การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) หมายถึงการทำการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลเพื่อติดต่อกับผู้บริโภค โดยนำหลักการตลาดเดิมในอดีตมาประยุกต์ใช้ บริษัทที่ทำการตลาดออนไลน์จะติดรหัสระบุตัวผู้ใช้ทำให้ทราบพฤติกรรมการสื่อสารกับลูกค้าเป็นรายบุคคล เพื่อให้พัฒนาวิธีการส่งเสริมสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้ารายถัดไป ได้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ Show การตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) ทําอะไรบ้างงานของนักการตลาดออนไลน์ ที่ใช้ช่องทางดิจิทัลเพื่อสื่อสารกับลูกค้า จะต้องคำนึงถึงปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า 5 อย่างต่อไปนี้ 1. การเชื่อมต่อ (Connections) เปลี่ยนแปลงวิธีการสื่อสารจากทางหน้าร้าน มาใช้ช่องทางดิจิทัล เช่น การทำวิดีโอไลฟ์เพื่อใช้ช่องทางอินเทอร์เน็ตสร้างการเชื่อมโยงกับลูกค้า 2. การปฏิสัมพันธ์ (Conversations) สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคในกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้สินค้าและบริการ โดยอาศัยเครื่องมือวิจัยแบบกลุ่ม (Focus Group) ขนาดใหญ่เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมของผู้บริโภค 3. การร่วมกันสร้าง (Co-Creation) แบ่งปันข้อมูลแนวคิดการทำการตลาดจากช่องทางต่างๆ เช่น สถาบันการศึกษา หน่วยงาน นักวิชาการ ผู้ประกอบการ เพื่อปรับปรุงเทคนิคการตลาดออนไลน์ให้ทันสมัย ตรงกับความต้องการสูงสุดของผู้บริโภค 4. ทำ E-Commerces สร้างระบบตะกร้า หรือการสั่งซื้อบนหน้าเว็บไซต์ หรือวางสินค้าบนเว็บไซต์ที่รองรับการซื้อขายออนไลน์ผ่านช่องทางนั้น เช่น Amazon, Ebay, Lazada, Shopee เป็นต้น 5. สร้างชุมชน (Community) เชื่อมโยงแบรนด์ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ ทั้ง Facebook และ Social Media อื่นๆ ช่องทางทำการตลาดออนไลน์ (Digital Marketing)เมื่อการตลาดออนไลน์ หรือ ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง (Digital Marketing) เป็นช่องทางอำนวยความสะดวกแก่องค์กรต่างๆ มากขึ้น แต่ก็ต้องเลือกช่องทางให้ถูก ปัจจุบันมี 6 ช่องทางที่ใช้ทำการตลาดออนไลน์แก่แบรนด์ได้ ดังนี้ 1. เว็บไซต์ (Website) อย่างไรก็ดี ความสำเร็จของการทำตลาดออนไลน์ ขึ้นอยู่กับการจัดการข้อมูลและการวางแผนเลือกช่องทางทำการตลาด ควรติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และสร้างความหลากหลายในช่องทางประชาสัมพันธ์ รวมถึงตรวจสอบภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นประจำเพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในสายตาผู้บริโภค สิ่งที่น่าสนใจในกลุ่มผู้บริโภค เมื่อวิเคราะห์เชิงพฤติกรรมพบว่าผู้บริโภคมี 5 กลุ่มบุคคลที่มีบทบาทต่อการตัดสินใจซื้อ ได้แก่ 1. ผู้ริเริ่ม (Initiator) ผู้ที่มีความต้องการริเริ่มซื้อ และนำเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการดังกล่าว การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เชื่อมโยงกับการใช้ข้อมูลมาจัดกลยุทธ์ทางการตลาด (Marketing Strategy) เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม ในปัจจุบันสื่อออนไลน์ได้เข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิตของคนรุ่นใหม่ ดังนั้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่า สื่อออนไลน์ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อเราเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ตื่นเช้าจนกระทั่งเข้านอน อีกทั้งความรวดเร็วและความสะดวกสบายของสื่อออนไลน์ยังถูกนำมาใช้ประโยชน์กับกลุ่มคนในทุกๆสาขาอาชีพ โดยเฉพาะการทำธุรกิจออนไลน์ที่เห็นกันอยู่ในทุกวันนี้ ดังนั้นการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) ถือได้ว่ากำลังเป็นที่นิยมกันอย่างมากในปัจจุบัน เพราะแต่ละแบรนด์นั้นสามารถทำให้ผู้อื่นรู้จักแบรนด์หรือสินค้าของแบรนด์ได้อย่างกว้างขวางจากการที่แบรนด์จ้างยิงแอดโฆษณากับเอเจนซีต่างๆ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง