แนวคิดของอากาศอัดได้มีมานับตั้งแต่ที่มนุษย์เรียนรู้วิธีที่จะเป่าไปที่เปลวไฟเพื่อให้ไฟลุกติดอย่างต่อเนื่อง แต่เราจะข้ามไปที่เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมแบบกลไกตัวแรก ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมอย่างที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน ในอดีตนั้น มันคือเครื่องอัดอากาศหรือปั้มลมเป็นแบบสูบลมที่ควบคุมด้วยมือ ซึ่งเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมแบบลูกสูบที่แท้จริงถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 เทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ช่วยให้ เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมแบบลูกสูบมีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างมาก และในปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีการอัดอากาศที่ได้รับความนิยมสูงสุด Show
หัวข้อ
ในโรงงานอุตสาหกรรมทุกประเภท ต้องมีเครื่องจักร เครื่องมือ หรืออุปกรณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง จำเป็นต้องใช้ลมอัด (Compressed Air) เมื่อเราทราบว่าต้องมีหรือต้องใช้ลมอัด เราต้องทราบต่อไปว่า เครื่องจักรที่ผลิตลมอัดนั้น เราเรียกว่าปั๊มลม (Air Compressor ) ฉะนั้นก่อนที่เราจะเลือกใช้ เลือกซื้อปั๊มลม ให้ถูกต้อง ทั้งชนิด ขนาด ประเภทปั๊มลมต่างๆ เราต้องทราบประเภทของปั๊มลมก่อนว่ามีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีข้อดี ข้อเสีย หรือเหมาะสมกับงานหรือเครี่องจักรที่ต้องการใช้ลมอัดอย่างไร
บางครั้งเราเลือกอย่างถูกต้องแล้ว แต่โรงงานหรือสถานประกอบการของเราอยู่ติดกับบ้าน หมู่บ้าน ที่อยู่อาศัยหรือชุมชนต่างๆ บางครั้งเสียงดังที่เกิดจากปั๊มลมขณะทำงาน ไปรบกวนชาวบ้าน หรือสถานที่ต่างๆตามที่กล่าวมา เราก็ต้องดูความเหมาะสม ความถูกต้อง ที่จะอยู่ร่วมกับชุมชนในกรณีนี้ด้วย 1. เครื่องอัดลม หรือ ปั๊มลมแบบลูกสูบ (Piston Air Compressor) เป็นเครื่องอัดลมหรือปั๊มลมที่นิยมใช้กันมากที่สุด เนื่องจากความสามารถในการอัดลม คือสามารถสร้างความดันหรือแรงดันของลมอัด ได้ตั้งแต่ 1 บาร์ (Bar) จนถึงเป็น 1000 บาร์ (Bar) ทำให้ปั๊มลมแบบลูกสูบทำได้ตั้งแต่ความดันต่ำ ความดันปานกลาง ไปถึงความดันสูง มีแบบใช้สายพาน จะทำให้เสียงเงียบ หรือแบบมอเตอร์ในตัว ที่เรียกว่าลูกสูบโรตารี่ แบบนี้จะผลิตลมได้เร็วกว่าแบบใช้สายพาน การทำงานของปั๊มลมแบบลูกสูบ ข้อแนะนำในการเลือกซื้อปั๊มลมแบบลูกสูบ 2. เครื่องอัดลม หรือ ปั๊มลมแบบสกรู (Screw Air Compressor)เป็นปั๊มลมที่นิยมใช้ในโรงงาน โรงพิมพ์มาก ปั๊มลมแบบนี้จะมีตัวสกรูโรเตอร์ในการผลิตลม ไม่มีลิ้นในการเปิดปิด ปั๊มลมชนิดนี้ต้องการระบบระบายความร้อนที่ดี มีทั้งระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ และระบบระบายความร้อนด้วยน้ำถ้าเป็นเครื่องขนาดใหญ่ ปั๊มลมสามารถจ่ายลมได้ถึง 170 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที (m3/min) และสร้างแรงดันได้มากกว่า 10 บาร์ (Bar) การทำงานของปั๊มลมแบบสกรู 3. เครื่องอัดลม หรือปั๊มลมแบบไดอะแฟรม (Diaphragm Air Compressor)เป็นปั๊มลมที่ใช้ตัวไดอะแฟรม
