัชพืชก็เป็นอันตรายและปนเปื้อนสิ่งแวดล้อม และยังเป็นอันตรายต่อพืชอาหารด้วย
แต่เกษตรกรจำเป็นต้องใช้ ถ้าหากมีวิธีการที่ดีกว่าเกษตรกรคงจะเลือกใช้วิธีนั้น 1.3 พืชต้านทานต่อโรคพืช (disease- resistant plants) โรคพืชถือว่าเป็นปัจจัยทำลายพืชอาหารอย่างมาก อาจเป็นเชื้อรา ไวรัส ทำให้ผลผลิตและคุณภาพของพืชอาหารลดต่ำลง ดังนั้นในบางครั้งเกษตรกรจะต้องลงทุนปลูกมากกว่าที่ต้องการ เผื่อการสูญเสียจากโรคทำให้ต้นทุนสูงขึ้นมาก และต้องใช้สารพิษหรือยาฆ่าเชื้อรา หรือฆ่าแมลงที่เป็นพาหะนำโรคไวรัส ไบโอเทคสามารถตัดแต่งพันธุกรรมโดยใส่ยีนจากเชื้อราที่ทำให้พืชสร้างภูมิต้านทานต่อโรคได้ ทำให้ลดการใช้ยาฆ่าเชื้อราหรือฆ่าไวรัสลงได้ทั้งหลายเหล่านี้จะช่วยเพิ่มผลผลิตและลดการใช้สารพิษลงได้มาก 2.พืชตัดแต่งพันธุกรรมที่สามารถทนสภาวะ อากาศที่รุนแรงได้ เช่น การตัดแต่งยีนที่เปลี่ยนแปลง การสร้างกรด linoleic ในพืชทำให้พืชทนต่ออุณหภูมิเย็นๆ ได้ดีขึ้น 3.พืชตัดแต่งพันธุกรรมสามารถทำให้มีคุณสมบัติบางอย่างที่ต้องการได้ไม่ยาก เช่น 3.1 ลดการทำให้แพ้ หรือลดความเป็นพิษลง โดยการตัดแต่งยีนที่สามารถทำให้พืชลดการสร้างสารที่เป็นสาเหตุของการแพ้ลง หรือลดการสร้างสารพิษลง 3.2ยืดระยะเวลาทำให้พืชหรือผลไม้สุกช้าลง สามารถเก็บไว้ได้นานในสภาวะอากาศอุณหภูมิ ปกติ โดยไม่ต้องเข้าห้องเย็น หรืออยู่กับต้นได้นานขึ้น เช่น มะเขือเทศตัดแต่งพันธุกรรมจะสุกช้าอยู่กับต้นได้นานทำให้มีรสชาติดีขึ้น และสีสวยก่อนจะเก็บส่งขายตลาด 3.3เพิ่มปริมาณแป้งในอาหาร เช่น มันฝรั่งที่ได้จากการตัดแต่งพันธุกรรม สามารถผลิตแป้งได้มาก 4.พืชตัดแต่งพันธุกรรม ที่สามารถสร้างสารอาหารได้เหมาะสมตามต้องการ เช่นการเปลี่ยนแปลงการสร้างโปรตีน หรือไขมัน หรืออาจเพิ่มปริมาณ phytochemicals ให้มากขึ้น การเพิ่มปริมาณวิตามินและเกลือแร่บางอย่างในอาหารที่บริโภคประจำเพื่อแก้ปัญหาทุพโภชนาการในประเทศนั้น เช่น การเพิ่มปริมาณบีต้าแคโรทีน และธาตุเหล็กในข้าว (golden rice) เป็นต้น พืชตัดแต่งพันธุกรรมในอนาคต 1. ข้าวโพดตัดแต่งพันธุกรรมที่ทนต่อหนอน ทำลายราก (rootworm) ข้าวโพด 2.
