Show การที่เราต้องอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่น ย่อมมีโอกาสที่จะต้องพูด ยิ่งถ้าเราเติบโตขึ้น มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากขึ้นหรือ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของครอบครัวมากขึ้น ก็ยิ่งจำเป็นที่จะต้องพูดในโอกาสต่าง ๆ เพื่อมารยาททางสังคม เพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้ฟัง หรือเพื่อเป็นเกียรติแก่งานและผู้ฟัง การรู้จักพูดให้ถูกกาลเทศะ จึงเป็นสิ่งที่ควรจะศึกษาไว้อย่างยิ่ง เพื่อจะได้พูดได้ถูกต้อง ไม่เก้อเขิน สอดคล้องกับบรรยากาศ ทำให้เกิดความประทับใจแก่ผู้ฟัง การพูดในโอกาสต่าง ๆ มีดังนี้ ๑. การกล่าวแนะนำ ๒. การกล่าวให้เกียรติหรือมอบรางวัล ๓. การกล่าวตอบรับ ๔. การกล่าวต้อนรับ ๕. การกล่าวตอบการต้อนรับ ๖. การกล่าวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ ๗. การกล่าวอวยพร ๘. การกล่าวอำลา
หลักการพูดแนะนำ
เป็นการพูดในโอกาสที่มีการมอบทุน ให้รางวัล ให้เกียรติ หรือทำพิธีระลึกถึงคุณงามความดีแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง มักจะมีการพูดเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้รับรางวัล ได้รับทุน หรือรางวัลเกียรติยศนั้น มักจะใช้เวลาในการพูดประมาณ ๕-๖ นาที โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๑. กล่าวถึงเหตุผลในการมอบ เช่น ความสำคัญของทุนหรือรางวัล ความดีของผู้ได้ รับเกียรตินั้น ต้องเป็นการพูดอย่างจริงใจไม่เสแสร้ง ๒. แสดง “ ความพอใจ ” ให้เกียรติที่มอบให้ ผู้พูดต้องระบุให้ชัดว่าใครคือบุคคลที่ได้ รับเกียรตินี้เพื่อเป็นการแสดงว่า ผู้ให้ตระหนักถึงคุณความดีนั้นอย่างแท้จริง และเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติคุณ แก่ผู้ได้รับรางวัลหรือของขวัญ ๓. มอบของขวัญหรือรางวัล เมื่อได้กล่าวต่อผู้ฟังจบแล้ว ควรหันไปพูดกับผู้ได้รับทุนหรือผู้ได้รับรางวัลนั้นโดยตรง ด้วยเสียงที่ดังพอจะได้ยินกันอย่างทั่วถึง พร้อมกับทำการมอบของขวัญหรือของรางวัลให้เขา ๓. การกล่าวตอบรับ ผู้ที่ได้รับทุน หรือรางวัลเกียรติคุณ มักจะกล่าวตอบรับเพื่อแสดงความพอใจและขอบคุณผู้ให้ ซึ่งควรพูดสั้น ๆ ให้สอดคล้องกับสภาพในขณะนั้น โดยอาศัยแนวทางต่อไปนี้ ๑. แสดงความขอบคุณและความพอใจ ที่ได้รับของขวัญหรือรางวัลดังกล่าวในลักษณะที่ว่ารางวัลที่ได้รับนี้นอกจากจะมีประโยชน์ในตัวเองหรือมีประโยชน์ต่อผู้รับแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งน้ำใจหรือความปรารถนาดีสูงส่งอีกด้วย ควรใช้ภาษาง่าย ๆ ชัดเจนจริงใจ ๒. ควรพูดอย่างถ่อมตนและยกย่องผู้ร่วมงาน มารยาทของผู้รับรางวัลที่ดีนั้น คือ ต้องไม่โอ้อวดความสามารถของตนจนเกินไป แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ควรถ่อมตนจนไร้ความหมาย ควรสรรเสริญชมเชยผู้ร่วมงานที่ได้ให้ความช่วยเหลือจนเป็นผลสำเร็จ ๓. สรรเสริญผู้ให้ของขวัญหรือรางวัลด้วยความสุจริตใจ โดยกล่าวถึงผลงานและความปรารถนาดีของผู้ให้ ๔. กล่าวสรุป เน้นถึงความพึงพอใจที่ได้รับของขวัญหรือรางวัลนั้น ขณะที่พูดก็ควรมองไปยังของขวัญหรือรางวัลนั้นด้วย * หมายเหตุ ในกรณีที่ผู้มอบรางวัลต้องกล่าวตอบ มีหลักเกณฑ์ว่าให้กล่าวขอบคุณสำหรับรางวัลที่ได้รับ กล่าวชมเชยและขอบคุณเพื่อนร่วมงานที่ได้ช่วยเหลือและเป็นกำลังใจจนได้รางวัลและจะพยายามทำประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติตลอดไป ในวาระการเข้ารับตำแหน่ง มีหลักเกณฑ์ดังนี้
การกล่าวอวยพรเป็นการพูดประเภทใด5. โอกาสพิเศษ หมายถึง เหตุการณ์พิเศษที่ทำให้เกิดการพูดนั้นๆ โดยมักจะเกี่ยวพันกับกาลเทศะ เช่น การกล่าวอวยพรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ การกล่าวอวยพรคู่บ่าวสาวในงานสมรส การกล่าวขอบคุณวิทยากร
สถานการณ์ใดที่ผู้พูดจะต้องกล่าวอำลา๒. การกล่าวอำลา
การอำลา ใช้ในโอกาสพ้นวาระหน้าที่ หรือโยกย้ายสถานที่ของบุคคล มีหลักการกล่าวดังนี้ ๑. กล่าวถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันที่ผ่านมา ๒. ขอบคุณผู้ร่วมงาน ๓. กล่าวถึงความจำเป็นที่ต้องจากไปหรือภาระหน้าที่ที่ต้องไปทำ
การกล่าวในการเข้ารับตำแหน่งใหม่ควรกล่าวข้อใดหลักการกล่าวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ 1. กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีที่ตนได้มาทำงานในตำแหน่งนั้น หรือได้มาทำงานร่วมกับ ผู้ใต้บังคับบัญชา 2. กล่าวยกย่องสถาบันที่ตนจะมาทำงาน 3. กล่าวถึงหลักการและอุดมคติในการทำงาน 4. พูดให้เห็นว่า ทุกคนมีความรับผิดชอบและความสำคัญต่อสถาบัน แล้วเรียกร้องให้
การเขียนคำอวยพร มีส่วนประกอบ อยู่ ๔ ประการอะไรบ้างการเขียนคำอวยพรโดยทั่วๆ ไป มีส่วนประกอบ 4 ประการ คือ โอกาสที่จะอวยพร ความสัมพันธ์ระหว่างผู้อวยพรกับผู้รับพร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประสาทพร และคำพร การเขียนคำอวยพรมีหลักการเขียน ดังนี้
|