ยางออกกําลังกาย ยี่ห้อไหนดี

หากเพื่อนๆกำลังตัดสินใจเลือก ซื้อยางยืดออกกำลังกาย (Resistance Band) หรือซื้อดัมเบล (Dumbbell) อยู่เพื่อไปออกกำลังกายที่บ้าน จำเป็นต้องรู้ความแตกต่างเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเราให้ดีที่สุด

เนื่องจากแรงต้านของ Resistance Band ต่างกับแรงต้านจาก Dumbbell จึงทำให้อุปกรณ์ทั้งสองเหมาะสำหรับเป้าหมายในการออกกำลังกายที่แตกต่างกัน

แรงต้านจาก Resistance Band จะค่อยๆเพิ่มขึ้นเมื่อคุณดึงสายยางให้ยาวขึ้น โดยแรงจะดึงกลับเข้าที่แนวเดียวกับสายยาง

แต่แรงต้านของ Dumbbell จะมีจุดหนึ่งที่หนักที่สุด ส่วนจุดอื่นๆจะเบาลง และแรงจะวิ่งเข้าหาพื้นดิน (เนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก)

ซึ่งแรงต้านที่ต่างกันนี้ทำให้เกิดจุดเด่นจุดด้อยดังต่อไปนี้

สิ่งที่ควรรู้ก่อนจะซื้อ Resistance Band

ถ้าจุดมุ่งหมายของคุณคือการทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้นมากๆ
เพื่อนที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวังคือลูกเหล็กดัมเบลและบาร์เบลคะ
การกระตุ้นให้กล้ามเนื้อโต(Hypertrophy) จำเป็นจะต้องใช้น้ำหนักที่มาก
และเน้นที่กล้ามเนื้อมัดหลัก ซึ่งลูกเหล็กตอบโจทย์ได้ตรงกว่า

การฝึกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง (Strength) คือการฝึกเพื่อเพิ่มน้ำหนักที่เรายกไปเรื่อยๆ
ยิ่งเรายกน้ำหนักได้มากเท่าไร ก็แสดงว่าเรามี Strength ที่ดีมากเท่านั้น
ซึ่งการจะเพิ่มน้ำหนักได้จำเป็นจะต้องยกด้วยน้ำหนักสูงมากเป็นจำนวนครั้งน้อยๆ
ซึ่งลักษณะทางกายภาพของ Resistance Band ไม่เหมาะกับการใช้แรงต้านแบบนี้
และยังไม่สามารถเพิ่มน้ำหนักไปเรื่อยๆได้

เนื่องจากแรงต้านของ Resistance Band เพิ่มขึ้นตลอดเวลาที่เราดึงระบบประสาท
จึงต้องทำงานมากกว่าปกติ ในการควบคุมกล้ามเนื้อหลายๆมัด
เพื่อรักษาตำแหน่งไม่ให้สายถูกดึงกลับ ดังนั้นในท่าฝึกเดียวกัน
การใช้ Resistance Band จะกระตุ้นระบบประสาทและกล้ามเนื้อได้มากกว่า
การใช้ Dumbbell ซึ่งส่งผลให้ไขมันถูกเบิร์นไปได้มากกว่า

(การบังคับกล้ามเนื้อต้องใช้พลังงาน ดังนั้นเมื่อกล้ามเนื้อถูกใช้มากกว่า
ไขมันก็จะถูกเผาเป็นพลังงานไปมากกว่า)

เนื่องจากแนวแรงดึงของยางยืดเปลี่ยนไปตามตำแหน่งและความยาวที่ถูกดึงของสายยาง
ทำให้กล้ามเนื้อหลายมัดต้องทำงานร่วมกันเพื่อรักษาความมั่นคงของร่างกาย
การฝึกแบบนี้จะช่วยให้เราบังคับร่างกายได้ดีขึ้นเป็นการฝึกร่างกาย
แบบรวมทั้งตัวที่ได้เปรียบอุปกรณ์อื่นๆ

อย่างไรก็ตาม แอดมินคิดว่าจุดเด่นที่ชัดที่สุดของ Resistance Band แท้ที่จริงแล้วก็คือ
น้ำหนักที่เบา ขนาดเล็ก เล่นได้แม้มีพื้นที่น้อย อีกทั้งยังพกพาไปกับการเดินทางได้สะดวก
และเมื่อเทียบกับดัมเบลที่ให้แรงต้านเท่ากัน Resistance Band มีราคาถูกกว่ามากหลายเท่า
จึงทำให้ Resistance Band เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ยอดนิยมที่หลายคน
นำมาใช้ในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายนั่นเองคะ

สำหรับคนที่ตัดสินใจเลือก ซื้อยางยืดออกกำลังกาย ก็สามารถอ่านบทความ “ยางยืดออกกำลังกาย จะเลือกยังไงดี มีตั้งหลายแบบ” เพื่อให้ตรงกับความต้องการมากขึ้นและปรับหยัดเงินได้มากขึ้นคะ

