Wav กับ mp3 ต่างกันอย่างไร

MP3s เป็นไฟล์ที่ดีที่จะใช้สำหรับการอัปโหลดของแผ่นเสียงของคุณ ไฟล์ที่บีบอัดเหล่านี้มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับไฟล์ WAV จึงทำให้พวกเขาเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการอัปโหลดโปรดทราบ แต่ MP3s เป็น ½ อัตราตัวอย่างของคุณภาพ CD เสียงทำซ้ำจากไฟล์ MP3 เป็นเรื่องยากที่หูค่าเฉลี่ยของความแตกต่างจากเสียงเดียวกันเล่นจากแผ่นซีดีมาตรฐาน การทำสำเนาที่ดีที่สุดซึ่งทำได้โดยการใช้ไฟล์ WAV ไฟล์เหล่านี้มักจะเป็น 40 ถึง 50 MB ในขนาดแต่ละ 4 หรือ 5 อัพโหลดไฟล์ WAV เป็นไปได้มาก

มีความแตกต่างในคุณภาพระหว่างสองรูปแบบเสียง . รูปแบบ MP3 ได้รับการออกแบบสำหรับการโอนถ่ายไฟล์ได้เร็วขึ้นผ่านทางอินเทอร์เน็ต มันคือการบีบอัดข้อมูล lossy ความหมายข้อมูล"ไม่สำคัญ"จะถูกเอาออกจึงช่วยลดขนาดไฟล์ประมาณ 1/7th ของขนาดไฟล์เดิม

หากต้องการหูทั่วไปความแตกต่างในคุณภาพเสียงที่เป็นเล็กน้อย หากต้องการวิศวกรเสียงหรือคนที่ตั้งใจฟังเพลงมักจะมีแน่นอนจะได้รับอย่างมีนัยสำคัญ / ขาดทุนจากการสังเกตเห็นได้ชัดในคุณภาพ มีการย่อยสลายได้ตามปกติใน :

1) ความชัดเจนของความถี่บนและ

2)"- ness ที่กัดอย่างด่าง"ของความถี่ต่ำ

นอกจากนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของการแปลงและอัตราบิตและอัตราการใช้ตัวอย่างบางครั้งสังเกตเห็นได้ชัด"Phaser"ผลการแนะนำ

ข้อเสียที่จะทำงานกับ ไฟล์ WAV จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในขนาดไฟล์ อัพโหลดไฟล์ประเภทนี้จะส่งผลมากโอนเวลาอีกต่อไปเมื่ออัปโหลด

คำตอบสำหรับคำถาม,"มีความแตกต่างระหว่างสองรูปแบบ?"เป็น"ใช่" แตกต่างก็สังเกตเห็นได้ชัด? ที่ขึ้นอยู่กับผู้ฟังและวิธีการที่"ดี"ลำโพงและสภาพแวดล้อมในการฟังของพวกเขา

แม้ว่าตอนนี้กระแสแผ่นไวนิลกำลังมาแรงในบรรดานักเล่นเครื่องเสียงบ้านเรา แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความสะดวกสบายแล้ว คนส่วนใหญ่ยังคงเลือกที่จะพึ่งพาไฟล์เพลงแบบดิจิตอลกันอยู่ ซึ่งตอนนี้เราก็ก้าวเข้ามาสู่ยุค Hi-Res Audio อย่างเต็มตัว แน่นอนว่ามือใหม่หลายๆ ท่านที่เพิ่งจะเทิร์นโปรก็คงจะงงงวยกับรูปแบบไฟล์หลายประเภท ดังนั้นในวันนี้เราจึงจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับไฟล์เพลงในระบบดิจิตอล ว่ามีกี่ประเภท และแบบไหนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ

ไฟล์เพลง = การเข้ารหัสเสียง(encoding)

ไฟล์เพลงคือการเข้ารหัสเสียงหรือพูดง่ายๆ คือการจับเสียงเครื่องดนตรีมัดกับเสียงนักร้องให้ออกมาในรูปแบบที่ต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น WAV, MP3, FLAC ทั้งหมดนี้ถือเป็นการเข้ารหัสเสียงหมด โดยการเข้ารหัสนี้ก็จะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือแบบที่ไม่มีการบีบอัด(WAV, AIFF, PCM, แผ่น Vinyl, แผ่น CD, ฯลฯ) และแบบที่มีการบีบอัด(FLAC, MP3, ฯลฯ)