มะเขือเทศ 3.ข้าวสีทอง (golden rice) 4.Canola 5.พืชวัคซีน (plant-based vaccine)
6 .การผลิตหญ้า สำหรับสนามหญ้า ปัญหาความปลอดภัยของเทคนิคตัดแต่งพันธุกรรม และอาหารตัดแต่งพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนข้ามสายพันธุ์จะไม่สามารถทำให้เกิดการกลายพันธ์ได้ เช่น การถ่ายทอดยีนจากปลาไปสู่มะเขือเทศ หรือจากมะเขือเทศไปสู่ปลา จะไม่สามารถ ทำให้ปลากลายเป็นมะเขือเทศ สำหรับอาหารที่ได้จากสิ่งมีชีวิตตัดแต่งพันธุกรรม (GMOs) นั้นจะปลอดภัยหรือไม่ขึ้นกับการควบคุมดูแลของหน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละประเทศ
ส่วนใหญ่จะอยู่ในความดูแลของหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับอาหาร เช่น USFDA หรือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในประเทศไทย ในปี 1.องค์ประกอบของสารพิษที่รู้จักกันแล้ว สารพิษ ใหม่ต้องไม่เพิ่มขึ้น และองค์ประกอบของสารอาหารต้องไม่แตกต่างจากพันธุ์ดั้งเดิมอย่างมีนัยทางสถิติ 2.มีสารก่อภูมิแพ้เกิดขึ้นใหม่หรือไม่ หรือมีการเปลี่ยนแปลงของสารก่อภูมิแพ้เดิมหรือไม่ ถ้ามีจะต้องแสดงบนฉลากให้ผู้บริโภคทราบ 3.ความปลอดภัยของยีนที่ใช้ตัดแต่งพืชพันธุ์ใหม่ ผลกระทบของ GMOs ต่อสิ่งแวดล้อม ความกังวลของหลายๆ ฝ่ายเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดยีนไปสู่พืชธรรมชาติอื่น การเปลี่ยนแปลงปริมาณแมลงธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ต่างๆ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของพืชทั่วไป เป็นต้น ในหลายๆ ประเทศที่มีการศึกษาวิจัยและการปลูกเป็นการค้าได้คำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ ในสหรัฐอเมริกาดูแลโดย USEPA (United State Environmental Protection Agency) ตามปกติหน่วยงานเหล่านี้จะต้องดูแลทั้งพืชที่ผสมพันธุ์โดยวิธีดั้งเดิมด้วย สำหรับพืชตัดแต่งพันธุกรรมต้องควบคุมดูแลเข็มงวดขึ้นไปอีก ในสหรัฐอเมริกา USEPA ได้ควบคุมการทดสอบภาคสนามของอาหารตัดแต่งพันธุกรรมเป็นหลายพันครั้ง ไม่พบว่ามีผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อมเลย อย่างไรก็ตาม มีบางคำถามที่อาจจะยังหาคำตอบไม่ได้ขณะนี้ (ทั้งการผสมพันธุ์ตามวิธีดั้งเดิม และการตัดแต่งพันธุกรรม) คือจะมีผลกระทบระยะยาวต่อการเพิ่มขึ้นของวัชพืชที่ใกล้เคียง และผลในการทนทานต่อยาฆ่าวัชพืช เป็นต้น แต่ได้มีวิธีการติดตามตรวจสอบเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว สำหรับประเทศไทยนั้นกระทรวงเกษตรฯยังไม่เคยอนุญาตให้มีการปลูกพืชตัดแต่งพันธุกรรมทางการค้าในประเทศไทย มีเพียงการอนุญาตให้ทำการทดลองปลูกในภาคสนามในพื้นที่ควบคุม เช่น ในโรงทดลอง หรือในแปลงทดลองที่ควบคุมเท่านั้น ส่วนอาหารตัดแต่งพันธุกรรมนั้นยังไม่มีการอนุญาตอย่างเป็นทางการ แต่เนื่องจากในต่างประเทศได้มีการใช้วัตถุดิบที่ได้จากพืช