ข้อใดคือความหมายของการขับร้องหมู่

ข้อใดคือความหมายของการขับร้องหมู่

ข้อใดคือความหมายของการขับร้องหมู่

การขับร้องประสานเสียง

การขับร้องประสานเสียง หมายถึง การขับร้องแบบหนึ่งที่มีผู้ขับร้องตั้งแต่สองคนขึ้นไป อาจร้องเพลงที่มีทำนองเดียวกันแต่ขึ้นต้นหรือลงจบไม่พร้อมกัน อาจร้องพร้อมกันแต่มีทำนองเพลงหลายทำนองหรือหลายแนวโดยมีแนวใดเป็นทำนองหลัก ส่วนแนวอื่น ๆ เป็นทำนองประสานเสียง

เสียงประสาน คือ กลุ่มเสียงตั้งแต่สองขึ้นไปเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันทำให้เสียงกลมกลืนฟังสนิทหู

รูปแบบของการขับร้องประสานเสียง

การขับร้องประสานเสียงแบ่งลักษณะการขับร้องได้หลายแบบ ดังนี้

1.   การขับร้องแบบราวด์ (Round) การขับร้องแบบราวด์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า แบบวน หรือเพลงวน เป็นการขับร้องที่มีผู้ขับร้องตั้งแต่ 2 คนหรือ 2 กลุ่มขึ้นไป ร้องเพลงแนวทำนองเดียวกัน แต่เริ่มต้นและจบไม่พร้อมกัน ส่วนจะร้องกี่เที่ยวนั้นขึ้นอยู่กับการตกลงของผู้ขับร้องหรือผู้ควบคุม

2.   การขับร้องประสานเสียง 2 แนว คือ การขับร้องที่ต้องมีทำนองเพลง 2 ทำนอง ร้องไปพร้อม ๆ กัน โดยมีทำนองหลักทำนองหนึ่ง ส่วนอีกทำนองหนึ่งเป็นทำนองประสาน

3.   การขับร้องประสานเสียง 3 แนว คือ การขับร้องที่มีแนวทำนองเพลง 3 แนว ร้องไปพร้อม ๆ กัน โดยมีแนวทำนองหนึ่งเป็นทำนองหลัก ส่วนอีก 2 แนวเป็นทำนองประสาน ซึ่งทำนองประสานทั้ง 2 แนว อาจมีทำนองแตกต่างกันไป

4.   การขับร้องประสานเสียง 4 แนว คือ การขับร้องที่ต้องมีแนวทำนองเพลงที่แตกต่างกัน  4 ทำนอง โดยทำนองหลัก 1 ทำนอง ส่วนอีก 3 ทำนอง เป็นทำนองประสานร้องไปพร้อม ๆ กันหลายคน

ทำนองเพลงแต่ละแนวที่ใช้ขับร้องต้องประสานสอดคล้องกันและกัน ตามแนวสูงต่ำที่กำหนด โดยยืดทำนองหนึ่งเป็นหลัก

การขับร้องประสานเสียงอาจขับร้องแนวละคนหรือหลายคนก็ได้ เรียกว่า “คอรัส” (Chorus) ส่วนนักร้องประจำโบสถ์ เรียกว่า “ไควร์” (Choir) หมู่ขับร้องประสานเสียงประกอบด้วยชายล้วนหญิงล้วนหรือทั้งชายหญิงก็ได้

การแบ่งระดับเสียงในการขับร้องประสานเสียง

การขับร้องประสานเสียง แบ่งระดับเสียงของผู้ขับร้องเป็นกี่กลุ่มหรือกี่แนวก็ได้ แต่ที่ถือว่าเป็นมาตรฐานและเป็นที่นิยมกันทั่วไป คือ แบ่งเป็น 4 แนว ดังนี้

