Vpn คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

VPN (เครือข่ายส่วนตัวเสมือน) เป็นโปรแกรมที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้กับคุณ ด้วยการเปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตของคุณ ผ่านเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวเสมือนอุโมงค์ที่เข้ารหัสที่ซ่อนตัวตน ข้อมูลและกิจกรรมการใช้งานของคุณ นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกจำกัดการเข้าถึงตามภูมิศาสตร์ เช่น Netflix และหลีกเลี่ยงการบล็อกอินเทอร์เน็ตและไฟร์วอลล์ที่เข้มงวดได้ ให้คุณมีอิสระในการใช้อินเตอร์เน็ตมากขึ้น

Show

การดาวน์โหลดและตั้งค่า VPN นั้นทำได้ง่ายมาก คุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านเทคนิค นั่นหมายความว่าทุกคนสามารถเริ่มใช้งานได้ในทันที เพียงดาวน์โหลดแอป ค้นหาเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อเพื่อเพิ่มความปลอดภัยเมื่อใช้อินเตอร์เน็ต

หากคุณต้องการเริ่มใช้บริการ ฉันแนะนำให้ลองใช้ ExpressVPN เพราะฉันและทีมทดสอบบริการต่าง ๆ เป็นประจำและนี่เป็นหนึ่งใน VPN ที่ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์ครบคลุมฟังก์ชั่นการใช้งานรอบด้านที่สุด ทำให้เหมาะสำหรับทุกวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการการันตีคืนเงิน 30 วัน เพื่อให้คุณสามารถทดสอบบริการได้อย่างปลอดภัย คุณสามารถขอเงินคืนได้ หากไม่พอใจกับบริการ

เริ่มใช้งาน ExpressVPN ได้เลย

คำแนะนำฉบับย่อ: วิธีใช้ VPN ใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ

  1. เลือกผู้ให้บริการ VPN ฉันแนะนำ ExpressVPN เพราะมันใช้งานได้ง่าย ปลอดภัยและให้การเชื่อมต่อที่รวดเร็วและน่าเชื่อถือ
  2. ดาวน์โหลดและติดตั้ง VPNไปที่เว็บไซต์ผู้ให้บริการ VPN ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นลงบนอุปกรณ์ของคุณและติดตั้ง
  3. เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ เปิดแอป VPN และลงชื่อเข้าใช้ จากนั้นเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่คุณต้องการและคลิกเพื่อเชื่อมต่อ

ทำไมฉันต้องใช้ VPN

อินเทอร์เน็ตนั้นเต็มไปด้วยอันตรายที่จ้องจะคุกคามความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยออนไลน์ของคุณ ผู้ประสงค์ร้ายสามารถรวบรวมข้อมูล ติดตามกิจกรรมและสกัดกั้นการเชื่อมต่อของคุณได้ ซ้ำร้ายบางเครือข่ายยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงเว็บไซต์ ซึ่งลดทอนเสรีภาพการใช้งานของคุณอย่างมาก

VPN เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า หากคุณให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของคุณ มันสามารถช่วยให้คุณปลอดภัยจากการละเมิดความเป็นส่วนตัวและให้การเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้น นอกจากนี้ยังเข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณเพื่อให้ Google, Facebook หรือ ISP ของคุณไม่สามารถติดตามการใช้งานของคุณได้ นี่คือตัวอย่างเหตุผลที่คุณควรใช้ VPN

VPN เข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดของคุณ

VPN จะเข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณเมื่อคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว มันจะทำให้ข้อมูลของคุณไม่สามารถถูกอ่านได้ ทำให้บุคคลที่สามไม่สามารถติดตามกิจกรรมต่าง ๆ ของคุณได้ VPN ส่วนใหญ่ใช้การเข้ารหัสระดับเดียวกับทางการทหาร จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครสามารถเข้าถึงได้

ดังนั้นจะไม่มีใครสามารถเห็นกิจกรรมการใช้งานของคุณหรือสกัดกั้นการเชื่อมต่อของคุณได้ ซึ่งรวมถึง ISP ของคุณด้วย เพราะข้อมูลเหล่านั้นจะดูเหมือนสตริงตัวเลขแบบสุ่มไม่สามารถถอดความได้ นอกจากนี้ยังหมายความว่า ISP ของคุณจะไม่สามารถควบคุมความเร็วของคุณได้ หากคุณทำกิจกรรมที่ใช้แบนด์วิธสูง เช่น การเล่นเกม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการปกป้องคุณเมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi สาธารณะ เนื่องจากแฮกเกอร์สามารถสกัดกั้นการรับส่งข้อมูลของคุณเพื่อรับเข้าถึงรหัสผ่าน หมายเลขบัตรเครดิตและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย

บริการ VPN ส่วนใหญ่ใช้การเข้ารหัส AES-256 bit ซึ่งเป็นระดับการเข้ารหัสที่รัดกุมที่สุด รหัสความยาว 256 คีย์เป็นการเข้ารหัสที่ยาวที่สุดและยิ่งคีย์ยาวเท่าไหร่ก็ยิ่งใช้เวลาในการถอดรหัสมากขึ้นเท่านั้น หน่วยงานด้านความปลอดภัยชั้นนำและรัฐบาลใช้เพื่อปกป้องข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนสูง

VPN ซ่อนตำแหน่งที่แท้จริงของคุณ

หมายเลข IP จริงของคุณจะถูกมองเห็นได้เมื่อไม่ใช้ VPN ซึ่งหมายความว่าบุคคลที่ไม่พึงประสงค์สามารถใช้หมายเลขนี้เพื่อระบุตำแหน่งจริงของคุณได้ (หมายเลข IP ของคุณก็เหมือนกับหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ แต่สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต) มันอาจเป็นอันตรายได้เมื่อรวมกับข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เนื่องจากทำให้ง่ายต่อการระบุตัวตนของคุณ ทำให้คุณเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางออนไลน์ บุคคลที่สามที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ผู้ลงโฆษณาสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อกำหนดเป้าหมายคุณด้วยโฆษณา ในขณะที่ ISP ของคุณสามารถจัดเก็บและส่งต่อข้อมูลโดยที่คุณไม่รู้ตัว

VPN จะซ่อนหมายเลข IP จริงของคุณโดยแทนที่ด้วยหมายเลขอื่น ปกป้องความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของคุณ ดังนั้นคุณสามารถใช้ VPN เพื่อปกปิดตำแหน่งที่แท้จริงและตัวตนของคุณได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่อย่าลืมว่ากิจกรรมที่ผิดกฎหมายยังคงถูกห้ามโดยผู้ให้บริการ VPN ดังนั้นคุณควรใช้งานด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ

ซ่อนหมายเลข IP ของคุณเลยตอนนี้

VPN มีประโยชน์อื่น ๆ ด้วยเหมือนกัน

VPN บางบริการสามารถบล็อกโฆษณาและป้องกันเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายไม่ให้ติดติ้งมัลแวร์และเครื่องมือติดตามบนอุปกรณ์ของคุณ โดยปกติแล้วฟีเจอร์เหล่านี้สามารถเปิดใช้งานได้ในการตั้งค่า VPN ของคุณ ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับเว็บไซต์อย่าง YouTube ได้โดยไม่มีโฆษณาที่น่ารำคาญและปกป้องคุณจากแฮกเกอร์และเครื่องมือติดตาม ซึ่งมีประโยชน์มากเมื่อทำการทอร์เรนต์

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ มันสามารถหลีกเลี่ยงการปิดกั้นการเข้าถึงทางภูมิศาสตร์บนเว็บไซต์ที่จำกัดการเข้าถึงตามภูมิศาสตร์อย่าง Netflix เนื้อหาที่คุณสามารถรับชมบนแพลตฟอร์มเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของหมายเลข IP ของคุณ ดังนั้นการเปลี่ยนหมายเลขนี้จะทำให้คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ได้ สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งหากคุณกำลังเดินทางไปต่างประเทศและต้องการชมรายการที่มีนำเสนอในบ้าน

VPN ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์เกมต่างประเทศและเกมที่ถูกจำกัดการเข้าถึงตามภูมิภาค สิ่งนี้ช่วยปรับปรุงประสบการณ์การเล่นเกมของคุณ นอกจากนี้คุณยังสามารถรับแพ็กเกมและโบนัสต่าง ๆ ที่อาจไม่มีให้ในภูมิภาคของคุณได้อีกด้วย

VPN จะช่วยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดและไฟร์วอลล์เครือข่าย มอบเสรีภาพการใช้งานอินเตอร์เน็ตของคุณ ซึ่งรวมถึง Great Firewall ของประเทศจีนด้วย VPN สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ด้วยฟีเจอร์และโปรโตคอลที่การซ่อนการใช้งาน ซึ่งปิดบังการรับส่งข้อมูล VPN และช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงสิ่งที่ปิดกั้นอยู่ใต้ไฟร์วอลล์ได้

VPN ช่วยให้ฉันปลอดภัยได้อย่างไร

ฟังก์ชันความปลอดภัยหลักของ VPN คือการเข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณและซ่อนหมายเลข IP จริงของคุณ (หรือตำแหน่งจริงของคุณ) แม้ว่าฟีเจอร์เหล่านี้จะรักษาความปลอดภัยให้กับการเชื่อมต่อและข้อมูลส่วนตัวของคุณได้ แต่บริการก็ยังมีฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยอื่น ๆ อีกเพื่อให้แน่ใจว่าฟังก์ชันพื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้คุณปลอดภัยได้อย่างแท้จริง

นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่เข้มงวด

การใช้บริการ VPN ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญเพราะพวกเขาสามารถเข้าถึงกิจกรรมออนไลน์ของคุณได้อย่างเต็มที่ ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวที่สำคัญที่สุดคือนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด ซึ่งสามารถรับประกันได้ว่าผู้ให้บริการ VPN ของคุณจะไม่ติดตามหรือรวบรวมข้อมูลของคุณ หรือหมายความว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรต้องส่งมอบให้แก่หน่วยงานของรัฐร้อง หากถูกขอให้เปิดเผยเพื่อเป็นหลักฐานการสอบสวนหรือหากเซิร์ฟเวอร์ถูกละเมิด

ผู้ให้บริการ VPN จำนวนมากอ้างว่าบริการของพวกเขานั้นไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน แต่จริง ๆ แล้วมีเพียงบางบริการเท่านั้นที่น่าเชื่อถือและได้รับการตรวจสอบเป็นประจำ โดยที่บริษัทรักษาความปลอดภัยจะวิเคราะห์นโยบายความเป็นส่วนตัวของ VPN กับแนวปฏิบัติ สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ให้บริการ VPN ปฏิบัติตามคำโฆษณาว่าจะรักษาข้อมูลของคุณให้เป็นส่วนตัว

อีกปัจจัยที่ต้องพิจารณาคือที่ตั้งของ VPN เนื่องจากบริการอาจอยู่ภายใต้กฎหมายการเก็บรักษาข้อมูลของท้องถิ่น ทางที่ดีควรเลือกบริการ VPN ที่ตั้งอยู่ในสถานที่ที่มีกฎหมายความเป็นส่วนตัวที่เป็นมิตรและไม่ได้อยู่ในภายใต้เขตอำนาจศาลของพันธมิตร 14-Eyes ซึ่งหมายความว่าแม้ว่ารัฐบาลจะขอให้ผู้บริการVPN มอบข้อมูลของคุณ แต่ผู้บริการ VPN ก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม

การป้องกันการรั่วไหล

เป็นไปได้เสมอที่ VPN อาจทำให้คำขอ DNS และหมายเลข IP รั่วไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากช่องโหว่อาจเกิดขึ้นกับซอฟต์แวร์ใด ๆ ก็ได้ การรั่วไหลของ IP/DNS ขัดต่อจุดประสงค์ของการใช้ VPN เนื่องจากเป็นข้อมูลที่ควรจะปิดบัง บริการ VPN ที่ปลอดภัยควรมีระบบป้องกันการรั่วไหลในตัวเพื่อป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP

หากต้องการทดสอบการป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP ให้ไปที่เว็บไซต์ เช่น ipleak.net หลังจากเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ จากนั้นรอสักครู่จนกว่าจะเว็บแสดงหมายเลข IP ที่อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อ ตราบใดที่เว็บแสดงเพียงหมายเลข IP ของ VPN นั่นแสดงว่าคุณได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่แล้ว

Kill Switch

VPN เข้ารหัสข้อมูลเพื่อรักษาความปลอดภัยของคุณ เนื่องจากความปลอดภัยของคุณขึ้นอยู่กับเชื่อมต่อนี้โดยสมบูรณ์ ความเป็นส่วนตัวของคุณอาจถูกคุกคามได้ หากการเชื่อมต่อยุติลงโดยไม่คาดคิดหรือคุณเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ Kill switch จะบล็อกอินเทอร์เน็ตของคุณโดยอัตโนมัติหาก VPN ของคุณมีปัญหาในการเชื่อมต่อ ทำให้มันเป็นการป้องกันด่านสุดท้ายของคุณ

จากนั้นจะรอจนกว่าอุปกรณ์ของคุณจะเชื่อมต่อได้อีกครั้งจึงจะเชื่อมต่อ VPN อีกครั้ง ดังนั้นคุณจะได้รับการปกป้องตลอดเวลา มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในขณะที่ทำการทอร์เรนต์หรือเมื่อใช้งาน WiFi สาธารณะที่ไม่ปลอดภัย

เคล็ดลับเล็กน้อย: ไม่ใช่ทุก VPN ที่มาพร้อมกับ Kill switch ที่เปิดใช้งานอยู่แล้ว ดังนั้นจึงควรตรวจสอบเมนูการตั้งค่าเพื่อให้แน่ใจว่าได้เปิดใช้งานแล้ว เพราะ Kill switch จะหยุดการรับส่งข้อมูลของคุณเมื่อคุณเปลี่ยนเครือข่ายการเชื่อมต่อ ดังนั้นมันจึงมีประโยชน์อย่างมากเมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi สาธารณะ

โปรโตคอลด้านความปลอดภัยที่ล้ำสมัย

โปรโตคอลจะกำหนดวิธีที่ VPN ส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ของคุณและเซิร์ฟเวอร์ VPN มันคือชุดของกฎที่กำหนดความปลอดภัยและความเสถียร VPN ที่ดีจะมีตัวเลือกโปรโตคอลต่าง ๆ ที่ให้ความสมดุลระหว่างความเร็วและความปลอดภัยที่แตกต่างกัน บางโปรโตคอลมีความล้ำสมัยและใช้งานได้ดีกว่าโปรโตคอลอื่น ๆ ดังนั้นการเลือกโปรโตคอลที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ต่อไปนี้คือโปรโตคอลบางส่วนที่ VPN มักจะนำเสนอ (เรียงลำดับจากปลอดภัยที่สุดไปน้อยที่สุด):

  • OpenVPN — โปรโตคอลโอเพนซอร์ซที่ขึ้นชื่อในเรื่องความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย การเป็นโอเพนซอร์สหมายความว่าการเข้ารหัสนั้นเป็นแบบสาธารณะและทุกคนสามารถให้คำแนะนำแก้ไขเพื่อให้มันปลอดภัยยิ่งขึ้น มันเป็นที่นิยมอย่างมากและเข้ารหัสการใช้งานทั้งสองฝั่ง ซึ่งหมายความว่าเฉพาะผู้ส่งและผู้รับเท่านั้นที่มีคีย์การเข้ารหัส นอกจากนี้ยังมีการอัปเกรดและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้นอีกด้วย
  • WireGuard — โปรโตคอลโอเพนซอร์ซอีกอันที่เร็วกว่า OpenVPN และปลอดภัยพอ ๆ กัน แนะนำให้ใช้ตัวเลือกนี้สำหรับการสตรีม เล่นเกม และวิดีโอคอล แต่มันอาจมีช่องโหว่ที่ยังไม่ถูกค้นพบเพราะยังเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างใหม่
  • IKEv2 — โปรโตคอลที่น่าเชื่อถือมีความเร็วใกล้เคียงกับ OpenVPN สามารถปกป้องคุณได้ในขณะที่คุณเปลี่ยนจากเครือข่ายมือถือเป็น WiFi เพราะมันเสถียรมาก อย่างไรก็ตามมันมีความปลอดภัยน้อยกว่า OpenVPN และ WireGuard ดังนั้นจึงควรใช้เป็นตัวเลือกสำรอง
  • SSTP — โปรโตคอลรุ่นเก่าสำหรับ Windows ที่คล้ายกับ OpenVPN เนื่องจากมีเพียงผู้รับและผู้ส่งเท่านั้นที่สามารถถอดรหัสการเชื่อมต่อได้ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ แต่ความเร็วของมันยังไม่ค่อยมากนัก
  • L2TP/IPSec — เป็นโปรโตคอลที่ล้าสมัย ซึ่งส่วนใหญ่ใช้กับสมาร์ทโฟน ไม่มีการเข้ารหัสและความเร็วต่ำ ดังนั้นคุณควรหลีกเลี่ยง

การป้องกันไวไฟ

VPN บางบริการมีการป้องกัน WiFi เพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยของคุณเมื่อใช้เครือข่ายสาธารณะ หากคุณวางแผนที่จะใช้อินเทอร์เน็ตนอกบ้าน ฟีเจอร์นี้เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี ซึ่งหมายความว่าแม้ในขณะที่คุณเชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi สาธารณะ เช่น ในร้านกาแฟ ข้อมูลของคุณจะปลอดภัย

VPN ได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องคุณบนเครือข่ายสาธารณะเหมือนกับที่ปกป้องคุณที่บ้าน แต่บางบริการก็มีฟีเจอร์เพิ่มเติมที่เหนือกว่า เช่น การเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่าคุณเชื่อมต่อ WiFi สาธารณะหรือแจ้งเตือนเกี่ยวกับเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย

ใช้งานอย่างปลอดภัยด้วย ExpressVPN

เคล็ดลับในการเลือก VPN ที่เหมาะกับคุณ

คุณควรเลือก VPN ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ VPN มีประโยชน์หลายอย่าง ดังนั้นคุณอาจต้องการฟีเจอร์ที่แตกต่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ อย่างไรก็ตามไม่ว่าความต้องการของคุณคืออะไร คุณควรมองหา VPN ที่ให้การช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างน่าเชื่อถือได้เสมอ (โดยเฉพาะบริการไลฟ์แชททุกวันตลอด 24 ชั่วโมง) นอกจากนั้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่า VPN สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์ทั้งหมดที่คุณต้องการและให้การเชื่อมต่อพร้อมกันมากพอที่จะใช้กับอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณพร้อมกัน