ตัดแต่งพันธุกรรมในการแปรรูปอาหาร และกระบวนการตรวจสอบยุ่งยาก จึงคาดว่าจะมีอาหารตัดแต่งพันธุกรรมขายในท้องตลาดในประเทศไทย สำหรับเมล็ดพืช (grain) ที่สั่งเข้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งถั่วเหลือง และข้าวโพดคงจะมี GMOs อยู่ ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกามีการปลูกถั่ว GMOs ประมาณร้อยละ 50 ของการปลูกทั้งหมด ดังนั้น เราสั่งถั่วเหลืองจากสหรัฐอเมริกาเข้ามาปีละมากๆ คาดการณ์ได้ว่าจะมีถั่วเหลือง GMOs ปนมาประมาณร้อยละ 50 ข้าวโพดก็เช่นกัน สำหรับถั่วเหลืองนั้นส่วนใหญ่นำเข้ามาทำน้ำมันบริโภคกากถั่วเหลืองนำไปทำเป็นอาหารสัตว์ ส่วนข้าวโพดเกือบทั้งหมดนำเข้ามาเป็นอาหารสัตว์ พืชตัดแต่งพันธุกรรมจะถ่ายทอดยีนไปสู่วัชพืชพันธุ์ใกล้เคียงได้หรือไม่ ผลกระทบที่พืชตัดแต่งพันธุกรรมทนทานต่อแมลงจะทำให้แมลงมีการปรับตัวกลายเป็น "Super pest"
ได้หรือไม่หน่วยงานที่รับผิดให้ความมั่นใจว่าแม้ธรรมชาติอาจจะทำให้แมลงปรับตัวนานต่อสารพิษฆ่าแมลง หรือยีนที่สร้างสารพิษฆ่าแมลงได้เพื่อการมีชีวิตรอดก็จริง แต่มีวิธีการควบคุมแบบผสมผสานอยู่แล้วเพราะพืชตัดแต่งพันธุกรรมไม่ใช่คำตอบเพียงอย่างเดียวในการเพิ่มผลผลิตการเกษตร จะต้องมีวิธีการอื่นประกอบด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม พืชที่ทนต่อแมลงจะสามารถ จัดการได้ผลมากกว่าการใช้สารพิษฆ่าแมลง ด้วยเหตุผลสองประการคือ 1)
สามารถกำจัดแมลงได้เจาะจงไม่ฆ่าแมลงอื่นที่เป็นประโยชน์ ปัญหาเรื่อง Bt corn เป็นอันตรายต่อตัวอ่อนของผีเสื้อโมนาร์ช (Monarch butterfly larva) ถ้าพิจารณาให้ถ่องแท้ผู้เกี่ยวข้องให้ความเห็นว่า สิ่งที่จะเป็นความเสี่ยงอันตรายของตัวอ่อนผีเสื้อ คือ การฉีดพ่นสารพิษฆ่าแมลง Bt หรือสารพิษฆ่าแมลงอื่นๆ ที่ใช้อยู่มากกว่า และสารพิษสามารถแพร่กระจายลงสู่สิ่งแวดล้อมและไปตามกระแสน้ำไปสะสมในพื้นที่อื่นที่ไม่ได้ปลูก Bt corn แล้วทำอันตรายต่อตัวอ่อนผีเสื้อ ดังนั้นได้เปรียบเทียบกันแล้ว Bt corn อาจจะช่วยอนุรักษ์ผีเสื้อด้วยซ้ำไป การแสดงฉลากของอาหารตัดแต่งพันธุกรรม เรื่องการแสดงฉลากอาหารนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้บริโภคจะได้ทราบว่าอาหารที่ซื้อและบริโภคนั้นเป็นอะไร และประกอบด้วยอะไรบ้าง ดังนั้นผู้บริโภคจึงต้องการให้แสดงฉลากอาหารตัดแต่งพันธุกรรมด้วย อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายให้ข้อคิดเห็นว่า 1.ถ้าอาหารตัดแต่งพันธุกรรมนั้นได้รับการพิสูจน์ ชัดเจนและได้รับการรับรองให้ออกสู่ตลาดได้จากหน่วยงานที่ควบคุมดูแลอยู่แล้ว จำเป็นที่จะต้องแสดงบนฉลากอีกหรือไม่ การแสดงฉลากอาจทำให้เข้าใจผิด ว่าอาหารนั้นไม่ปกติ นอกจากว่าอาจมีความเสี่ยงต่อการ แพ้บางอย่าง จึงจำเป็นต้องแสดงฉลากให้ผู้บริโภคทราบ 2.