เป็นบทความสั้นที่หวังว่าจะช่วยเพื่อนๆ เลือกอุปกรณ์ออกกำลังกายได้ตรงกับความต้องการของเพื่อนๆได้ดีมากยิ่งขึ้น หากเป็นประโยชน์ฝากแชร์ต่อด้วยนะคะ 🙂

สำหรับเพื่อนๆ ที่เพิ่งรู้จัก ยางยืดออกกำลังกาย พอเข้ามาดูแล้วก็อาจจะงง ทุกคนก็จะมีปัญหาว่าแล้วจะเลือกอย่างไรให้ตรงกับความต้องการเรามากที่สุด เรามีคำตอบให้

ยางยืดออกกำลังกาย มันมีกันกี่แบบ

แบบว่าในท้องตลาดมียางยืดหลายอย่างมาก ทั้งยางยืดออกกำลังกายแบบท่อ Resistance Tube, ยางยืดออกกำลังกายแบบแผ่น Exercise band หรือ Latex band, ยางยืดออกกำลังกายแบบห่วง Loop Band หรือ Pull up Band ซึ่งก็มีทั้งห่วงเล็ก 12 นิ้ว และ ห่วงใหญ่ 41 นิ้ว, ยางยืดแบบห่วงเล็ก Mini Loop Band ที่เน้นเล่นเฉพาะส่วน และยังมีแบบที่ประยุกต์ใช้กับเฉพาะกีฬาบางประเภทอีก

“แล้วไม่เคยเล่นมาก่อน จะใช้แบบไหนดีน้า.. ถึงจะดี และคุ้มค่าที่สุด”

จริงๆ แล้ว แต่ละแบบสามารถใช้ออกกำลังกายได้เหมือนกันค่ะ
แต่ว่าแต่ละแบบจะก็มีจุดเด่นแตกต่างกันไป
ขึ้นกับการใช้งานว่า เราเน้นส่วนไหน เน้นอะไรนะค่ะ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

มี 2 เรื่องที่เราต้องรู้ก่อนเลือกคือ

1. เราอยากได้ยางยืดไปเล่นแบบไหน หรือ เน้นอะไรเป็นพิเศษ
   เช่น ใช้ลดน้ำหนัก เบิร์นแครอรี่, ใช้สร้างกล้ามเนื้อ,
   ใช้เล่น maintain กล้ามเนื้อ,
   ใช้ออกกำลังกายทั่วไป หรือใช้ยืดกล้ามเนื้อ
   วอร์มร่างกายก่อน-หลังออกกำลังกาย เป็นต้นค่ะ
2. ปัจจุบัน เราแข็งแรง ระดับไหน
   วัดได้ง่ายๆ โดยเทียบกับดัมเบล ที่เราเล่นอยู่ได้เลย
   หรือน้ำหนักเหล็กถ่วงที่ใช้อยู่ ตามเครื่องที่เล่นในฟิตเนส
   หรือใครออกกำลังกายแบบไม่ใช้อุปกรณ์
   ก็ให้เอาน้ำหนักตัวเอง หาร 5
   เราก็จะได้ค่าเพื่อเลือกแรงต้าน ที่เราสามารถดึงได้ก่อน

เมื่อรู้ทั้ง 2 ข้อนี้แล้วก็เลือกหายางยืดออกกำลังกายได้ไม่ยากแล้วคะ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

แนะนำจากประสบการณ์ลูกค้า เพื่อความคุ้มค่ามากที่สุด

หลายๆ ครั้งที่เพื่อน ๆ เลือกซื้อแรงต้านมากๆ ไว้ก่อน
เพราะคิดว่า “คุ้มกว่า” เพิ่มเงินอีกนิดนึงได้เส้นหนักขึ้น
หรือคิดว่า อยากได้หนักๆ เพราะอยากสร้างกล้ามเนื้อเร็วๆ
หรือ อยากลด เร็วๆ ซึ่งจริงๆแล้ว “ไม่ควร” คะ

เพราะจะดึงไม่ไหว ทำให้เล่นไม่ได้เลย
แนะนำให้เลือกจากแรงต้าน ที่ปัจจุบัน เราทำได้ก่อน
หากไม่ทราบ แนะนำแรงต้านน้อยๆ ก่อน เพราะถ้าเบาไป
ยังสามารถแก้ไขได้ โดยการเพิ่มจำนวนครั้ง หรือว่าดึงให้ช้าลงค่ะ
และหากต้องการความคุ้มค่า เผื่อในอนาคต
แนะนำเป็นแบบ set จะดีกว่าการเลือกเส้นหนักๆ ไว้ก่อน
ซึ่งในความเป็นจริงๆ แล้ว คนนึงก็ควรมีหลายระดับ
เพราะกล้ามเนื้อแต่ละส่วนของ เราแข็งแรง ไม่เท่ากัน
เช่น เล่นไหล่ อาจจะ 10 กิโล ขณะที่ เล่นอกอาจจะ 20 กิโล
ซึ่งการมียางยืดแรงต้านเดียวก็จะไม่ครอบคลุม