ด้านล่างนี้คือการใช้งาน VPN และฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากที่สุดสำหรับแต่ละกิจกรรม คุณสามารถใช้เกณฑ์ที่ระบุไว้เพื่อจำกัดตัวเลือกของคุณให้แคบลงและเลือก VPN ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

สิ่งที่ต้องมองหาใน VPN สำหรับสตรีมมิ่ง

เนื่องจากรายการและภาพยนตร์ได้รับการคุ้มครองภายใต้ข้อตกลงการอนุญาตให้ใช้สิทธิที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ สิ่งที่คุณรับชมได้จึงแตกต่างกันไปตามสถานที่ของคุณ VPN สำหรับการสตรีมช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงการปิดกั้นตามภูมิศาสตร์ช่วยให้คุณเข้าถึงแพลตฟอร์มการสตรีมที่ไม่สามารถใช้งานได้ในภูมิภาคของคุณ (หรือเข้าถึงไลบรารีเนื้อหาในภูมิภาคอื่น ๆ )

Vpn คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
ExpressVPN สามารถปลดบล็อก Netflix US ได้อย่างง่ายดายและช่วยให้ฉันสามารถรับชมเนื้อหาได้โดยไม่หยุดชะงัก

หากการสตรีมเป็นสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ ให้มองหา VPN ที่มีฟีเจอร์ดังต่อไปนี้:

  • ความเร็วสูง — เป็นเรื่องปกติที่ VPN จะลดความเร็วของคุณเนื่องจากบริการมีการเข้ารหัสข้อมูล แต่ VPN สำหรับสตรีมมิ่งควรจะมีความเร็วที่มากกว่า 25 Mbps ซึ่งเป็นความเร็วขั้นต่ำที่จำเป็นสำหรับการสตรีมแบบ Ultra HD ความเร็วอย่างน้อย 5 Mbps นั้นเร็วพอสำหรับการสตรีมแบบ HD
  • เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ครอบคลุมทั่วโลก คุณจะต้องใช้ VPN กับเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งที่มีเนื้อหาที่คุณต้องการรับชม หากคุณต้องการเข้าถึงบัญชี Netflix ในอเมริกาหรือ Hulu คุณต้องใช้ VPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์ในอเมริกา หากคุณต้องการเข้าถึง BBC iPlayer คุณต้องมีเซิร์ฟเวอร์ในอังกฤษ ยิ่งมีเซิร์ฟเวอร์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น เนื่องจากมันมีความแออัดน้อยลงและความเร็วในการสตรีมมากขึ้นด้วย
  • ความสามารถในการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ นอกเหนือจากการใช้งานบนแล็ปท็อป แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนแล้ว คุณควรเลือกใช้ VPN ที่สามารถใช้งานได้กับเครื่องเล่นสื่อต่าง ๆ เช่น Apple TV, สมาร์ททีวีและ Amazon FireStick ฟีเจอร์ Smart DNS เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มการสตรีมบนคอนโซลเกมและสมาร์ททีวีได้ง่าย (เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้ไม่สามารถใช้งานกับแอป VPN ได้)
  • เซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีม VPN บางบริการช่วยให้คุณสามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีมได้อย่างง่ายดาย โดยการทำเครื่องหมายและนำเสนอเซิร์ฟเวอร์สำหรับการเข้าถึงแพลตฟอร์มการสตรีมโดยเฉพาะ สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งหากคุณเพิ่งเริ่มใช้ VPN หรือไม่ต้องการใช้เวลาไปกับการค้นหาเซิร์ฟเวอร์ตามตำแหน่งที่ตั้ง

สตรีมด้วย ExpressVPN

สิ่งที่ต้องมองหาใน VPN สำหรับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

VPN ที่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมเป็นสิ่งสำคัญหากคุณต้องการการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณเมื่อใช้งาน หากไม่มีการป้องกันที่เพียงพอ ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจะปรากฏแก่ทุกคนที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลของคุณ รวมถึงแฮกเกอร์และอาชญากร

ฟีเจอร์เหล่านี้มีความสำคัญ หากคุณต้องการการปกป้องตัวตนของคุณ เนื่องจากบุคคลที่สาม เช่น ISP ของคุณสามารถเห็นกิจกรรมที่คุณทำและรวบรวมข้อมูลนั้นได้อย่างง่ายดาย

หากความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญของคุณ ให้เลือก VPN ที่มีฟีเจอร์ดังต่อไปนี้:

  • การเข้ารหัสระดับทหาร ซึ่งรวมถึงการเข้ารหัส AES-128 หรือ 256-bit ซึ่งเป็นมาตรฐานการเข้ารหัสที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งสองตัวเลือกนี้ไม่สามารถถูกเจาะผ่านได้และถูกใช้โดยหน่วยงานด้านความปลอดภัยชั้นนำ แต่ 256-bit นั้นแข็งแกร่งที่สุด
  • นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน ช่วยให้แน่ใจว่ากิจกรรมการใช้งานของคุณจะไม่ถูกบันทึกโดย VPN ของคุณ ช่วยปกป้องกิจกรรมของคุณได้ดียิ่งขึ้น VPN บางบริการอ้างว่า "ไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน” แต่ได้รับการพิสูจน์แล้วในอดีตว่าไม่ทำตามนั้นจริง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเลือก VPN ที่มีนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่ได้รับการตรวจสอบและยืนยันแล้วว่าเชื่อถือได้
  • โปรโตคอลขั้นสูง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้คุณปรับแต่งการเชื่อมต่อของคุณ ดังนั้นคุณสามารถเพิ่มหรือลดการรักษาความปลอดภัยตามที่ต้องการได้ โปรโตคอลที่ปลอดภัยที่สุด ได้แก่ OpenVPN, WireGuard และ IKEv2
  • Kill switch ฟีเจอร์นี้ป้องกันการเปิดเผยข้อมูลของคุณโดยไม่ได้ตั้งใจหาก VPN ของคุณยุติการเชื่อมต่อกะทันหัน เรียกง่าย ๆ ก็คือมันเป็นมาตรการป้องกันด่านสุดท้ายของคุณหาก VPN ของคุณทำงานผิดปกติ นอกจากนี้ยังปกป้องการเชื่อมต่อของคุณเมื่อคุณเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์อีกด้วย
  • เทคโนโลยี Obfuscation สิ่งนี้จะช่วยความการใช้งาน VPN โดยกำหนดเส้นทางการรับส่งข้อมูลของคุณใหม่ผ่านเซิร์ฟเวอร์ที่ช่วยพรางการเชื่อมต่อ มันมีประโยชน์สำหรับการหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ที่บล็อกการเชื่อมต่อ VPN
  • การป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP คำขอ DNS และหมายเลข IP ของคุณอาจถูกเปิดเผยได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานผิดพลาดในซอฟต์แวร์ VPN แต่ VPN ที่ดีควรจะช่วยป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP ด้วยฟีเจอร์การป้องกันการรั่วไหลในตัว
Vpn คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
VPN ที่ปลอดภัยไม่ควรเปิดเผยข้อมูลของคุณ แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม

ใช้งานอย่างปลอดภัยด้วย ExpressVPN

สิ่งที่ต้องมองหาใน VPN สำหรับทอร์เรนต์

การทอร์เรนต์มีความเสี่ยงอย่างมากเนื่องจากคุณกำลังแชร์ไฟล์กับคนแปลกหน้าจำนวนมาก ซึ่งสามารถระบุหมายเลข IP ของคุณผ่านซอฟต์แวร์ P2P ที่คุณใช้ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น คุณต้องใช้ VPN สำหรับทอร์เรนต์เพื่อซ่อนหมายเลข IP จริงของคุณ เพื่อให้ไม่มีใครสามารถติดตามหมายเลข IP กลับมาหาคุณได้

โปรดทราบว่าการใช้ VPN เพื่อซ่อนกิจกรรมการทอร์เรนต์ของคุณไม่ได้ทำให้การดาวน์โหลดเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์นั้นถูกกฎหมาย คุณไม่ควรฝ่าฝืนกฎหมายใด ๆ ในบางกรณี ISP ของคุณอาจตั้งค่าสถานะไม่ปลอดภัยแก่คุณได้ แม้ว่าคุณจะดาวน์โหลดไฟล์ที่ถูกกฎหมายก็ตาม ในกรณีนั้นการใช้ VPN จะป้องกันไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น

Vpn คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
VPN ที่ให้คุณสามารถทอร์เรนต์ได้จะช่วยให้คุณปลอดภัยจากการถูกโจมตีโดยมัลแวร์

หากการทอร์เรนต์เป็นสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ ให้มองหา VPN ที่มีฟีเจอร์ดังต่อไปนี้:

  • รองรับการทอร์เรนต์และ P2P คุณควรใช้บริการ VPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์สำหรับ P2P หรือเซิร์ฟเวอร์ที่อนุญาติให้ P2P บนเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด คุณจะสามารถทอร์เรนต์ได้โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ บนไคลเอนต์ P2P เช่น uTorrent และเว็บไซต์อย่าง Popcorn Time
  • ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงการเข้ารหัสระดับทหาร โปรโตคอลขั้นสูงและ Kill switch ซึ่งทั้งหมดนี้จะปกป้องข้อมูลของคุณในขณะที่ทอร์เรนต์
  • ความเร็วสูง ความเร็วในการอัพโหลดและดาวน์โหลดที่รวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทอร์เรนต์ ดังนั้นคุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า VPN ของคุณมีแบนด์วิดท์ไม่จำกัดและมีเซิร์ฟเวอร์มากมายอยู่ใกล้ตำแหน่งจริงของคุณเพื่อให้มีความเร็วในการดาวน์โหลดที่เร็วขึ้น
  • นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ให้บริการ VPN ของคุณให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของคุณและจะไม่บันทึกกิจกรรมการทอร์เรนต์ของคุณด้วยเช่นกัน
  • Split tunneling นี่เป็นฟีเจอร์พิเศษที่ VPN ให้คุณเลือกได้ว่าจะให้แอปใดใช้การเชื่อมต่อ VPN การเลือกการเชื่อมต่อ VPN เฉพาะกับซอฟต์แวร์ทอร์เรนต์จะสามารถช่วยเพิ่มความเร็วได้เนื่องจากแอปจะไม่เข้ารหัสทุกอย่างบนอุปกรณ์ของคุณ
  • ฟีเจอร์พิเศษสำหรับการทอร์เรนต์ VPN บางบริการมาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษที่ช่วยให้คุณเพิ่มความเร็วการทอร์เรนต์ของคุณได้ เช่น Port Forwarding หรือการเข้าถึงพร็อกซี SOCKS5 ฟีเจอร์ Port Forwarding จะช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับ seeders จำนวนมากขึ้นเพื่อความเร็วที่ดีขึ้น ในขณะที่ SOCKS5 จะซ่อนหมายเลข IP ของคุณ แต่ใช้การเข้ารหัสน้อยกว่า อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่ปลอดภัยเท่ากับการใช้การเชื่อมต่อ VPN ปกติ

ทอร์เรนต์ได้อย่างปลอดภัย

3 VPN ที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่ใน 2023

Vpn คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

ตัวเลือกของบรรณาธิการ ตัวเลือกของบรรณาธิการ ทดลองใช้งานได้อย่างปลอดภัย 30 วัน
ทดสอบใน มกราคม 2023

พร้อมใช้งานใน:

Chrome เราท์เตอร์ สมาร์ททีวี เพิ่มเติม

ลองใช้ ExpressVPN >

  • การเชื่อมต่อความเร็วสูงจะช่วยให้คุณสตรีมได้โดยไม่มีสะดุด
  • การเข้ารหัส AES-256 และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานจะช่วยให้คุณใช้งานได้อย่างปลอดภัย
  • เซิร์ฟเวอร์มากกว่า 160 เซิร์ฟเวอร์ในมากกว่า 90 ประเทศรวมถึง ประเทศไทย
  • เชื่อมต่อพร้อมกัน5อุปกรณ์
  • สามารถเข้าถึง: Netflix (อังกฤษ อเมริกาและที่อื่น ๆ อีกมากมาย), Disney+, HBO Max, Hulu, BBC iPlayer, Vudu  และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • สามารถใช้งานได้กับ: Windows, Mac, iOS, Android, Linux, routers, Apple TV และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • แอปมือถือและเดกส์ทอปในภาษาไทย
  • ไลฟ์แชทในภาษาไทยที่ให้บริการโดยเครื่องมือแปลภาษาอัตโนมัติ

ส่วนลด ExpressVPNมกราคม 2023: มีเวลาจำกัด คุณสามารถ ! อย่าพลาดข้อเสนอสุดพิเศษ!

ExpressVPN เป็นหนึ่งใน VPN ที่ให้บริการแบบครบวงจร มันเป็น VPN ที่มีความเร็วที่ดีที่สุดที่ฉันได้ทดสอบมา ใช้งานได้ง่าย มีฟีเจอร์ความปลอดภัยครบถ้วนและยังสามารถเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่งได้มากมายอีกด้วย  ฉันทดสอบเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ 3 แห่งในอเมริกาและอังกฤษเพื่อทดสอบความเร็วและฉันสามารถบันทึกความเร็วเฉลี่ยได้ที่ 49.8 Mbps และ 48.4 Mbps ตามลำดับ เนื่องจากคุณต้องการเพียง 25 Mbps ในการสตรีมในความคมชัดแบบ Ultra HD คุณสามารถรับชมรายการต่าง ๆ ได้โดยไม่มีการสะดุดและสามารถดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ได้ในไม่กี่นาที

เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ExpressVPN มีการเข้ารหัสระดับเดียวกับทางการทหาร Kill switch การป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่ได้รับตรวจสอบแล้ว การเข้ารหัสระดับเดียวกับทางการทหารทำให้ไม่มีใครสามารถสกัดกั้นการเชื่อมต่อของคุณได้ ในขณะที่ Kill switch และการป้องกันการรั่วไหลช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณจะไม่ถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจและด้วยการปฏิบัติตามนโยบายการไม่บันทึกที่ได้รับตรวจสอบและยืนยันแล้วอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้ไม่มีใครสามารถเห็นกิจกรรมของคุณได้ ยิ่งไปกว่านั้นที่ตั้งของบริการยังอยู่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ซึ่งหมายความว่าบริการไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาข้อมูลใด ๆ

การหลีกเลี่ยงการปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหาตามภูมิศาสตร์ก็ทำได้ง่ายเช่นกัน ExpressVPN มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 3,000 เซิร์ฟเวอร์ใน 94 ประเทศ การมีเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากหมายความว่าคุณจะมีตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์มากมายที่จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์มีการจำกัดการเข้าถึงทางภูมิศาสตร์ได้จากทุกที่ เมื่อฉันทดสอบเซิร์ฟเวอร์ในอเมริกาและอังกฤษ ฉันก็สามารถเข้าถึง Netflix อเมริกา, Hulu และ BBC iPlayer ได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ ฉันแต่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการและเข้าใช้เว็บตามปกติ

ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของ ExpressVPN คือแผนบริการค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับ VPN อื่น ๆ  ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ $6.67/เดือน อย่างไรก็ตามบริการนำเสนอทางเลือกให้คุณประหยัดเงินอยู่เสมอ ฉันยังได้รับบริการฟรี 2 เดือนแรกเมื่อสมัครใช้งานอีกด้วย

ถ้าคุณยังไม่แน่ใจคุณก็สามารถ ทดลองใช้งาน ExpressVPN ได้อย่างปลอดภัยเพราะบริการมีการรับประกันคืนเงิน 30 วัน ฉันทดสอบนโยบายนี้โดยการขอยกเลิกบริการผ่านไลฟ์แชทตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากที่ฉันบอกพวกเขาว่าบริการนั้นไม่ตอบโจทย์ของฉัน พวกเขาดำเนินการตามคำขอของฉันทันทีโดยไม่มีคำถามอื่น ๆ และฉันได้รับเงินคืนเต็มจำนวนหลังจาก 4 วันทำการ

ทดลองใช้ ExpressVPN เลยตอนนี้

พร้อมใช้งานใน:

Chrome เราท์เตอร์ สมาร์ททีวี เพิ่มเติม

ลองใช้ CyberGhost VPN >

  • ความเร็วสูง
  • เซิร์ฟเวอร์มากกว่า 9,780 เซิร์ฟเวอร์ใน91 ประเทศ (มีเซิร์ฟเวอร์ในกรุงเทพ) และเซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีม
  • เชื่อมต่อพร้อมกัน7อุปกรณ์
  • สามารถเข้าถึง: Netflix (อังกฤษ อเมริกา และไลบารีในที่อื่น ๆ อีกมากมาย) Disney+, HBO Max, Hulu, BBC iPlayer, Vudu  และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • สามารถใช้งานได้กับ: Windows, Mac, iOS, Android, Linux, routers, Apple TV และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • แอปมือถือและเดกส์ทอปในภาษาไทย

ข้อเสนอมกราคม 2023 : CyberGhost กำลังนำเสนอส่วนลด84% จากแผนยอดนิยม! ค่าสมัครบริการเพิ่มขึ้นกับ CyberGhost

เซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีมของ CyberGhost นั้นทำให้บริการนี้เป็นหนึ่งใน VPN ที่ง่ายที่สุดสำหรับการสตรีม เพราะมีเซิร์ฟเวอร์เฉพาะสำหรับเว็บไซต์เช่น Netflix, Hulu และ Disney+ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายจากทุกที่  คุณสามารถหาได้ในแท็บ "For Streaming” ในแอป CyberGhost เมื่อฉันทดสอบเซิร์ฟเวอร์สำหรับ Netflix ฝรั่งเศสและ BBC iPlayer ฉันสามารถเข้าถึงทั้งสองเว็บไซต์ในเวลาไม่ถึง 10 วินาทีในแต่ละครั้ง