การแสดงฉลากอาหารที่มีส่วนประกอบของอาหารตัดแต่งพันธุกรรมอาจทำให้ค่าใช้จ่ายในการจัด 3.เกษตรกรจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนเพิ่มขึ้นมากในการจะต้องแยกผลผลิตปกติ และผลผลิตที่ได้จากพืชตัดแต่งพันธุกรรม อย่างไรก็ตาม เรื่องการแสดงฉลากนี้ยังไม่มีข้อยุติในภาพรวมระหว่างประเทศขณะนี้บางประเทศ ยอมเสียค่าใช้จ่ายเหล่านี้เพื่อผู้บริโภคจะได้ทราบ เช่น ประเทศญี่ปุ่นมีแนวโน้มว่าจะมีกฎเกณฑ์การแสดงฉลากอาหารตัดแต่งพันธุกรรมออกมาในเร็วๆ นี้ ******************************************************************************************** ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ ยีนแบคทีเรีย + ข้าวโพด -----------> ข้าวโพดที่ผลิตพิษฆ่าแมลงได้ด้วยตัวเอง ยีนแบคทีเรีย + ถั่วเหลือง ------------> ถั่วเหลืองที่ทนทานตัอยาปราบวัชพืชยีนไวรัสมะละกอ + มะละกอ ------------> มะละกอที่ต้านทานโรคไวรัสจุดด่างวงแหวนฮอร์โมนของมนุษย์ +ปลา -------------> ปลาที่โตเร็วและตัวใหญ่ผิดปกติ
จีเอ็มโอในอาหาร ⇒ พืชจีเอ็มโอ 2 ชนิดหลักที่ปลูกเพื่อการค่าแล้ว ได้แก่ ถั่วเหลืองและข้าวโพด ซึ่งใช้เป็นส้วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหารเกือบทุกชนิด นอกจากนั้นยังมีมะเขือเทศ มะละกอ มันฝรั่ง ฝ้าย และคาโนล่า (พืชใหน้ำมัน) สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมมีประโยชน์อย่างไรบ้างประโยชน์ของการทำ GMO
– ช่วยให้มีพืชสายพันธุ์ใหม่ๆ ออกมา โดยสามารถทานต่อสิ่งแวดล้อมได้ดี รวมทั้งป้องกันตนเองจากศัตรูพืชได้ – ทำให้สามารถเก็บไว้ได้นานกว่าปกติ ช่วยแก้ปัญหาในด้านการขนส่งได้เป็นอย่างดี – มีผลผลิตที่ขนาดใหญ่ขึ้น รวมทั้งมีคุณค่าอาหารเพิ่มขึ้น
สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมมีผลกระทบอย่างไรนอกจากนี้ การดัดแปรพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตยังเพิ่มความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศของโลก หากสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการดัดแปรพันธุกรรมได้รับการปล่อยออกสู่ธรรมชาติ อาจทำให้เกิดผลกระทบโดยตรงต่อความหลากหลายทางชีวภาพ หรือการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตดั้งเดิมในระบบนิเวศ ความสมดุลของห่วงโซ่อาหารอาจถูกทำลายลง อีกทั้ง การดัดแปร ...
ข้อใดคือประโยชน์ของสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมในด้านการแพทย์ *มีประโยชน์ในด้านการแพทย์
มีการผลิตวัคซีนหรือยาชนิดต่างๆจากพืชGMOs เช่น ยารักษาไวรัสตับอักเสบบี ช่วยลดการขาดแคลนยาหรือวัคซีนได้มากขึ้น
สิ่งมีชีวิตที่ดัดแปรพันธุกรรมมีอะไรบ้างพืช GMO หรือ พืชดัดแปรพันธุกรรม ... . ตัวอย่าง พืชดัดแปรพันธุกรรม. สตอเบอรี่ GMOs. ... . มันฝรั่ง GMOs. ... . ฝ้าย GMOs. ... . ข้าวโพด GMOs. ... . อ้อย GMOs. ... . ข้าว GMOs.. |