คราวนี้ การบีบอัดมันก็มีด้วยกันสองวิธีนั่นก็คือ บีบแบบไม่เสียข้อมูลเราเรียกว่า Lossless บีบแบบสูญเสียข้อมูลจะเรียกว่า Lossy ข้อดีข้อเสียก็ตามลักษณะเลยครับ นั่นจึงทำให้ Lossless มีขนาดใหญ่กว่าและมีคุณสมบัติในการทำแปลงย้อนกลับได้ ไม่เหมือนกับ Lossy ที่มีการตัดข้อมูลทิ้งไป ทว่าข้อมูลที่เสียไปของ Lossy ก็คือส่วนที่ตัวคอมพิวเตอร์คิดว่าไม่จำเป็นต่อผลลัพธ์ หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นคลื่นความถี่ที่หูมนุษย์ไม่ได้ยินนั่นเอง

ตัวอย่างไฟล์เสียงแบบ Losslessตัวอย่างไฟล์เสียงแบบ Lossy1. FLAC
2. WavPack
3. Monkey”s Audio
4. ALAC1. MP3
2. WMA
3. AAC
4. M4A

Wav กับ mp3 ต่างกันอย่างไร

ส่วน พวก Hi-Res Audio ที่เค้าพูดถึงกัน นั่นก็คือไฟล์แบบ Lossless ที่มีความละเอียดสูง โดยอาจเริ่มตั้งแต่ 24-bit/96 kHz เป็นต้นไป ซึ่งขนาดไฟล์ก็จะใหญ่โตแปรผันตามความละเอียดกันไป ส่วนเรื่องขนาดเรามาดูด้านล่างเลยครับ

Wav กับ mp3 ต่างกันอย่างไร
เปรียบเทียบขนาดไฟล์ในรูปแบบต่างๆ เริ่มจากบนสุดใหญ่สุด WAV (Hi-Res Audio)
รองลงมาคือ FLAC (Hi-Res Audio) ที่ความละเอียดเท่ากัน, 
ไฟล์ MP3 ที่ขนาด 320kbps และ 130kbps ตามลำดับ
ทั้งหมดนี้ใช้วิธีการแปลงผ่าน codec ที่ติดตั้งบนโปรแกรม foobar2000 โดยมีไฟล์ FLAC เป็นต้นฉบับ

ในรูปด้านบนจะเห็นว่าไฟล์ WAV ดูจะสามารถเก็บความละเอียดได้เยอะสุดเพราะขนาดใหญ่สุด แต่จริงๆ แล้วพอมาฟังอาจจะไม่ต่างกับ FLAC เลยก็ได้นั่นก็เพราะว่า FLAC มีคุณสมบัติคล้ายกับไฟล์ .ZIP นั่นเอง ถ้าจะให้อธิบายต่อว่าทำไมก็ดูท่าจะยาว รู้แค่คร่าวๆ ว่าคนชอบ WAV เพราะเล่นง่ายข้อมูลแน่นกว่าและเป็นมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกิดขึ้นมาก่อน ส่วนคนชอบ FLAC เพราะใส่ปกใส่ข้อมูลศิลปินได้ ขนาดกระทัดรัดกว่า เทคโนโลยีใหม่กว่า แค่นี้ก็พอแล้วครับ

Wav กับ mp3 ต่างกันอย่างไร

เรื่องการเลือกใช้งาน ก็ต้องดูกันตามความเหมาะสมเป็นหลัก เช่น ถ้าคุณมีเครื่องเสียงบ้านราคาหลายหมื่น ก็อยากให้เลือกใช้ไฟล์แบบ Lossless ความละเอียดสูงหน่อย เพราะไม่ต้องมากังวลเรื่องขนาดความจุและแบตเตอรี่ของเครื่องเล่น ยังไงก็เสียบไฟได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว

แต่ถ้าเกิดระหว่างนั่งฟังอยู่นั้น เจ้านายดั๊นนโทรตามให้มาแก้งานที่ออฟฟิศ สิ่งที่คว้ามาได้คือสมาร์ทโฟนและหูฟังคู่ใจ รูปแบบไฟล์ก็ควรจะต้องเปลี่ยนเป็นแบบ Lossy ที่ขนาดเล็ก เล่นง่าย ไม่เปลืองแบตเตอรี่และพื้นที่จัดเก็บ ทำให้คุณสามารถฟังเพลงได้ต่อเนื่องยาวนาน

ทว่าในปัจจุบันนั้น เรามีพวกเครื่องเล่นไฟล์ดิจิตอลแบบพกพาออกมาวางจำหน่ายหลายแบรนด์มาก โดยเครื่องพวกนี้ก็มีสเปคที่เหมาะสมในการอ่านไฟล์แบบ Lossless แบบที่ไม่เป็นภาระของแบตเตอรี่มากนัก และสามารถเพิ่มพื้นที่ด้วย micro SD Card ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการฟังเพลงแบบเต็มอารมณ์ได้ทุกเมื่อ จะพกเพลงขนาดใหญ่ยักษ์ติดตัวไปไหนมาไหนก็ไม่เดือดร้อนเท่าไร เป็นแนวทางการฟังเพลงอีกแขนงที่ฮิตไม่แพ้แผ่นไวนิลกันเลยทีเดียว