1.   แนวโซปราโน (Soprano)          เป็นระดับเสียงสูงสุดของผู้หญิง

2.   แนวอัลโต (Alto)                         เป็นระดับเสียงต่ำของผู้หญิง

3.   แนวเทเนอร์ (Tenor) เป็นระดับเสียงสูงสุดของผู้ชาย

4.   แนวเบส (Bass)                            เป็นระดับเสียงต่ำของผู้ชาย

หลักการขับร้องเพลง
     การขับร้องเป็นการสร้างสรรค์ทางดนตรีวิธีหนึ่ง ซึ่งใช้วิธีเปล่งเสียงออกมาให้เป็นเพลงต่าง ๆ โดยอาศัยองค์ประกอบทางดนตรี เพื่อทำให้เพลงที่ร้องมีความไพเราะขึ้น
     1.  ประเภทของการขับร้อง แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
          1.  การขับร้องอิสระ คือ การขับร้องทั่วไป โดยไม่มีดนตรีประกอบผู้ขับร้องสามารถขับร้องตามที่ตนเองถนัดหรือต้องการ โดยไม่คำนึงถึงระดับเสียงของเครื่องดนตรี
          2.  การขับร้องประกอบดนตรี คือ การขับร้องให้เข้ากับการบรรเลงเครื่องดนตรี โดยคำนึงถึงทำนอง จังหวะ และรูปแบบของเพลง
          3.  การขับร้องประกอบการแสดง คือ การขับร้องเพื่อบรรยายเนื้อเรื่องหรือเนื้อเพลงประกอบการแสดงต่าง ๆ
          4.  การขับร้องหมู่ คือ การขับร้องพร้อมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ การขับร้องทำนองเดียวกันและการร้องประสานเสียง
     2.  การขับร้องเพลงไทย การขับร้องเพลงไทย ควรเริ่มจากท่าทางการร้อง เนื่องจากเพลงไทยมีลักษณะเฉพาะ ผู้ขับร้องจะนั่งร้องเป็นส่วนใหญ่และมียืนร้องบ้างตามโอกาส ซึ่งผู้ขับร้องควรจะแสดงท่าทางให้เหมาะสม ดังนี้
          1.  ท่านั่ง ผู้ขับร้องส่วนใหญ่จะนั่งราบกับพื้นเวทีเช่นเดียวกับนักดนตรีซึ่งจะต้องนั่งพับเพียบให้เรียบร้อย สำรวมกิริยา นั่งตัวตรงไม่กระดุกกระดิก หรือเคลื่อนไหวมากเกินไป ขณะร้องให้หันหน้าไปทางผู้ชมเสมอ
          2.  ท่ายืน ในบางโอกาสผู้ขับร้องอาจจะได้ยืนร้อง ซึ่งผู้ขับร้องควรยืนร้อง ซึ่งผู้ขับร้องควรยืนอย่างสำรวมกิริยาท่าทาง และระวังการเคลื่อนไหวมือ เท้า และลำตัว
          การขับร้องเพลงไทย มีหลักการปฏิบัติ ดังนี้
          1.   ร้องให้มีระดับเสียงสอดคล้องกับเสียงดนตรี
          2.  หายใจเข้า-ออก ให้สอดคล้องกับช่วงจังหวะ ทำนอง และเนื้อเพลง
          3.  ออกเสียงพยัญชนนะ สระ คำควบกล้ำ ตามอักขรวิธี
          4.  ร้องให้ถูกต้องตามวรรคตอนของเนื้อเพลง เพราะหากร้องไม่ถูกวรรคตอน อาจทำให้ความหมายคลาดเคลื่อนได้
          5.  เนื่องจากเพลงไทยมีการเอื้อน ให้ระมัดระวังในเรื่องการออกเสียงควรเอื้อนให้มีน้ำเสียงสม่ำเสมอตามจังหวะและทำนองเพลง

ข้อใดคือความหมายของการขับร้องหมู่

การขับร้องหมู่หมายถึงข้อใด

การขับร้องหมู่ หมายถึง การร้องเพลงโดยบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป อาจมีดนตรีประกอบหรือไม่มีก็ได้ ซึ่งการขับร้องแบบหมู่นี้อาจจะร้องแบบเป็นทำนองเดียวกันหรือร้องแบบประสานเสียงกันก็ได้ การขับร้องเพลงประเภทต่างๆ ให้มีความไพเราะ ต้องอาศัยการฝึกฝนบ่อย ๆ จนเกิดความชำนาญ และใช้หลักการขับร้องที่ถูกต้อง ดังนี้

การขับร้องมีอะไรบ้าง

1. การขับร้องอิสระ คือ การขับร้องทั่วไป โดยไม่มีดนตรีประกอบผู้ขับร้องสามารถขับร้องตามที่ตนเองถนัดหรือต้องการ โดยไม่คำนึงถึงระดับเสียงของเครื่องดนตรี 2. การขับร้องประกอบดนตรี คือ การขับร้องให้เข้ากับการบรรเลงเครื่องดนตรี โดยคำนึงถึงทำนอง จังหวะ และรูปแบบของเพลง

ข้อใดคือคุณสมบัติที่สำคัญของการขับร้องเดี่ยว

การขับร้องเดี่ยวหมายถึง การขับร้องบทเพลงโดยบุคคลเพียงบุคคลเดียวซึ่งการขับร้องเพลงคนเดียว จะมีดนตรีประกอบ Page 2 หรือไม่มีก็ได้ ผู้ที่สามารถทําการขับร้องเดี่ยวได้ต้องมีความสามารถในการขับร้องมาก มีเสียงที่ไพเราะ มีความแม่นยําในเรื่อง จังหวะและทํานองเพลง

ข้อใดคือการบรรเลงเดี่ยว

เป็นการบรรเลงโดยใช้ผู้บรรเลงมากกว่า ๑ คนขึ้นไป สามารถแบ่งออกเป็น ๒ ลักษณะเช่นเดียวกับการบรรเลงเดี่ยว คือ การบรรเลงเครื่องดนตรีชนิดเดียวกัน โดยมีผู้บรรเลงมากกว่า ๑ คนขึ้นไป ไม่เกี่ยวข้องกับการขับร้อง เช่น การบรรเลงขิมหมู่การบรรเลงจะเข้หมู่การบรรเลงระนาดเอกหมู่เป็นต้น