สำหรับบางคนคงเคยได้ยินมาบ้างแต่ยังไม่เข้าใจว่าความหมายของคำว่า การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) นั้นคืออะไร ซึ่งคำนี้เป็นคำที่มีความหมายค่อนข้างกว้าง เนื่องจากการตลาดออนไลน์ในปัจจุบัน มีช่องทางหลากหลายเพิ่มมากขึ้น และมีการพัฒนาต่อยอดอยู่ตลอดเวลา ก่อนอื่นเราไปทำความเข้าใจกันก่อนว่า การตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing(ออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง) คืออะไร การทำการตลาดหรือธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ เช่น โฆษณา Facebook, โฆษณา Google, โฆษณา Youtube, โฆษณา Instagram โดยอาจมีการจ้างยิงแอดโฆษณากับทางเอเจนซี ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อทำให้สินค้าของเราเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น โดยใช้วิธีต่างๆ ในการ โฆษณาเว็บไซต์ หรือ โฆษณาขายสินค้าที่จะนำสินค้าของเราไปเผยแพร่ตามสื่อออนไลน์ เพื่อให้ผู้อื่นได้รับรู้และเกิดความสนใจ จนกระทั่งเข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้าของเราในที่สุด โดยการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) สามารถทำได้หลายช่องทาง ดังนี้ สำหรับธุรกิจไหนที่สามารถวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคบนโลกออนไลน์ได้ จะทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้า ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะช่วยให้สามารถนำเข้ามูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคได้ โดยมีวัตถุประสงค์ก็คือ นำมากำหนดกลยุทธิ์ทางการตลาดเพื่อขยายธุรกิจในยุค 5G นั่นเอง
มีดังต่อไปนี้ 1.สินค้าต้องมีคุณภาพ แน่นอนว่าองค์ประกอบข้อนี้สำคัญที่สุดคือ สินค้าต้องมีคุณภาพ เพราะหากนำสินค้าที่ด้อยคุณภาพมาวางขาย ไม่ว่าคุณจะทำการตลาดด้วยเทคนิคและกลยุทธ์ใดๆ ก็ตาม ผู้ใช้งานจะไม่พึงพอใจหรือหากสินค้าเกิดการเสียหายขึ้นจะส่งผลต่อภาพลักษณ์และทำให้ธุรกิจของคุณดูแย่ลงในสายตาของคนทั่วไป ยกเว้นเสียแต่ว่าสินค้าที่นำไปใช้งานนั้นเกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิค ธุรกิจต้องรับผิดชอบโดยการสร้างบริการหลังการขาย เพื่อเสนอทางเลือกใหม่หรือทำการเปลี่ยนสินค้าให้ใหม่นั่นเอง 2.คอนเทนต์ที่ดี การสื่อสารถือเป็นสิ่งสำคัญมากๆ และการสื่อสารที่ดี คือผู้รับสารต้องเข้าใจความหมายของสารที่ต้องการสื่ออย่างชัดเจน อธิบายรายละเอียดอย่างตรงไปตรงมา ไม่เกิดข้อสงสัยขึ้นหลังจากที่ได้รับสารนั้นๆ แล้ว เช่นเดียวกันสำหรับการทำการตลาดออนไลน์นั้น Content ที่ดี ก็เปรียบเสมือนการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ธุรกิจจำเป็นที่จะต้องสร้างสรรค์ Content ที่ดีอยู่เสมอ และไม่หยุดที่จะสร้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอสิ่งต่างๆ ที่ต้องการให้ผู้บริโภครับรู้ ข้อเท็จคือ ไม่ว่าผลิตภัณฑ์หรือสินค้าของคุณจะดีแค่ไหนก็ตาม แต่ขาดการสื่อสารที่มีคุณภาพก็อาจจะส่งผลเสียต่อธุรกิจได้เช่นเดียวกัน 3.ฐานข้อมูลลูกค้า ในการทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจออฟไลน์ หรือออนไลน์ก็ตามแต่ การมีฐานข้อมูลของลูกค้าเปรียบเสมือนการมีขุมทรัพย์มหาศาล ที่ช่วยให้สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ และการมีฐานข้อมูลของลูกค้าในปริมาณมากนั้นจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆเลย หากไม่นำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อวางแผนหรือรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าในแต่ละบุคคล ความชอบ หรือไม่ชอบ ตลอดจนช่วงเวลาในการซื้อสินค้าก็เป็นสิ่งสำคัญ การนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์จะทำให้สามารถคาดการณ์หรือพยากรณ์แนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ และช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนหรือวางแผนกลยุทธ์ด้านการตลาดเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคได้นั่นเอง 4.