Wav กับ mp3 ต่างกันอย่างไร
Acoustic Research AR-M2 เป็น Digital Media Player แบบไฮเอ็นด์ที่รองรับการอ่านไฟล์ Studio Master
ได้สบายๆ หลายชั่วโมง พร้อมมี DAC และแอมป์ชั้นเยี่ยมภายในตัว จึงให้ผลลัพธ์ไม่ต่างจากการฟังผ่านเครื่องเสียงชุดใหญ่

Wav กับ mp3 ต่างกันอย่างไร
ปัจจุบันวัฒนธรรม Hi-Res Audio ได้มาจุติยังวงการเครื่องเสียงรถยนต์เรียบร้อยแล้ว
ด้านบนคือ RSX-GS9 รีซีฟเวอร์ขนาด 1 din สำหรับรถยนต์
ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในการเสพย์ดนตรีที่ไม่ควรพลาด

คราวนี้ มีใครเคยได้เจอดราม่าเกี่ยวกับไฟล์ พวกนี้ไหมครับ อารมณ์ประมาณว่า “เฮ้ย! ตูฟัง Lossy ก็ไม่เห็นจะต่างกับ Lossless เลย หูเอ็งมันหลอนหรือเปล่าวะ” ตรงนี้ก็ต้องบอกไว้ก่อนว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางคนไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างได้ เพราะรูปแบบการบีบอัดแบบ Lossy จะใช้เทคนิคการตัดเสียงในช่วงความถี่ที่หูมนุษย์ไม่ได้ยินออกไป แล้วหูคนเราก็ไม่ได้เหมือนกันไปซะทุกอย่าง จึงเป็นเรื่องปกติที่บางคนอาจจะพอใจแล้วกับไฟล์แบบ Lossy นั่นก็เพราะเค้าไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างกับไฟล์ Lossless นั่นเอง

ไฟล์เสียงแบบไหนดี

WAV (Waveform Audio File) รักษาข้อมูลดั้งเดิมไว้ทั้งหมด ทำให้เป็นรูปแบบที่เหมาะที่สุดสำหรับวิศวกรเสียง “WAV มีช่วงไดนามิกที่กว้างกว่าและ Bit depth ที่มากกว่า” Lo Boutillette โปรดิวเซอร์สร้างสรรค์งานและนักมิกซ์เสียงกล่าวถึงรูปแบบไฟล์ที่ตนเองชอบ “เป็นไฟล์ที่คุณภาพสูงสุดเลย” Berry ก็เห็นด้วย “อาจมีค่า Sample rate ที่ 24 ...

ไฟล์เสียงในข้อใดมีคุณภาพสูงที่สุด

ไฟล์ AUDIO INTERCHANGE FILE FORMAT (.aif ,.aiff ) ไฟล์ชนิดนี้มีคุณภาพ สูงสุดเช่นเดียวกับไฟล์ WAVE แต่เป็นไฟล์มาตรฐานที่ใช้งานกับระบบปฏิบัติการ Macintosh. ไฟล์ AC3 (.ac3) ไฟล์ชนิดนี้ เป็นไฟล์เสียงของวิดีโอ ซึ่งบันทึกในระบบเสียงรอบทิศทาง (Surround Sound ) แบบ AC-3 (Dolby Digital 5.1 )

ไฟล์ .Flac คืออะไร

FLAC (อ่านว่า "แฟลค") เป็นรูปแบบการบันทึกเสียงชนิดหนึ่ง ย่อมาจาก Free Lossless Audio Codec โดยมีไว้เพื่อการบีบอัดข้อมูลแบบไม่สูญเสียของไฟล์เสียงดิจิตอล โดยเป็นไฟล์เสียงเปิดฟรี ไฟล์เสียงดิจิตอลที่ถูกบีบอัดโดยขั้นตอนวิธีของไฟล์ FLAC จะสามารถประหยัดพื้นที่ขึ้น 50-60% ของไฟล์ต้นฉบับ

ไฟล์เสียงนามสกุลอะไร

MPEG-1 Audio Layer 3 (.mp3) คุณภาพเสียงถูกลดทอนจากไฟล์ wav อย่างชัดเจน เป็นไฟล์เสียงที่ได้รับความนิยมที่สุดในปัจจุบัน และมีการพัฒนาต่อเป็น mp4.