ปัจจุบันมีผู้สนใจไปทำงานต่างประเทศจำนวนมาก แต่หลายคนไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ อีกทั้งยังกลัวถูกหลอกจากนายหน้าเถื่อน ซึ่งการไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกกฎหมายเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะจะได้รับความคุ้มครองหากประสบปัญหาในการทำงานขณะอยู่ต่างประเทศ Show “ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมวิธีไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกกฎหมายดังนี้
1. จัดส่งโดยภาครัฐเป็นบริการของรัฐโดยกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ที่ส่งคนหางานไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ต้องเสียค่าบริการ นอกจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นที่ผู้เดินทางต้องจ่ายเอง เช่น ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า ค่าภาษี สนามบิน ค่าสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ ค่าที่พักสำหรับเตรียมตัวก่อนเดินทาง ทั้งนี้ กรมการจัดหางานตั้งเป้าจัดส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศปี 2566 ดังนี้ สาธารณรัฐเกาหลี 10,000 คน
อิสราเอล 6,500 คน
ฮ่องกง และมาเก๊า รวม 200 คน
สิงคโปร์ 200 คน
ญี่ปุ่นผ่านองค์กร IM Japan 400 คน Advertisement
2. บริษัทจัดหางานทั้งนี้ บริษัทจัดหางานที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการจัดหางาน โดยมีประเทศในความร่วมมือ ดังนี้ สาธารณรัฐเกาหลี 5,000 คน
ไต้หวัน 13,000 คน
ซาอุดีอาระเบีย 2,000 คน
ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางและประเทศอื่น ๆ 12,500 คน
ทั้งงนี้บริษัทจัดหางานต้องผ่านการอนุญาตจากรมการจัดหางาน โดยมีข้อกำหนดดังนี้
ทำอย่างไรจึงไม่ถูกหลอก – สมัครงานกับบริษัทจัดหางานที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยขอดูจากใบอนุญาตจัดหางาน – สอบถามเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางานว่าบริษัทจัดหางานมีจริงหรือไม่ – อย่าจ่ายเงินค่าหัว จนกว่าจะทราบกำหนดการเดินทาง – ไม่ควรจ่ายเงินค่าบริการ (ค่าหัว) เป็นเงินสด ให้จ่ายผ่านธนาคาร โดยขอคำแนะนำจากธนาคาร – เมื่อจ่ายเงินแล้ว ให้ขอใบเสร็จรับเงินจากบริษัทไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง – หลังจ่ายเงินแล้ว หนึ่งเดือนยังไม่ได้เดินทาง ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางานทันที การลงทะเบียนเพื่อไปทำงานต่างประเทศวิธีการลงทะเบียน ไปพบเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์ทะเบียนฯสำนักงานจัดหางานจังหวัดหรือสำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 1-10 ที่ท่านมีภูมิลำเนาอยู่หรือฝ่ายทะเบียนคนหางานและสารสนเทศ สำนักงานบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน พร้อมหลักฐานดังนี้ – บัดรประจำตัวประชาชน – หลักฐานการศึกษา – ใบรับรองทดสอบฝีมือ 3. เดินทางไปทำงานด้วยตนเองคนหางานติดต่อนายจ้างต่างประเทศด้วยตนเองหรือคนงานที่ทำงานครบสัญญาจ้างแล้วได้ต่อสัญญาจ้าง เมื่อเดินทางกลับมาพักผ่อน ในประเทศไทยและจะเดินทางกลับไปทำงานอีก ต้องแจ้งต่อกรมการจัดหางานก่อนวันเดินทางไม่น้อยกว่า 15 วัน 4. นายจ้างในไทยพาลูกจ้างไปทำงานกรณีนี้นายจ้างอาจมีบริษัทแม่อยู่ในต่างประเทศหรืออาจประมูลงานได้ จึงส่งคนงานที่อยู่ในประเทศไทยไปทำงาน คนงานดังกล่าวยังมีฐานะเป็นลูกจ้างของนายจ้างในประเทศไทย และได้รับเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงเต็มจำนวน