แผนสำรอง ธุรกิจที่ดีควรมีแผนสำรองเตรียมไว้เสมอ เพื่อรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและสามารถช่วยลดความเสี่ยงในอนาคตได้เป็นอย่างดี ซึ่งในความเป็นจริงเราไม่มีทางรู้หรอกว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แม้แผนการที่เราเตรียมไว้จะรัดกุมและรอบคอบมากแค่ไหน หรือคิดว่ามันดีที่สุดในตอนนี้ แต่อนาคตคือสิ่งที่ไม่แน่นอน อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในทางบวกและทางลบ ดังนั้น การมีแผนสำรองเตรียมไว้ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง ยกตัวอย่างเช่น ไม่ควรมีช่องทางการติดต่อแค่ช่องทางเดียวเท่านั้น ควรเพิ่มช่องทางการติดต่อให้หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram หรือแม้กระทั่งเบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ต่างๆ เพราะหากมีแค่ช่องทางใดช่องทางหนึ่งและเกิดระบบล่มหรือมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ลูกค้าสามารถติดต่อผ่านช่องทางอื่นๆ ได้นั่นเอง 5.เป้าหมายที่ชัดเจน การทำธุรกิจออนไลน์จำเป็นต้องมีการวางเป้าหมายสูงสุดที่ชัดเจน โดยเป้าหมายของการทำธุรกิจออนไลน์ก็คือ ต้องการเข้าถึงลูกค้าในระดับ Advocate คือการใช้สินค้าแล้วเกิดการบอกต่อ จนนำไปสู่การ โปรโมท (Promote) สินค้า เช่น ใช้แล้วดี ใช้แล้วเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนจนเกิดการบอกต่อ หรือช่วยโปรโมทสินค้าให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ เป็นต้น ในยุคปัจจุบันเราได้ก้าวเข้าสู่เทคโนโลยี 5G ที่ทันสมัย และเป็นไปได้ว่าในอคตาคตจะต้องมีเทคโนโลยีที่สูงกว่า 5G อย่างแน่นอน เทคโนโลยีที่สามารถตอบสนองความต้องการของสังคมในโลกออนไลน์ได้ สะดวกกว่า รวดเร็วกว่า และสามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ ถือว่าเป็นข้อดี หรือนาทีทองของการทำการตลาดออนไลน์เป็นโอกาสที่สำคัญในการส่งเสริมธุรกิจออนไลน์ โดยธุรกิจออนไลน์ต้องรีบคว้าโอกาสนั้นไว้ ด้วยการวางแผนเพื่อรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต หนึ่งในนั้นก็คือ การสร้างองค์ประกอบสำคัญที่พึงควรมี โดยเราได้แนะนำไปแล้วในข้างต้น องค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเจริญเติบโต เข้าถึงและเข้าใจผู้บริโภคได้มากขึ้น สิ่งสำคัญคืออย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเองและตามให้ทันโลกของเทคโนโลยี ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม รับรองว่ามันจะต้องประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน องค์ประกอบทางการตลาดออนไลน์มีกี่ข้อ4 องค์ประกอบสำคัญ เมื่อคุณเริ่มต้นทำ Digital Marketing
กำหนดเป้าหมายการตลาดดิจิทัลของคุณ ระบุกลยุทธ์การตลาดที่จะบรรลุเป้าหมายของคุณ Customer Value Journey. ช่องทางในการสื่อสาร นำแผนไปปฏิบัติและจ่ายงานสู่ทีม
องค์ประกอบของการตลาดมีอะไรบ้างส่วนประสมการตลาด ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ (Product) การจัดจำหน่าย (Place) การกำหนดราคา (Price) การส่งเสริมการตลาด (Promotion) เราสามารถเรียกส่วนประสมทางการตลาดได้อีกอย่างหนึ่งว่า 4'Ps ส่วนประกอบทั้ง 4 ตัวนี้ ทุกตัวมีความเกี่ยวพันกัน P แต่ละตัวมีความสำคัญเท่าเทียมกัน แต่ขึ้นอยู่กับผู้บริหารการตลาดแต่ละคนจะวางกลยุทธ์ โดยเน้น ...
ขั้นตอนการทําการตลาดออนไลน์มีองค์ประกอบกี่ขั้นตอน อะไรบ้าง จงอธิบายขั้นตอนที่ 1 Awareness สร้างการรับรู้. ขั้นตอนที่ 2 Discovery การค้นพบ. ขั้นตอนที่ 3 Consideration การพิจารณา. ขั้นตอนที่ 4 Conversion การเปลี่ยนเป็นลูกค้า. ขั้นตอนที่ 5 Customer Relationship การสานสัมพันธ์กับลูกค้า. ขั้นตอนที่ 6 Retention การรักษาฐานลูกค้าเดิม. ช่องทางการทำการตลาดออนไลน์มีกี่รูปแบบ อะไรบ้างช่องทางการทำ การตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) ครบวงจร. 1. Social Media Marketing. การทำการตลาดช่องทางนี้ ขวัญเชื่อว่าทุกคนคงจะรู้จักกันอยู่แล้ว เป็นการทำ การตลาดออนไลน์ ผ่านสื่อสังคม Social Media ต่างๆ เช่น ... . 2. Google Marketing / SEM : Google Ads. ... . 3. Google Marketing : SEO. ... . 4. Video Marketing. ... . 5. Influencer Marketing.. |