ความเร็วยังเร็วเกินพอสำหรับการทอร์เรนต์ไฟล์ขนาดใหญ่และการสตรีมคุณภาพสูง ในระหว่างการทดสอบความเร็ว ฉันได้ทดสอบเซิร์ฟเวอร์ของในอเมริกา 3 เซิร์ฟเวอร์และเซิร์ฟเวอร์ในเยอรมัน 2-3 เซิร์ฟเวอร์และความเร็วของฉันไม่เคยต่ำกว่า 45.7 Mbps ในตลอดเวลา (เกือบสองเท่าที่คุณต้องการสำหรับ Ultra HD) ฉันอยู่ห่างจากทั้งสองประเทศมากกว่า 10,000 กม. ดังนั้นฉันจึงประทับใจอย่างมาก เพราะปกแล้วระยะทางที่ไกลแบบนี้มักจะทำให้ความเร็วช้าลง

ในด้านความเป็นส่วนตัว CyberGhost จะซ่อนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณด้วยการเข้ารหัส AES-256 bit และปกป้องข้อมูลนั้นเพิ่มเติมด้วยนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน การเข้ารหัสระดับเดียวกับทางการทหารจะทำให้ข้อมูลของคุณไม่สามารถอ่านได้ ในขณะที่นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการทำงานจะหยุดบริการจากการบันทึกพฤติกรรมของคุณ นอกจากนี้สำนักงานใหญ่ของ CyberGhost ยังตั้งอยู่ในโรมาเนีย ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัวโดยไม่มีกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาข้อมูลใด ๆ

ข้อเสียอย่างหนึ่งคือแผนระยะสั้นมีราคาแพงและมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินที่สั้นกว่าบริการ (14 วันเทียบกับ45 วัน) อย่างไรก็ตามแผนระยะยาวนั้นมีราคาถูกกว่า คุณสามารถซื้อบริการได้ในราคาเพียง $2.03/เดือน

นอกจากนี้การรับประกันคืนเงินยังช่วยให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน หากคุณไม่พอใจกับบริการของ CyberGhost เพื่อดูว่านโยบายเชื่อถือได้หรือไม่ ฉันใช้บริการไลฟ์แชทตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อยกเลิกบริการและมันทำได่อย่างง่ายดาย ตัวแทนถามคำถามเกี่ยวกับประสบการณ์ของฉันก่อนที่พวกเขาจะอนุมัติการยกเลิกบริการและฉันได้รับเงินคืนทั้งหมดหลังจาก 4 วันทำการ

ทดลองใช้งาน CyberGhost เลยตอนนี้

Vpn คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

พร้อมใช้งานใน:

Chrome เราท์เตอร์ สมาร์ททีวี เพิ่มเติม

ลองใช้ Private Internet Access >

www.PrivateInternetAccess.com

  • การเข้ารหัส AES-128 หรือ 256-bit และโปรโตคอลขั้นสูง
  • เซิร์ฟเวอร์มากกว่า 29,650 เซิร์ฟเวอร์ใน 83 ประเทศ
  • เชื่อมต่อได้พร้อมกัน 10 อุปกรณ์
  • สามารถเข้าถึง: Netflix, Disney+, HBO Max, Hulu, BBC iPlayer, Vudu และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • สามารถใช้งานได้กับ: Windows, Mac, iOS, Android, Linux, routers, Apple TV และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • แอปมือถือและเดกส์ทอปในภาษาไทย

อัพเดท มกราคม 2023 : ส่วนลด PIA ไม่ได้มาบ่อย ๆ (ราคาถูกอยู่แล้ว) แต่ตอนนี้คุณสามารถ !

ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยที่ปรับแต่งได้ของ Private Internet Access (PIA) ทำให้บริการนี้เป็น VPN ที่แข็งแกร่งสำหรับการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว คุณสามารถเลือกระหว่างการเข้ารหัส AES 128 และ 256-bit และมีโปรโตคอลที่ปลอดภัยที่สุดหลายตัวให้เลือกใช้ ตัวเลือกนี้ยอดเยี่ยมเพราะช่วยให้คุณพบจุดสมดุลที่เหมาะสมระหว่างความเร็วและความปลอดภัย เมื่อฉันทดสอบเซิร์ฟเวอร์ในอเมริกาบน ipleak.net และไม่พบการรั่วไหลของ IP ซึ่งหมายความว่าการป้องกันการรั่วไหลของ IP/DNS ของ PIA ใช้งานได้จริง นอกจากนี้ยังเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการทอร์เรนต์อย่างปลอดภัยอีกด้วย

เครือข่าย Next Generation ของ PIA สร้างขึ้นมาเพื่อความเร็ว คุณจึงได้รับการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและน่าเชื่อถือ เมื่อฉันทดสอบเซิร์ฟเวอร์ 4 แห่งในอเมริกา ฉันสามารถบันทึกความเร็วในการดาวน์โหลดได้เฉลี่ย 44.6 Mbps ขณะรับชม Netflix แม้ว่ามันจะไม่เร็วเท่า ExpressVPN แต่ก็ยังเร็วเกินพอที่จะสตรีมในแบบ Ultra HD ฉันยังดาวน์โหลดไฟล์ทอร์เรนต์ขนาด 720MB ได้ในเวลาน้อยกว่า 5 นาทีโดยใช้เซิร์ฟเวอร์ของอังกฤษ

ข้อกังวลอย่างนึงของ PIA คือที่ตั้งอยู่ในอเมริกา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของพันธมิตร 14 Eyes อย่างไรก็ตามนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานได้รับการพิสูจน์แล้วใน 2 คดีในอดีตว่าบริการจะไม่แบ่งปันข้อมูลใด ๆ (แม้ว่ารัฐบาลจะขอข้อมูลก็ตาม) เนื่องจาก PIA ปฏิบัติตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน ซึ่งหมายความว่าความเป็นส่วนตัวของคุณปลอดภัย

เมื่อดูจากแผนแล้ว ฉันพบว่าแผนระยะยาวของบริการมีความคุ้มค่าสูงสุดในราคา $2.03/เดือน แผนระยะสั้นนำเสนอฟีเจอร์เหมือนกัน แต่แผนระยะยาวช่วยให้คุณประหยัดได้มากกว่า

นอกจากนี้ยังมีการรับประกันคืนเงิน  30 วัน ดังนั้นคุณจึงสามารถ ทดสอบ PIA ฟรีได้อย่างเต็มที่ ฉันขอให้ตัวแทนยกเลิกบริการของฉันเมื่อทดสอบเสร็จแล้ว หลังจากที่ฉันให้เหตุผลในการยกเลิก ฉันได้รับเงินคืนหลังจาก 4 วันทำการ

ทดลองใช้งาน Private Internet Access ได้เลยตอนนี้

วิธีติดตั้ง VPN บนอุปกรณ์ของคุณ

การดาวน์โหลดและติดตั้ง VPN นั้นทำได้ง่ายมาก โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที คุณแค่ต้องสร้างบัญชีผู้ใช้ ดาวน์โหลดแอปและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ แต่สำหรับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับแอป เช่น เราเตอร์ในบ้าน เกมคอนโซล หรืออุปกรณ์สตรีมอาจติดตั้งได้ยุ่งยากขึ้นเล็กน้อย

ไม่ว่าคุณจะใช้งานบนอุปกรณ์ใด VPN ที่ฉันแนะนำก็คือ ExpressVPN เพราะบริการนี้สามารถใช้งานได้ในหลายอุปกรณ์ บริการสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการมากมาย (และใช้งานได้ง่ายกับทุกอุปกรณ์) นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์พิเศษอย่าง MediaStreamer ที่ทำให้การตั้งค่าบนอุปกรณ์ที่ไม่รองรับแอป VPN เช่น คอนโซลเกมและสมาร์ททีวี ทำได้ง่ายขึ้นอย่างมาก

วิธีติดตั้ง VPN บนเดกส์ทอปและแล็ปท็อป (Windows, macOS และ Linux)

  1. เลือก VPN VPN ทั้งหมดที่ฉันนำเสนอในรายการนี้มีตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมมากมายสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ แต่อย่าลืมเลือกบริการที่เหมาะกับความต้องการของคุณ
  2. สมัครใช้บริการ VPN  เข้าไปที่เว็บไซต์ VPN และสมัครบริการ โดยปกติแล้วแผนบริการที่ยาวที่สุดมักจะเป็นแผนที่ถูกที่สุด
  3. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น  อย่าลืมเลือกแอปที่เหมาะกับระบบปฏิบัติการของคุณ (Windows, Mac, Linux)
  4. ทำตามขั้นตอนการติดตั้ง มันทำได้ง่ายมาก ไม่มีอะไรซับซ้อน
  5. เปิด VPN ของคุณ เปิดแอป ลงชื่อเข้าใช้บัญชีและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ สตรีมเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นและทอร์เรนต์ได้อย่างปลอดภัย

วิธีติดตั้ง VPN บนสมาร์ทโฟน (Android และ iOS)

  1. เลือก VPN ฉันขอแนะนำแอปที่มีขนาดเล็กและมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ช่วยรักษาอายุการใช้งานแบตเตอรี่ โปรโตคอล Lightway ของ ExpressVPN ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงโทรศัพท์เป็นหลัก ดังนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
  2. สมัครใช้บริการ VPN  ทางที่ดีที่สุดคุณควรสมัครใช้บริการโดยตรงผ่านเว็บไซต์ VPN การลงทะเบียนผ่าน Google Play หรือ Apple App Store อาจทำให้คุณถูกตัดสิทธิ์จากการรับประกันคืนเงิน (จากนั้นคุณต้องปฏิบัติตามนโยบายการคืนเงินของ Google/Apple)
  3. ไปที่ App Store ค้นหา VPN ใน App Store บนโทรศัพท์ของคุณและดาวน์โหลดแอป
  4. ติดตั้งแอปพลิเคชั่น VPN มันมักจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่คุณอาจต้องคลิกที่กล่องข้อความแจ้งสองสามครั้งเพื่อให้ VPN แก้ไขการตั้งค่าเครือข่ายของคุณ
  5. เปิด VPN ของคุณ เปิดแอป เข้าสู่ระบบด้วยข้อมูลประจำตัวที่คุณได้รับระหว่างการสมัครและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์เพื่อปกป้องอุปกรณ์ iPhone หรือ Android ของคุณ

วิธีติดตั้ง VPN บนเราท์เตอร์ของคุณ

การติดตั้ง VPN บนเราเตอร์ที่บ้านของคุณจะเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งหมดของคุณบนกับเครือข่าย VPN ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ VPN เช่น สมาร์ททีวี อุปกรณ์สตรีมมิ่ง หรือคอนโซล PlayStation และ Xbox

หากคุณต้องการทำเช่นนี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราเตอร์ของคุณรองรับ VPN (ASUS, Linksys และ Netgear ส่วนใหญ่ใช้งานได้ แต่มีรุ่นอื่น ๆ ที่ใช้งานได้ด้วยเช่นกัน) การติดตั้ง VPN บนเราเตอร์แต่ละรุ่นจะมีคำแนะนำในการติดตั้งที่แตกต่างกัน แต่คุณจะพบรายละเอียดเหล่านี้ได้ในเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ VPN ของคุณ

นี่คือคำแนะนำทั่วไป:

  1. ใช้ VPN ใช้งานได้กับเราท์เตอร์ หากคุณแน่ใจว่าต้องการติดตั้ง VPN บนเราเตอร์ของคุณ ให้เลือก VPN ที่มีแอปสำหรับเราท์เตอร์ มันจะช่วยให้การติดตั้งและกำหนดค่าง่ายขึ้นมาก
  2. ดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์ VPN โดยปกติจะอยู่ในแดชบอร์ดของหน้าบัญชี VPN ของคุณ VPN แต่ละบริการจะมีคำแนะนำโดยละเอียดที่แสดงวิธีดาวน์โหลดและติดตั้งเฟิร์มแวร์
  3. ติดตั้งเฟิร์มแวร์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราเตอร์ของคุณเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต จากนั้นเปิดหน้าการกำหนดค่าเราท์เตอร์โดยพิมพ์ "192.168.1.1” ในแถบค้นหาของเบราว์เซอร์ คุณจะเจอกับตัวเลือกให้ "อัพเกรดเฟิร์มแวร์” อัปโหลดเฟิร์มแวร์ที่คุณดาวน์โหลด ทำตามคำแนะนำ เท่านี้ก็เรียบร้อย

VPN ส่วนใหญ่ยังมีเราท์เตอร์ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ VPN ไว้แล้ว ดังนั้นหากคุณต้องการข้ามการตั้งค่า (มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม) คุณสามารถซื้อกับบริการได้ นอกจากนี้ VPN บางบริการยังสามารถใช้งานบนเราท์เตอร์ได้ง่ายกว่าบริการอื่น ๆ ExpressVPN มีแอปสำหรับเราท์เตอร์ ทำให้ง่ายต่อการเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์และการตั้งค่า VPN จากบริการอื่น ๆ ให้คุณตั้งค่าและสลับเซิร์ฟเวอร์ด้วยตนเอง (และไม่มีฟีเจอร์ให้มากเท่ากับแอป VPN ที่นำเสนอ)

ทดลองใช้งาน ExpressVPN ได้เลยวันนี้

วิธีติดตั้ง VPN และใช้งาน

เมื่อคุณติดตั้ง VPN บนอุปกรณ์ของคุณแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องทำมากนอกจากค้นหาเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อ แต่บางเซิร์ฟเวอร์อาจจะดีกว่าเซิร์ฟเวอร์อื่น ๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ ดังนั้นการรู้วิธีค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ

คุณยังสามารถปรับแต่งการตั้งค่าความปลอดภัยของคุณเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของคุณได้ แต่โดยปกติแล้วมันไม่จำเป็นเลย เพราะ VPN ส่วนใหญ่มาพร้อมกับการตั้งค่าที่กำหนดไว้ล่วงหน้าซึ่งจะรักษาความปลอดภัยให้กับการเชื่อมต่อของคุณโดยอัตโนมัติ

วิธีเลือกเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่เหมาะสม

เซิร์ฟเวอร์บางเซิร์ฟเวอร์ให้บริการได้ดีไม่เท่ากัน เนื่องจากบางเซิร์ฟเวอร์เหมาะสำหรับกิจกรรมบางอย่างมากกว่าเซิร์ฟเวอร์อื่น ๆ นี่คือตัวอย่างบางส่วนที่จะช่วยคุณเลือกเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่ดีที่สุด โดยขึ้นอยู่กับกิจกรรมของคุณ:

  • เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว: ทุกเซิร์ฟเวอร์จะให้ความเป็นส่วนตัวและการป้องกันความปลอดภัยในระดับเดียวกัน ดังนั้นตัวเลือกที่ดีที่สุดคือ เซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้กับตำแหน่งของคุณมากที่สุด เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพสูงสุด
  • สำหรับการสตรีม: หากคุณต้องการเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่ง คุณจะต้องเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในประเทศที่เว็บสตรีมมิ่งนั้นให้บริการ ตัวอย่างเช่น บริการต้องมีเซิร์ฟเวอร์ในอเมริกาเพื่อช่วยให้คุณเข้าถึง Netflix อเมริกา VPN บางบริการมีเซิร์ฟเวอร์ที่เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการสตรีมเช่น CyberGhost ดังนั้นคุณควรใช้เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ ทางที่ดีที่สุดคุณควรเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงเนื่องจากระยะทางที่ใกล้ขึ้นจะทำให้มีความเร็วที่เร็วขึ้นเพื่อการสตรีมที่ดีขึ้น
  • สำหรับการทอร์เรนต์: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เลือกเซิร์ฟเวอร์ที่อนุญาตให้ P2P เพื่อให้คุณสามารถดาวน์โหลดทอร์เรนต์ได้ อีกทางเลือกหนึ่งคือใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับ P2P เช่นเดียวกับการสตรีม คุณควรเลือกเซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียงเพื่อให้มีความเร็วในการดาวน์โหลดที่เร็วที่สุดหรือหากคุณกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ให้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในประเทศที่เป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว เช่น สวิตเซอร์แลนด์
  • สำหรับการหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์: เลือกเซิร์ฟเวอร์พรางการเชื่อมต่อ ซึ่งใช้อัลกอริธึมพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์และข้อจำกัดต่าง ๆ อัลกอริธึมนี้ทำให้ข้อมูลของคุณไม่สามารถอ่านได้เพื่อซ่อนการใช้ VPN เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้มักมีชื่อว่า "stealth" และมักจะต้องเปิดใช้งานภายใต้การตั้งค่าความปลอดภัยของ VPN

วิธีกำหนดการตั้งค่า VPN

โดยปกติแล้วคุณไม่จำเป็นต้องกำหนดการตั้งค่า VPN ของคุณ เนื่องจากบริการได้กำหนดค่าไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ถ้าคุณต้องการปรับแต่งและปรับปรุงการเชื่อมต่อของคุณ คุณก็สามารถทำได้ นี่คือการตั้งค่าความปลอดภัยทั่วไปที่ VPN ส่วนใหญ่นำเสนอ:

  • Kill switch — ฟีเจอร์การป้องกันสุดท้ายที่จะตัดการเชื่อมต่อคุณจากอินเทอร์เน็ตหาก VPN ของคุณยุติการเชื่อมต่อ ป้องกันการรั่วไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ มันมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อคุณเปลี่ยนเครือข่ายหรือใช้ WiFi สาธารณะ โดยปกติฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้งานอยู่แล้ว แต่ VPN บางของบริการต้องการให้คุณเปิดใช้งานด้วยตนเอง
  • โปรโตคอล — ชุดของกระบวนการเข้ารหัสที่ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์ของคุณและเซิร์ฟเวอร์ VPN บริการส่วนใหญ่มีโปรโตคอลหลายแบบให้เลือก ซึ่งแตกต่างกันทั้งในด้านความเร็วและความปลอดภัย
  • Split tunneling — ฟีเจอร์ที่สามารถช่วยในเรื่องความเร็วและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ คุณสามารถได้เลือกว่าการรับส่งข้อมูลใดที่ต้องการส่งผ่าน VPN ของคุณและอะไรที่ไม่ต้องการ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถตั้งค่า VPN เพื่อเข้ารหัสการรับส่งข้อมูล Bittorrent ของคุณเท่านั้นและใช้การเชื่อมต่อปกติสำหรับอย่างอื่น
  • เครื่องมือบล็อกมัลแวร์/เครื่องมือติดตาม/โฆษณา — บล็อกโฆษณาบนเว็บไซต์และแอป รวมถึงโดเมนที่ทราบว่ามีเครื่องมือติดตามอยู่ในนั้น นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับไฟล์ที่มีมัลแวร์และเตือนคุณหากคุณพยายามดาวน์โหลดไฟล์นั้น

หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการกำหนดการตั้งค่า คุณสามารถดูส่วนช่วยเหลือของ VPN หรือถามคำถามกับทีมงานได้โดยตรง VPN ส่วนใหญ่มีบทช่วยสอนและคำแนะนำทีละขั้นตอนบนเว็บไซต์เกี่ยวกับการเปลี่ยนการตั้งค่า

ทดลองใช้งาน VPN อันดับ #1 ได้เลยวันนี้

VPN มีข้อเสียหรือไม่

ก่อนอื่นคุณควรรู้ว่าประโยชน์ของการใช้ VPN นั้นมีมากกว่าข้อเสียที่อาจเกิดขึ้น แต่ก็มีบางสิ่งที่คุณควรระวังก่อนเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN

  • มันอาจลดความเร็วของคุณได้ — เนื่องจากข้อมูลของคุณต้องได้รับการเข้ารหัสและเดินทางไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN บางบริการอาจทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณช้าลงมากกว่าบริการอื่น แต่บริการที่ดีที่สุดจะไม่สร้างความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจน
  • VPN บางบริการสามารถลดความเป็นส่วนตัวของคุณได้ — VPN ฟรีอาจทำให้ความเป็นส่วนตัวของคุณลดลงได้เป็นพิเศษ แต่แม้แต่ VPN แบบชำระเงินบางบริการก็ยังโกหกว่า "ไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน" ทางที่ดีคุณควรเลือก VPN ที่ปฏิบัติตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานอย่างเคร่งครัดและได้รับการตรวจสอบโดยบริษัทด้านความปลอดภัยอิสระ
  • VPN มีค่าใช้จ่าย — ใคร ๆ ก็รู้ว่า VPN นั้นเป็นบริการแบบสมัครสมาชิกที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม VPN ส่วนใหญ่มีราคาเพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อเดือน ดังนั้นจึงมีราคาไม่แพงมาก นอกจากนี้บริการมักจะมีการรับประกันคืนเงินที่ให้คุณทดสอบบริการก่อนและรับเงินคืนภายในระยะเวลาที่กำหนด วิธีนี้ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องสมัครรับข้อมูลจนกว่าคุณจะแน่ใจว่าคุณพอใจกับบริการจริง ๆ
  • VPN ที่ไม่ดีมีเซิร์ฟเวอร์และหมายเลข IP ที่จำกัด — VPN บางบริการมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็กหรือโครงสร้างพื้นฐานที่ล้าสมัย หาก VPN ไม่มีการอัปเดต IP และเซิร์ฟเวอร์ มันอาจทำให้ความเร็วของคุณช้าลงมากและจะไม่สามารถเข้าถึงเว็บสตรีมได้ VPN อย่าง ExpressVPN อัปเดตเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง สมมติว่า Netflix บล็อกหนึ่งในหมายเลข IP ที่บริการใช้ ExpressVPN ก็จะแทนที่เลข IP นั้นด้วย IP ใหม่ที่ใช้งานได้ภายในไม่กี่วัน
  • บางประเทศยังมีการจำกัดหรือแบน VPN อย่างเข้มงวด — ประเทศอย่างจีน รัสเซียและอิหร่านจะจำกัดหรือแบนการใช้งาน VPN ดังนั้นคุณอาจประสบปัญหาในการใช้งานที่นั่น หากคุณวางแผนที่จะไปท่องเที่ยวในประเทศเหล่านี้ คุณควรดาวน์โหลดและติดตั้ง VPN ก่อนเดินทาง เว็บไซต์บริการ VPN บางเว็บไซต์ถูกแบนในบางประเทศเช่นจีน ดังนั้นคุณควรอ่านกฎหมายท้องถิ่นล่าสุดเกี่ยวกับการใช้ VPN ก่อน

ทดลองใช้งาน ExpressVPN ได้อย่างปลอดภัย

คำถามที่พบบ่อยทั่วไปเกี่ยวกับ VPN

VPN จำเป็นมากแค่ไหน VPN คุ้มค่ามากแค่ไหน

หากคุณกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเมื่อใช้งานอินเตอร์เน็ต VPN นั้นมีความจำเป็นอย่างแน่นอน บริการจะปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและหยุดบุคคลที่สามไม่ให้ติดตามกิจกรรมของคุณ นอกจากนี้ยังสามารถหลีกเลี่ยงการปิดกั้นการเข้าถึงทางภูมิศาสตร์โดยกำหนดเส้นทางการรับส่งข้อมูลของคุณผ่านเซิร์ฟเวอร์ในประเทศอื่น ซึ่งจะปิดบังตำแหน่งจริงของคุณด้วย

แต่ไม่ใช่ทุกบริการ VPN ที่ปลอดภัยเหมือนกัน ดังนั้นคุณควรเลือกใช้ VPN ที่มีนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด ซึ่งจะช่วยป้องกันกิจกรรมของคุณจากการถูกบันทึกและรวบรวม ฉันแนะนำให้เลือก VPN ที่อยู่ในเขตอำนาจศาลที่เป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว ตัวอย่างเช่น ExpressVPN ตั้งอยู่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จินและ CyberGhost ในโรมาเนีย ทั้งสองประเทศไม่มีกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาข้อมูล ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่อาจกำหนดให้จัดเก็บข้อมูลของคุณ

ฉันสามารถใช้ VPN บนอุปกรณ์ใดได้บ้าง

คุณสามารถใช้ VPN ได้กับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ WiFi ได้ทุกชนิด รวมถึง

  • Mac
  • Windows
  • iPhone
  • Android
  • Linux
  • Smart TV
  • Roku
  • Amazon Fire Stick
  • Apple TV
  • Xbox
  • PlayStation
  • Kodi

หากอุปกรณ์ของคุณสามารถใช้แอป VPN เหมือนใน PC หรือสมาร์ทโฟนได้  มันใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีและคุณสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ได้ด้วยคลิกเดียว คุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านเทคนิคใด ๆ VPN ส่วนใหญ่ให้คุณสามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์หลายเครื่องพร้อมกันในสมาชิกบัญชีเดียว โดยไม่คำนึงถึงระบบปฏิบัติการ โดยปกติคุณจะได้รับอนุญาตให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ 5-10 เครื่องขึ้นอยู่กับ VPN

ถ้าคุณใช้อุปกรณ์ที่ไม่รองรับแอป VPN คุณสามารถติดตั้ง VPN บนเราเตอร์หรือสร้างฮอตสปอต VPN จากคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของคุณได้ การติดตั้ง VPN บนเราเตอร์ต้องใช้เวลาในการตั้งค่านิดหน่อย แต่ว่ามันจะช่วยปกป้องอุปกรณ์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อได้ การใช้คอมพิวเตอร์ของคุณเป็นฮอตสปอต VPN ยังช่วยปกป้องอุปกรณ์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อ แถมยังมีราคาถูกลงและตั้งค่าได้ง่ายขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจทำให้ความเร็วของคุณช้าลงเนื่องจากมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายเครื่อง และคุณต้องทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานตลอดเวลา

VPN สามารถเข้าถึงเว็บที่ถูกปิดกั้นได้หรือเปล่า

ได้ คุณสามารถใช้ VPN เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้นได้จากทุกที่ ไม่ว่าเว็บไซต์จะไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากไฟร์วอลล์ การจำกัดเครือข่ายหรือการจำกัดทางภูมิศาสตร์ VPN ที่เชื่อถือได้จะสามารถหลีกเลี่ยงการปิดกั้นการเข้าถึงได้ในทุกกรณี ความสามารถในการเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลและปิดบังหมายเลข IP ของคุณจะทำหน้าที่ตรงนี้ VPN บางบริการยังเสนอฟีเจอร์การพรางการเชื่อมต่อพิเศษ (obfuscation) ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อหลีกเลี่ยงแม้แต่ไฟร์วอลล์และข้อจำกัดของเครือข่ายที่เข้มงวดที่สุด

เนื่องจากรายการและภาพยนตร์ที่มีให้บริการจะแตกต่างกันไปแต่ละภูมิภาค VPN สามารถเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเสมือนของคุณและเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่สามารถรับชมได้ นอกจากนี้ยังใช้งานเพื่อเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง (และเว็บไซต์) ที่มีให้บริการในบางประเทศเท่านั้น เช่น Hulu ที่มีให้บริการในอเมริกาเท่านั้น แต่การเชื่อมต่อ VPN ของคุณกับเซิร์ฟเวอร์ในอเมริกาสามารถช่วยให้คุณเข้าถึงบริการได้ แม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่ที่นั่นก็ตาม

ฉันควรใช้ VPN ฟรีหรือพรีเมี่ยมดี

แม้ว่า VPN ฟรีอาจดูเหมือนเป็นตัวเลือกที่ดี แต่มันก็อาจไม่ปลอดภัยและมาพร้อมกับข้อจำกัดที่ VPN พรีเมี่ยมไม่มี VPN พรีเมี่ยมไม่มีข้อจำกัดต่าง ๆ เช่น ข้อจำกัดข้อมูลหรือการจำกัดความเร็ว นอกจากนี้ VPN ฟรีมักจะมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่เล็กกว่าmทำให้มีความเร็วที่ช้ากว่า เนื่องจากมีความแออัดการจากใช้งานจำนวนมากนอกจากนี้บริการเหล่านี้มักจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงที่นำเสนอใน VPN พรีเมี่ยม