คราวนี้มาดูจุดเด่น จุดด้อย ของยางยืดแต่ละแบบกันค่ะ และแต่ละแบบเหมาะกับใครนะคะ

EXERCISE BAND

• ยางยืดมีน้ำหนักเบา ลักษณะเป็นแผ่นบางๆ
• พกพาง่าย
• ราคาถูกที่สุดในบรรดายางยืด

• แรงต้านจะน้อย
• อายุการใช้งานสั้น จะขาดง่ายกว่าแบบอื่นๆ
• บางท่าอาจจะจับไม่ถนัดเพราะไม่มีที่ด้ามจับโดยเฉพาะ

• คนที่ยังไม่เคยเล่นมาก่อน อยากลองเล่นดูก่อน น้ำหนัก ไม่ต้องมาก และใช้งบไม่เยอะ
• เพื่อวอร์มร่างกาย ยืดกล้ามเนื้อและ บริหารกล้ามเนื้อมัดเล็กๆ
• เหมาะกับการฟื้นฟูจากการบาดเจ็บ ใช้ในการทำกายภาพบำบัด
• เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ เนื่องจากแรงต้านน้อยสุด เมื่อเทียบกับแบบอื่นๆ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

• ใช้เล่นได้ครบทุกส่วน มีด้ามจับทำให้ไม่เจ็บมือ มีที่รัดข้อเท้า ทำให้เล่นท่าขาได้สะดวก มีที่ยึดประตูทำให้ประยุกต์ท่าเล่นได้กับกล้ามเนื้อทุกส่วน
• สามารถปรับเพิ่มแรงต้านได้สะดวก โดยการดึงพร้อมกันหลายเส้น เหมาะสำหรับการสร้างกล้ามเนื้อ ที่ต้องการเพิ่มแรงต้านมากขึ้นเรื่อยๆ
• ปลอดภัยที่สุด เพราะมีหุ้มผ้าไนล่อนทำให้กรณียางขาด ก็จะไม่ดีดใส่หน้า ใส่ตัว
• อายุการใช้งานนาน

• ไม่เหมาะที่จะใช้ช่วยฝึกดึงข้อ (Pull up) เพราะเป็นเส้นกลมทำให้ลื่นได้ง่าย

• เป็นชุดพื้นฐาน จะครอบคลุมการใช้งานที่สุด แนะนำสำหรับทุกคน ทุกเพศทุกวัยค่ะ ถึงจะเป็นผู้เริ่มต้น ก็สามารถใช้ได้ โดยเลือกแรงต้านน้อยๆ หรือ เลือกแรงต้านให้เหมาะกับความแข็งแรงในปัจจุบัน  
• สร้างกล้ามเนื้อ
• ลดน้ำหนัก

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

• แรงต้านมาก สามารถรับน้ำหนักตัวได้มาก แข็งแรงไม่ลื่น เหมาะกับการทำ Pull up ฝึกดึงข้อ
• สามารถประยุกต์ใช้ออกกำลังกายได้หลากหลาย

• สำหรับการใช้ออกกำลังกายทั่วไป บางท่าอาจจะ เจ็บมือ และแรงต้านค่อนข้างเยอะ ทำให้ไม่เหมาะ สำหรับสาวๆ ที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกายทั่วไป อาจจะดึงไม่ไหว
• หากขาดจะดีดใส่หน้า ใส่ตัวได้

• เหมาะมากๆ สำหรับใช้ช่วยฝึก Pull up
• เหมาะสำหรับคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำและเล่นหนัก ๆ อยู่แล้ว ก็สามารถใช้แบบนี้เล่นได้ เพื่อเพิ่มความหลายหลายในการเล่น
• ราคาถูก เมื่อเทียบกับแรงต้านที่ได้

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

• เล็ก กะทัดรัด น้ำหนักเบาแรงต้านไม่มาก สะดวกสำหรับ การบริหารร่างกายทั่วไป เพื่อเพิ่มแรงต้าน  โดยเฉพาะ บริหาร ต้นขา และก้น
• เพราะบางท่า ยางยืดแบบอื่นๆ ก็จะยาวไป  ไม่ได้เป็นห่วง ทำให้ไม่สะดวก

• อายุการใช้งานจะสั้น
• บางท่า ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะสั้นไป

• เหมาะกับสำหรับบริการร่างกายส่วนล่าง ต้นขา และก้น

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

เท่านี้เพื่อนๆ ก็สามารถเลือกใช้ยางยืดออกกำลังกายให้เหมาะกับตัวเองได้แล้ว หากยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยางยืด คอมเม้นถามมาได้เลยคะ