รถยนต์ไฟฟ้าใช้เชื้อเพลิงอะไร

รวมข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับ รถยนต์ไฟฟ้า ก่อนซื้อมาใช้งานจริง ทั้งสเปกรถ EV ความจุของแบตเตอรี่ วิธีการใช้งานรถในเบื้องต้น ชาร์จไฟที่ไหนได้บ้าง รวมถึงการบำรุงและดูแลรักษา

รถยนต์ไฟฟ้าใช้เชื้อเพลิงอะไร

รถยนต์ไฟฟ้า ถือเป็นรถที่กำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูงแบบไม่มีทีท่าว่าจะลด ทำให้คนที่ต้องใช้รถยนต์ เป็นพาหนะในการเดินทางเริ่มมองหาทางเลือกอื่น ๆ ที่ช่วยเซฟเงินได้กระเป๋าได้ นั่นก็คือรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ EV เพราะเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ซึ่งนอกจากจะประหยัดเงินในกระเป๋าได้หลายบาทแล้วยังช่วยลดมลพิษอีกด้วย

แต่การจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานนั้น เชื่อว่าหลายคนน่าจะมีความกังวลไม่มากก็น้อย หากตัดเรื่องของราคารถออกไป ย่อมหนีไม่พ้นในเรื่องของการใช้งาน เช่น จะขับได้ระยะทางไกลแค่ไหน ถ้าแบตหมดขึ้นมาจะทำอย่างไร สถานีชาร์จไฟตั้งอยู่ที่ไหนบ้าง เสียบชาร์จไฟที่บ้านต้องทำยังไง หรือหากมีปัญหาต้องเข้าซ่อมที่ไหน เรียกได้ว่าสารพัดปัญหาที่ทำเอาหลายคนคิดไม่ตกว่าควรซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานดีหรือไม่

วันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ก่อนจะซื้อมาใช้ ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร หรือมีวิธีการใช้งานในเบื้องต้นแบบไหน เพื่อเป็นการคลายข้อสงสัยให้กับใครที่ยังมีความกังวลว่าจะซื้อมาขับดีหรือไม่ ไปติดตามกัน

ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ามีทั้งหมด 4 ชนิด ได้แก่ 

1. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid electric vehicles)

คือรถที่มีการใช้เครื่องยนต์สันดาปทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าในการทำหน้าที่ขับเคลื่อน รถยนต์แบบไฮบริดจะสามารถชาร์จไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ได้ในทุกครั้งที่ทำการเบรก หรือที่เรียกว่า Regenerative braking มีอัตตราการสิ้งเปลืองที่ต่ำกว่ารถใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียวค่อนข้างมาก

2. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน (Plug-in hybrid electric vehicles)

รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด หรือ PHEV มีกระบวนการทำงานที่เหมือนกับรถยนต์แบบไฮบริดคือใช้ทั้งพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิง แต่จะแตกต่างกันตรงที่รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดสามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ผ่านสายชาร์จ EV Charger ทำให้สามารถใช้งานด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้แต่อาจทำระยะทางได้ไม่มากนัก

3. รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery electric vehicles)

รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนแทนเครื่องยนต์ และจะมีแบตเตอรี่เป็นตัวกักเก็บพลังงาน สามารถชาร์จไฟได้ที่บ้าน หรือที่สถานีชาร์จไฟ ไม่ปล่อยมลพิษและประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่ารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงหลายเท่า

4. รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel-cell electric vehicles)

เป็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภทหนึ่งที่ยังไม่พบเห็นมากนัก ตัวรถใช้มอเตอร์ในการขับเคลื่อน แต่แตกต่างตรงที่แหล่งที่มาของพลังงานนั้นมาจากก๊าซไฮโดรเจน โดยสามารถเติมได้ที่สถานีเติมไฮโดรเจน รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงจะไม่มีการปล่อยมลพิษ หรือคาร์บอนไดออกไซด์จากตัวรถโดยตรง จึงจัดว่าเป็นเทคโนโลยีทางเลือกที่น่าสนใจในอนาคต

เรื่องควรรู้ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งาน

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์ที่ประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของเชื้อเพลิงได้มาก และเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าราคารถยนต์ไฟฟ้าแต่ละคันนั้นยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สูงกว่าหรือเทียบเท่ากับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป ซึ่งในอนาคตข้างหน้าหากรถยนต์ไฟฟ้ายังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องราคาอาจจะถูกลงกว่านี้

เป็นอีกหนึ่งข้อจำกัดสำหรับใครหลายคนที่สนใจในรถยนต์ไฟฟ้า คือในเรื่องของระยะทางที่ทำได้ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ซึ่งปัจจุบันก็มีความแตกต่างกันออกไปตั้งแต่ 200-600 กิโลเมตร โดยขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ที่ให้มา ก่อนซื้อควรศึกษาข้อมูลสเปกของตัวรถให้ชัดเจนว่ามีความจุแบตเตอรี่เท่าไร และสามารถเดินทางได้ไกลแค่ไหนถึงต้องชาร์จไฟใหม่

รถยนต์ไฟฟ้าใช้เชื้อเพลิงอะไร

สาเหตุสำคัญที่คนจะหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้นก็คือ ความประหยัด ทุกวันนี้ราคาน้ำมันสูงขึ้นมากหากใช้งานรถทุกวันต้องเสียค่าน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 4,000-5,000 บาท ต่อเดือน แต่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านั้นถือว่าแตกต่างกันมาก ค่าใช้จ่ายต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้งอยู่ที่ประมาณ 60-400 บาท ซึ่งราคานั้นจะขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ ระยะเวลาในการชาร์จ รวมถึงขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการนั้น ๆ ด้วยว่ากำหนดราคาไว้ที่เท่าไร แต่ก็ถือว่ามีค่าเฉลี่ยถูกกว่ารถยนต์ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากอยู่ดี

รถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นที่จะต้องมีการชาร์จไฟ แน่นอนว่าสถานที่ชาร์จไฟที่สะดวกสบาย ไม่ต้องต่อคิวคงหนีไม่พ้นที่บ้าน แต่ไม่ใช่ว่าแค่ขับรถไฟฟ้าเข้ามาจอดในโรงรถแล้วจะหยิบปลั๊กพ่วงมาเสียบชาร์จเลย ต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์เสริม โดยจะเป็นตัวจ่ายไฟที่ต่อตรงมากจากไฟหลักของบ้าน เพราะการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะใช้กำลังไฟสูง บางบ้านอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนกำลังไฟ มิเตอร์ หรือเบรกเกอร์ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังไฟที่ใช้ หากกำลังไฟเพียงพอสามารถให้ช่างจากศูนย์บริการเข้ามาติดตั้งจุดชาร์จไฟได้ แต่ถ้ากำลังไฟไม่เพียงพอให้ติดต่อกับการไฟฟ้าที่ดูแลในเขตพื้นที่ของท่านเพื่อดำเนินการเปลี่ยนกำลังไฟให้เหมาะสม

ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรต้องรู้ว่าสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้านั้นตั้งอยู่ที่ไหน บริเวณใดบ้าง จะได้ไม่เกิดปัญหาหากเกิดไฟหมดขณะอยู่ระหว่างการเดินทาง ปัจจุบันสถานีชาร์จไฟเริ่มเปิดให้บริการในหลายพื้นที่มากขึ้น ทั้งที่เป็นของหน่วยงานรัฐและของบริษัทเอกชน โดยสามารถเช็กได้ที่ : สถานีชาร์จรถไฟฟ้าในประเทศไทยมีที่ไหนบ้าง

รถยนต์ไฟฟ้าใช้เชื้อเพลิงอะไร

การดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้า สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งใช้งานอาจจะสงสัยว่าต้องดูแลอย่างไร รถยนต์ไฟฟ้าต้องเข้าศูนย์เช็กระยะไหม รวมถึงการบำรุงรักษาจะยากกว่ารถยนต์แบบปกติหรือไม่นั้น ต้องบอกเลยว่าการดูแลแบบพื้นฐานทั่วไปไม่ต่างกันมาก เช่น เช็กระยะ ตรวจเช็กลมยาง หรือระบบไฟส่องสว่างทั่ว ๆ ไป แต่ที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าต่างจากรถยนต์ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงก็คือชิ้นส่วน หรือส่วนประกอบต่าง ๆ ในเครื่องยนต์ที่ลดจำนวนลงไปมาก ทำให้เราไม่จำเป็นต้องดูแลกันแบบละเอียดยิบ เพราะหากต้องซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ก็เพียงแค่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น นอกจากนี้ก็มีอีกจุดหนึ่งที่สำคัญก็คือ ช่องชาร์จไฟ, สายไฟ และปลั๊กเชื่อมต่อต่าง ๆ เราควรสังเกต และตรวจสอบให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการเกิดไฟรั่วหรือลัดวงจรได้

วางแผนทุกครั้งก่อนการเดินทาง

แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องของพลังงานเชื้อเพลิงได้มาก แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันสถานีชาร์จไฟยังไม่แพร่หลายเหมือนอย่างปั๊มน้ำมันที่ขับไปถนนเส้นไหนก็เจอ หากขับรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองก็อาจไม่เป็นปัญหามากนัก สามารถแวะใช้บริการจุดชาร์จไฟตามปั๊มน้ำมันใหญ่ ๆ หรือตามห้างสรรพสินค้าได้ แต่ถ้าต้องเดินทางออกต่างจังหวัดคงต้องวานแผนกันให้ดี ศึกษาเส้นทางที่เราจะใช้ว่ามีสถานีชาร์จไฟตั้งอยู่หรือไม่ 

นอกจากนี้เรื่องของ “เวลา” ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ รถยนต์ทั่วไปที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงหากใกล้หมดแค่แวะเติมเพียง 2-3 นาที ก็สามารถเดินทางต่อได้ แต่ถ้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าการชาร์จไฟในแต่ละครั้งถ้าเป็นหัวชาร์จธรรมดาต้องใช้เวลา 6-8 ชั่วโมง หรือแม้แต่เป็นสถานีชาร์จไฟแบบเร็วก็ยังต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงอยู่ดี ทำให้เสียเวลาในการเดินทางพอสมควร เมื่อกลับถึงบ้านควรเสียบชาร์จไฟเป็นประจำให้สถานะไฟเต็ม 100% เพื่อความมั่นใจก่อนออกเดินทางว่าไฟจะไม่หมดอย่างแน่นอน

แม้ดูเหมือนจะมีหลายสิ่งที่ยังเป็นข้อจำกัดเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า แต่ถ้าเราศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานในเบื้องต้น รวมถึงวางแผนการเดินทางให้ดี รถยนต์ไฟฟ้าก็เป็นรถพลังงานทางเลือกที่น่าสนใจในสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันแพงอยู่ตอนนี้ ขณะที่ในบ้านเราก็มีรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจหลายรุ่น เช่น Ora Good Cat, MG ZS EV, Kia Soul EV, Volvo XC40 Recharge, Nissan Leaf ,Porshe Taycan และBMW i3 EV