e-Commerce (Electronic Commerce) คือ อีคอมเมิร์ซ, พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นการทำธุรกรรมซื้อขาย หรือแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการบนอินเทอร์เน็ต โดยใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเป็นสื่อในการนำเสนอสินค้าและบริการต่าง ๆ รวมถึงการติดต่อกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ทำให้ผู้เข้าใช้บริการจากทุกที่ทุกประเทศ หรือทุกมุมโลกสามารถเข้าถึงร้านค้าได้ง่ายและตลอด 24 ชั่วโมง [1] e-Commerce เป็นส่วนหนึ่งของ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Transaction) ที่ขอบเขตกว้างกว่า โดยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ธุรกรรมทางออนไลน์ หมายถึง กิจกรรมใด ๆ ที่กระทำขึ้นระหว่างหน่วยธุรกิจ บุคคล รัฐ ตลอดจนองค์กรเอกชนหรือองค์กรของรัฐใด ๆ เพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ การค้า และการติดต่องานราชการ โดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ยกตัวอย่าง เช่น การซื้อ-ขายสินค้าผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต, การสมัครสมาชิกผ่านระบบออนไลน์, การตกลงทำสัญญาซื้อ-ขาย หรือสัญญาตกลงตามข้อบังคับต่าง ๆ บนเครือข่าย, การโอนเงินด้วยระบบอัตโนมัติผ่านระบบเครือข่าย, การสื่อสารรับ-ส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเครือข่ายการสื่อสาร และการสอบถามข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น [2] ที่มา: [1] สวทช. [2] ICT Law Center
- 67658 ครั้ง
- 16 มิ.ย. 2563
e-Commerce
การทำธุรกิจ
ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce) หรือ
e-Commerce คือ การดำเนินธุรกิจโดยการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์
ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ ขาย การชำระเงิน และอื่น ๆ ผู้ประกอบการ
e-Commerce ที่ขายสินค้าหรือให้บริการ มีหน้าที่ต้องเสียภาษี
เช่นเดียวกับผู้ประกอบการอื่น ๆ
E-BOOK Download PDF
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อังกฤษ: electronic commerce) หรือ อีคอมเมิร์ซ (e-commerce)[1] หรือ พาณิชยกรรมออนไลน์ หมายถึง การทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในทุกช่องทางที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ อินเทอร์เน็ตและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถกระทำผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ การโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การโฆษณาในอินเทอร์เน็ต แม้กระทั่งซื้อขายออนไลน์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร โดยการลดบทบาทของความสำคัญขององค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทำเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย พนักงานแนะนำสินค้า พนักงานต้อนรับลูกค้าเป็นต้น ดังนั้นจึงลดข้อจำกัดของระยะทางและเวลาในการทำธุรกรรมลงได้
ในพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 ให้ความหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ว่าเป็น ธุรกรรมที่กระทำขึ้นโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน
ตัวอย่างเช่น นายสมชายเปิดร้านขายสินค้าโอท็อปผ่านทางอินเทอร์เน็ต ทำให้ลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศ สามารถเข้ามาดูตัวอย่างสินค้า และติดต่อซื้อขายกันได้ โดยผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์
เทคโนโลยีสารสนเทศที่รุดหน้า ทั้งระบบโทรคมนาคม ระบบคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต ทำให้การสื่อสารกันเป็นไปได้โดยง่าย และสามารถเข้าถึงผู้ใช้บริการได้หลายระดับ อีกทั้งยังสามารถโต้ตอบกันได้ทันที ทำให้สามารถเสนอธุรกรรมที่หลากหลาย เช่น การชื้อขาย การบริการหลังการขาย การโอนเงินชำระค่าบริการสินค้า การขนส่ง เป็นต้น โดยมีกฎหมายธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และกฎหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ เข้ามาคุ้มครองเรื่องความปลอดภัย และยังมีกฎหมายการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้ามาให้ความคุ้มครองด้วยในเรื่องของการเงิน
อ้างอิง[แก้]
- ↑ ศัพท์บัญญัติ ราชบัณฑิตยสถาน เก็บถาวร 2017-07-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (สืบค้นออนไลน์)
- การพาณิซย์อิเล็กทอนิกส์ E-Commerce
- กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ
- การจดทะเบียนผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เก็บถาวร 2013-05-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
เป็นระบบสารสนเทศที่ใช้งานภายในองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้กับทั้งพนักงานและองค์กร จึงเป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บข้อมูล บันทึกข้อมูล และนำข้อมูลมาจัดทำเป็นสารสนเทศสำหรับใช้งาน
6.1 การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce)