การส่งลูกจ้างที่อยู่ในประเทศไทยไปทำงานต้องขออนุญาตต่อกรมการจัดหางาน 5. นายจ้างในไทยส่งลูกจ้างไปฝึกงานลักษณะนี้นายจ้างต้องขออนุญาตพาลูกจ้างในโครงการส่งไปฝึกงานต่างประเทศหรือบริษัทแม่หรือเครือข่ายเป็นการเรียนรู้พัฒนา ฝีมือลูกจ้างให้ทันกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ 6. โครงการออแพร์ อเมริกาAUPAIR in USA คือ โครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับครอบครัวอเมริกันผ่านการดูแลเด็กและทำงานบ้าน ภายใต้การควบคุมของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา (T่he U.S. Department of State หรือ DOS) โดยผู้เดินทางจะพักอาศัยกับครอบครัวอุปถัมภ์ชาวอเมริกันตลอดระยะเวลาของโครงการ ประมาณ 1-2 ปี ภายใต้วีซ่าประเภท J-1 (Cultural Exchange Visitor Visa) โดยจะได้รับทุนการศึกษา 500 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีเพื่อเรียนวิชาที่สนใจ และค่าตอบแทนรายสัปดาห์ระหว่างเข้าร่วมโครงการออแพร์ โดยจะมีวันหยุด 1.5-2 วันต่อสัปดาห์ และพักร้อน 10 วันต่อปี มีห้องพักส่วนตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในเรื่องที่พักและอาหาร สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ บริษัท ไทยและอเมริกันคัลเชอรัลเอ็กซเชนจ์ จำกัด โทรศัพท์ 0-2030-2568 มือถือ 08-8577-0350 และอีเมล์ [email protected] 7. Work and Travel อเมริกาโครงการ Work and Travel เกิดขึ้นในประเทศไทยมากว่า 20 ปี โดยได้รับการสนับสนุนและควบคุมโดย United Department of State (DOS) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีหน้าที่ดูแลด้านโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม โดยทุก ๆ ปี โครงการนี้จะดึงดูดนักเรียนหลายพันคนจากทั่วโลก และประเทศไทยก็เช่นกัน เพราะเป็นที่อนุญาตให้นิสิต/นักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1, 2, 3 และ 4 และนักศึกษาระดับปริญญาโทที่มีอายุไม่เกิน 28 ปี มีสถานภาพโสด มีทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษในระดับดีพอใช้ และมีเกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.00 ได้เข้าร่วมโครงการเพื่อเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมชาวอเมริกันผ่านการทำงาน และการท่องเที่ยวได้ทั่วสหรัฐอเมริกา ในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน งานที่อนุญาตให้ทำมีตั้งแต่งานในโรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร อุทยานแห่งชาติ และสวนสนุก โดยนิสิต/นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการสามารถทำงานและได้ค่าตอบแทนอย่างถูกต้องตามกฏหมาย อัตราเฉลี่ย 8.00-16.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง เป็นระยะเวลา 2-3 เดือน และยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวในประเทศสหรัฐอเมริกาภายหลังจบโครงการได้อีกประมาณ 30 วัน สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ The U.S. Embassy & Consulate in Thailand https://th.usembassy.gov/visas/summer-work-travel-program/ โดยมีเอเยนซี่หลายแห่งในไทยที่เปิดรับสมัครโครงการนี้ Work and Holiday ของประเทศออสเตรเลีย (WAH) เป็นความร่วมมือของรัฐบาลไทย และรัฐบาลออสเตรเลีย เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้ทั้งเรียน เที่ยว และทำงาน ได้อย่างถูกต้องในออสเตรเลียภายในระยะเวลา 1 ปี โดยแต่ละปีรัฐบาลออสเตรเลียจะให้โควตา 500 คนต่อปี แต่มีการเพิ่มขึ้นเป็นกรณีพิเศษ โดยในปี 2563 เป็น 2,000 คน ปี 2565 เป็น 1,000 คน และปี 2566 เป็น 2,000 คน โดยผู้เดินทางด้วยวีซ่าประเภทนี้สามารถทำงานได้นานสุดไม่เกิน 6 เดือนต่อนายจ้างแต่ละแห่ง (สามารถเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ได้) และสามารถลงเรียนในออสเตรเลียได้ไม่เกิน 17 สัปดาห์ และท่องเที่ยวในออสเตรเลียได้ตลอดเวลา 1 ปี โดยไม่ต้องทำงานถ้ามีเงินเพียงพอ ต้องยื่นสมัครโดยตรงกับกรมกิจการเด็กและเยาวชนที่ลิงก์นี้ Department of Children and Youth โดยคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการมีดังนี้ – อายุระหว่าง 18-30 ปี (ไม่เกิน 31 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ยื่นวีซ่ากับทางสถานทูตฯ) – สำเร็จการศึกษา ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีขึ้นไป – มีหลักฐานแสดงทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ เช่น ผลสอบ IELTS (ประเภทใดก็ได้) = 4.5 หรือเทียบเท่า โดยจะต้องมีคะแนนแต่ละพาร์ตอย่างน้อย 4.5 หรือผลการสอบ TOEFL iBT ระดับคะแนน 32 ขึ้นไป ทุกทักษะ มีอายุไม่เกิน 1 ปี โดยต้องสอบมาไม่เกิน 1 ปี (นับวันที่สอบกับวันยื่นเอกสารกับกรมกิจการเด็กและเยาวชน และ/หรือวันยื่นวีซ่า) – หรือหากเรียนในประเทศไทยเป็นนหลักสูตรภาษาอังกฤษก็สามารถใช้ยื่นได้ โดยต้องมีใบรับรองหรือประกาศนียบัตรการศึกษาระดับอุดมศึกษา ที่เรียนอย่างน้อย 2 ปี โดยการใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน เป็นต้น – มีหลักฐานการเงินบัญชีออมทรัพย์ของผู้สมัครเองประมาณ 120,000 บาท – มีหนังสือรับรองคุณสมบัติ ซึ่งออกให้โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thaiwahclub.com 9. Working Holiday Scheme นิวซีแลนด์รัฐบาลไทยได้จัดทำข้อตกลงโครงการตรวจลงตราทำงานและท่องเที่ยว Working Holiday Scheme (WHS) กับรัฐบาลนิวซีแลนด์ โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยอายุระหว่าง 18-30 ปี จำนวน 100 คน ต่อปี สามารถที่จะเดินทางไปศึกษา ท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 12 เดือน โดยสามารถทำงานชั่วคราว ในขณะพำนักอยู่ในนิวซีแลนด์ได้ด้วย ได้ลองทำงานในต่างประเทศ สมัครด้วยตนเองไม่ต้องผ่านเอเจนท์ โดยลงทะเบียนเพื่อขอรับใบรับรองจากกรมกิจการเด็กและเยาวชนที่ลิงค์นี้ Department of Children and Youth โควต้าแต่ละปีอยู่ที่ 100 คน มีค่าธรรมเนียมวีซ่าประมาณ 6,400 บาท อายุระหว่าง 18-30 ปี (อายุยังไม่เกิน 31 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ยื่นขอวีซ่ากับสถานเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย) สำเร็จการศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีขึ้นไป มีหลักฐานแสดงทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ มีหลักฐานการเงินบัญชีออมทรัพย์ของผู้สมัครเอง 7,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ 10. WWOOFingWorldwide Opportunities on Organic Farms หรือ WWOOF (วูฟ) เป็นองค์กรที่จับคู่อาสาสมัครกับโฮสต์ฟาร์มในประเทศต่าง ๆ มาตั้งแต่ปี 1971 เช่น เบลเยี่ยม บราซิล เดนมาร์ก สหราชอาณาจักร เป็นต้น แต่โครงการนี้จะแตกต่างจากโครงการอื่น ๆ ข้างต้น เพราะไม่มีค่าตอบแทนเป็นตัวเงิน แต่จะได้ทำงานเพื่อแลกกับที่อยู่อาศัยและค่าอาหาร โดยมีเป้าหมายคือการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเชิงนิเวศ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการต้องจ่ายค่าสมัครสมาชิก และค่าตั๋วเครื่องบิน |