 คุณสามารถขอรับเงินคืนเต็มจำนวนได้อย่างง่ายดาย (ภายใน 30 วันหลังจากซื้อ) ด้วยเงินไม่กี่ดอลลาร์ต่อเดือน คุณจะได้รับความเร็วที่รวดเร็ว ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่งและเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ที่ VPN ฟรีไม่ได้นำเสนอ

การใช้ VPN ผิดกฎหมายหรือเปล่า

VPN นั้นถูกกฎหมายในหลายประเทศ แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่เหมือนกัน ประเทศที่มีกฎหมายเซ็นเซอร์ที่เข้มงวด เช่น จีน รัสเซียและอิหร่านได้ห้ามหรือจำกัดการใช้งาน VPN และอนุญาตให้ใช้เฉพาะ VPN ที่รัฐบาลอนุมัติซึ่งไม่ปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ เนื่องจากคุณยังคงสามารถติดตามได้

หากคุณกำลังเดินทางไปยังประเทศใดประเทศหนึ่งเหล่านี้ วิธีที่ดีที่สุดคือ สถานที่เช่นประเทศจีนแบนเว็บไซต์ VPN ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะดาวน์โหลด VPN ในขณะที่คุณอยู่ที่นั่น หากคุณวางแผนที่จะใช้ VPN ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวด เราขอแนะนำให้คุณตรวจสอบกฎหมายท้องถิ่นที่เป็นปัจจุบันที่สุดก่อน เพื่อไม่ให้คุณทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ

ฉันควรใช้ VPN เราท์เตอร์ดีไหม

คุณควรซื้อเราเตอร์ VPN เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องอุปกรณ์ทั้งหมดบนเครือข่ายในบ้านของคุณ ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องติดตั้ง VPN ในแต่ละอุปกรณ์และเชื่อมต่อแยกกัน คุณ (หากเข้ากันได้) หรือซื้อเราเตอร์ที่มี VPN ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้าแล้ว

เราท์เตอร์ VPN มีประโยชน์อย่างยิ่งหากคุณใช้อุปกรณ์ที่ไม่สามารถใช้แอป VPN ได้ เช่น เกมคอนโซลและสมาร์ททีวี อย่างไรก็ตาม คุณจำเป็นต้องกำหนดค่าด้วยตัวเองเมื่อติดตั้ง VPN บนเราท์เตอร์ของคุณ เราท์เตอร์และ VPN แต่ละตัวจะมีวิธีการตั้งค่าที่แตกต่างกัน แต่ผู้ให้บริการ VPN มักจะมีคำแนะนำสำหรับสิ่งนี้นำเสนออยู่ในเว็บไซต์ ซึ่งทำให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้นมาก

หากคุณต้องการเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ คุณจะต้องเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ในเฟิร์มแวร์เราท์เตอร์ด้วยตนเอง หรือ VPN บางตัว (เช่น ExpressVPN) มีแอปที่ช่วยให้คุณเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ได้ง่ายขึ้น

ฉันสามารถใช้ VPN กับ Tor ได้ไหม

ใช่ คุณสามารถใช้ VPN กับ Tor ได้และมันก็ทำได้ง่ายด้วย  เปิดเบราว์เซอร์ของ Tor และเริ่มใช้งานได้ตามปกติ ประโยชน์ของการรวม 2 อย่างเข้าด้วยกันคือความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้น เพราะจะป้องกันไม่ให้เซิร์ฟเวอร์ Tor แรก (โหนดเข้า) เห็นหมายเลข IP จริงของคุณ แต่อย่าลืมว่าการใช้ VPN กับ Tor มักจะทำให้ความเร็วนั้นช้ากว่าการใช้ Tor โดยไม่มี VPN นี่เป็นเพราะ VPN เพิ่มการเข้ารหัสซึ่งทำให้ความเร็วช้าลง

VPN ต่างหากพร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์อย่างไร

VPN นั้นแตกต่างจากพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ เนื่องจากใช้การเข้ารหัสระดับการทหารและพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ ไม่สามารถใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดกั้นการเข้าถึงตามภูมิศาสตร์ได้ เนื่องจากหมายเลข IP ของคุณมีการเปลี่ยนแปลง  ซึ่งหมายความว่าไม่มีใครสามารถเห็นสิ่งที่คุณทำได้ รวมถึง ISP ของคุณด้วย ในทางตรงกันข้าม พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์จะซ่อนหมายเลข IP จริงของคุณ แต่จะไม่ให้การเข้ารหัสที่รัดกุม พร็อกซีมักจะใช้งานได้แค่ในเบราว์เซอร์ของคุณ ในขณะที่ VPN ปกป้องทุกแอปบนอุปกรณ์ของคุณที่ใช้อินเทอร์เน็ต

ทดลองใช้งาน ExpressVPN ได้อย่างปลอดภัย

ปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณได้เลยวันนี้

เนื่องจากอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนสำคัญมากขึ้นในชีวิตของเรา ความต้องการมาตรการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่เหมาะสมจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง VPN เป็นหนึ่งในวิธีที่น่าเชื่อถือและคุ้มค่าที่สุดในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัวของคุณ นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้น ป้องกันการควบคุมปริมาณแบนด์วิดท์และทำให้คุณปลอดภัยเมื่อทอร์เรนต์

จาก VPN มากกว่า 150 รายการที่ฉันและทีมได้ทำการทดสอบ ExpressVPN นั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์ใช้งาน VPN มาก่อนหรือไม่ บริการนี้ใช้งานได้ง่ายมาก แอปมีให้บริการในภาษาไทย มีความเร็วสูงและเป็นหนึ่งใน VPN ที่น่าเชื่อถือที่สุดที่ฉันได้ทดสอบ นอกจากนี้บริการยังมีการรับประกันคืนเงิน 30 วันเพื่อให้คุณสามารถทดลองใช้งาน ExpressVPN ได้อย่างปลอดภัย ถ้าคุณคิดว่าบริการนี้ไม่เหมาะกับคุณ คุณสามารถขอรับเงินคืนได้

เพื่อสรุป VPN ที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่ได้แก่:

การแจ้งเตือนความเป็นส่วนตัว!

ข้อมูลของคุณจะถูกเปิดเผยต่อเว็บไซต์ที่คุณเข้าชม!

ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณ:

ข้อมูลข้างต้นสามารถใช้เพื่อติดตาม กำหนดเป้าหมายโฆษณาและติดตามกิจกรรมที่คุณทำบนอินเตอร์เน็ตได้

VPN สามารถช่วยคุณซ่อนข้อมูลเหล่านี้จากเว็บไซต์ เพื่อให้คุณได้รับการปกป้องตลอดเวลา เราขอแนะนำ ExpressVPN - VPN อันดับ #1 จากผู้ให้บริการกว่า 350 รายที่เราได้ทดสอบ มีการเข้ารหัสระดับทหารและฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวมากมายที่จะช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยเมื่อใช้งานอินเตอร์เน็ต - นอกจากนี้ยังมีส่วนลดจาก 49% อีกด้วย

VPN ใช้งานยังไง

เพิ่มหรือใช้ VPN.
เปิดแอปการตั้งค่าในโทรศัพท์.
แตะเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต VPN. หากไม่พบ ให้ค้นหา "VPN" หากยังไม่พบ ให้ขอความช่วยเหลือจากผู้ผลิตอุปกรณ์.
แตะเพิ่ม ที่ด้านขวาบน.
ป้อนข้อมูลจากผู้ดูแลระบบ.
แตะบันทึก.

VPN สําคัญไหม

VPN ช่วยปกป้องความปลอดภัยจากการถูกสอดส่องให้กับอุปกรณ์ที่คุณใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์, โน๊ตบุ๊ก, สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตในที่สาธารณะ เช่น ตามร้านกาแฟ หรือ Wi-Fi สาธารณะในสถานที่ต่าง ๆ หากไม่มี VPN ข้อมูลที่ถูกรับส่งผ่านเครือข่ายสาธารณะเหล่านั้น สามารถถูกดักอ่านได้ ...

การใช้ VPN อันตรายไหม

อันตรายของ Free VPN มีอะไรบ้าง ? เสี่ยงติดมัลแวร์และไวรัส สำหรับมือถือที่ดาวน์โหลด Free VPN จะพบว่า 38 % ติดมัลแวร์ แต่เป็นมัลแวร์ที่ไม่อันตรายนัก ส่วนใหญ่จะเป็นการละเมิดกฏความเป็นส่วนตัวของ Google Play และ Apple App Store โดยจะติดตามกิจกรรมของผู้ใช้งาน ว่ามีการตอบสนองต่อแอปและแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่างไร

VPN ของไอโฟนคืออะไร

VPN หรือ Virtual Private Network คือ เครือข่ายที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้รับส่งข้อมูลได้ปลอดภัยมากขึ้น ทำให้การท่องโลกออนไลน์เป็นแบบส่วนตัว นอกจากนี้ยังช่วยเข้าสู่เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นที่ปิดกั้นเฉพาะพื้นที่ได้