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) หมายถึง การดำเนินธุรกิจทุกรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารโทรคมนาคมหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) เป็นวิวัฒนาการของการซื้อขายสินค้าและบริการที่เจริญขึ้นในยุคโลกาภิวัติ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคและการดำเนินการของผู้ประกอบการที่เรียบง่าย มาเป็นบริการซื้อ –ขาย ทางออกการชำระเงินบนเครือข่ายบนอินเทอร์เน็ต หรือที่เรียกว่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งใช้ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการและผู้บริโภค ทำให้ลดค่าใช้จ่าย และการสิ้นเปลืองเวลาที่เกิดจากการให้และใช้บริการได้เป็นอย่างดี
วัตถุประสงค์และประโยชน์ของพานิชย์อิเล็กทรอนิกส์
1. เพิ่มและขยายช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการ
2. เป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการให้แพร่หลายมากขึ้น
3. เพื่อความสะดวกและประหยัดเวลาสำหรับผู้บริโภค
ข้อดีของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ | ข้อเสียของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ |
1. เปิดดำเนินการค้า 24 ชั่วโมง | 1. ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ |
2. ดำเนินการค้าอย่างไร้พรมแดนทั่วโลก | 2. ประเทศของผู้ซื้อและผู้ขายจำเป็นต้องมีกฎหมายรองรับอย่างมีประสิทธิภาพ |
3. ใช้งบประมาณลงทุนน้อย | 3. การดำเนินการด้านภาษีต้องชัดเจน |
4. ตัดปัญหาด้านการเดินทาง | 4. ผู้ซื้อและผู้ขายจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานในเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต |
5. ง่ายต่อการประชาสัมพันธ์โดยสามารถประชาสัมพันธ์ได้ทั่วโลก |
กระบวนการพื้นฐานเกี่ยวกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
1. ลูกค้า เลือกรายการสินค้าของผู้จำหน่าย (Catalog)
2. ลูกค้า สั่งคำสั่งซื้อ ให้ผู้จำหน่าย (Order)
3. ลูกค้าชำระเงิน ให้ผู้จำหน่าย (Payment)
4. ลูกค้ารอรับสินค้า จากผู้จำหน่าย (Shipping)
รูปที่1 กระบวนการพื้นฐานพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ที่มา : //nmk.ac.th/sudawan/5.pdf
ประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce)
รูปที่2 ลักษณะของการดำเนินธุรกิจโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์
//tulip.bu.ac.th
1. ธุรกิจกับธุรกิจ (Business to Business: B to B) หมายถึง ธุรกิจที่มุ่งเน้นการให้บริการแก่ผู้ประกอบการด้วยกัน โดยอาจเป็นผู้ประกอบการในระดับเดียวกัน หรือระดับต่างกันก็ได้ เช่น ผู้ผลิตกับผู้ผลิต ผู้ผลิตกับผู้ส่งออก ผู้ผลิตกับผู้นำเข้า ผู้ผลิตกับผู้ค้าส่งและผู้ค้าปลีก เป็นต้น การทำการค้าระหว่าง Business กับ Business หรือ ผู้ทำการค้ากับผู้ทำการค้า เช่น ร้านขายหนังสือสั่งหนังสือจากโรงพิมพ์
2. ธุรกิจกับผู้บริโภค (Business to Consumer: B to C) หมายถึง ธุรกิจที่เน้นบริการกับลูกค้าหรือผู้บริโภค เช่น การขายสินค้าอุปโภคบริโภค การทำการค้าระหว่าง Business กับ Consumer หรือ ผู้ทำการค้ากับผู้บริโภค เช่น โรงพิมพ์ต้องการซื้อต้นฉบับจากผู้เขียน
3. ธุรกิจกับรัฐบาล (Business to Government: B to G) หมายถึง ธุรกิจบริหารการค้าของประเทศ เพื่อเน้นการบริหาร การจัดการที่ดีของรัฐบาล
4. ผู้บริโภคกับผู้บริโภค (Consumer to Consumer: C to C) หมายถึง ธุรกิจระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค ซึ่งเป็นการค้ารายย่อย อาทิ การขายของเก่าให้กับบุคคลอื่นๆ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต การทำการค้าระหว่าง Consumer กับ Consumer หรือ ผู้บริโภคกับผู้บริโภค เช่น การขายรถยนต์ของตนเองให้กับผู้บริโภคที่สนใจ
5. รัฐบาลกับผู้บริโภค (Government to Consumer: G to C) หมายถึง เป็นการบริการของภาครัฐผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในประเทศไทยก็มีการให้บริการหลายหน่วยงาน เช่น การเสียภาษีผ่านอินเทอร์เน็ต การให้บริการข้อมูลประชาชนผ่านอินเตอร์เน็ต การติดต่อทางทะเบียนต่างๆ ของกระทรวงมหาดไทย ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบว่าต้องใช้หลักฐานอะไรบ้างในการทำเรื่องนั้นๆและสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์ม บางอย่างจากบนเว็บไซต์ได้
6. รัฐบาลกับรัฐบาล (Government to Government: G to G) หมายถึง การลงทุน การค้าขายระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล
บทบาทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทดแทนกิจกรรมทางการค้า
รูปที่3 เว็บไชต์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ที่มา : //nmk.ac.th/
ความสัมพันธ์ของระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์ E-commerce
การดำเนินการธุรกิจการค้าบนอินเทอร์เน็ต หรือ E-Commerce จำเป็นจะต้องมีความสัมพันธ์กับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมีการประสานงานกันอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบการค้าบนอินเทอร์เน็ตหรือ E-Commerce มีดังนี้
รูปที่4 ภาพแสดงความสัมพันธ์ของระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์ E-Commerce
ที่มา : //nmk.ac.th/