ทำงานเหมือนลูกสูบและส่งผลให้ลิ้นด้านดูดอากาศเข้าเละลิ้นด้านส่งอากาศออกทำงานโดยไม่ได้สัมผัสกับชิ้นส่วนที่เป็นโลหะ และลมอัดที่ได้จะไม่มีการผสมของน้ำมันหล่อลื่น จึงเป็นลมที่สะอาด แต่ไม่สามารถสร้างแรงดันได้สูง ข้อดีก็คือ ลมที่ได้จากปั๊มลมประเภทนี้มีความปลอดภัยสูงและมักใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมเคมี และนิยมใช้ในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์น้ำ เนื่องจากเสียงที่เงียบและลมสะอาดนั่นเอง ระบบอัดลมลักษณะนี้ จะใช้แผ่นไดอะแฟรมเป็นตัวดูดอากาศ ในขณะที่ลูกสูบเคลื่อนที่ลง แผ่นไดอะแฟรมจะดูดอากาศจากภายนอกผ่านลิ้นวาล์วด้านดูด มาเก็บไว้ในห้องเก็บลม และเมื่อลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นสุด แผ่นไดอะแฟรมจะอัดอากาศภายในห้องสูบทั้งหมดผ่านวาล์วด้านออกเพื่อไปเก็บไว้ในถังพักหรือไปใช้งานโดยตรง 4. เครื่องอัดลม หรือ ปั๊มลมแบบใบพัดเลื่อน (Sliding Vane Rotary Air Compressor)ปั๊มลมชนิดนี้ข้อดีคือเสียงเงียบ การหมุนจะราบเรียบมีความสม่ำเสมอ การอัดอากาศคงที่ ไม่มีลิ้นหรือวาล์วในการปิดเปิด มีพื้นที่ทำงานจำกัด จึงเกิดความร้อนได้ง่าย หากต้องการประสิทธิภาพที่ดีจะต้องผลิตปั๊มลมชนิดนี้ด้วยความประณีตสูง สามารถผลิตลมได้ตั้งแต่ 4-100 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที (m3/min) และความดันทำได้ 1-10 บาร์ (Bar) การทำงานของปั๊มลมแบบใบพัดเลื่อน 5. ปั๊มลมแบบใบพัดหมุน (Roots Air Compressor)ปั๊มลมแบบนี้จะมีใบพัดหมุน 2 ตัว เมื่อโรเตอร์สองตัวทำการหมุน อากาศจะถูกดูดจากฟากหนึ่งไปยังอีกฟากหนึ่ง โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงปริมาตร ทำให้อากาศไม่ถูกบีบหรืออัดตัว อากาศจะถูกอัดตัวก็ต่อเมื่ออากาศได้ถูกส่งเข้าไปยังถังเก็บลม ปั๊มลมแบบนี้ต้นทุนการผลิตจะแพง ไม่มีลิ้น ไม่ต้องการหล่อลื่นมากขณะทำงาน แต่ต้องมีการระบายความร้อนที่ดี การทำงานของปั๊มลมแบบใบพัดหมุน 6. ปั๊มลมแบบกังหัน (Radial and Axial Flow Air Compressor)ปั๊มลมแบบนี้ จะได้อัตราการจ่ายลมที่มาก ลักษณะเป็นใบพัดกังหันดูดอากาศมาจากอีกด้านหนึ่ง ด้วยความเร็วสูง และส่งออกไปอีกด้านหนึ่ง ลักษณะการออกแบบใบพัดจึงสำคัญมาก ในเรื่องของอัตราของการผลิตและจ่ายลม การทำงานของปั๊มลมแบบกังหัน มารู้จักวิธีการเลือกใช้ปั๊มลมให้เหมาะสมกับงาน1. ต้องทราบก่อนว่าในโรงงาน หรือสถานประกอบการต้องการใช้ลมประเภทไหน ลมสะอาดมากหรือน้อย มีน้ำมันปนไปกับลมได้ไหม ถ้าทราบแน่ชัด ก็ย้อนกลับไปดูข้อมูลเกี่ยวกับปั๊มลมว่า ควรจะใช้ปั๊มลมประเภทไหนในโรงงานหรือสถานประกอบการ หมายเหตุ: ปัจจุบันมีปั๊มลมที่เรียกว่าปั๊มลมแบบออยฟรี (Oil free Screw Air Compressor) ปั๊มลมแบบนี้นิยมใช้มากในอุตสาหกรรมยา เคมี อาหาร อิเลคโทรนิคส์ และอื่นๆ ที่ต้องการลมสะอาดปราศจากน้ำมันที่ติดไปกับลม ซึ่งปั๊มลมประเภทนี้ จะหล่อลื่นโดยการใช้น้ำ ไม่ใช้น้ำมัน และมีเสียงเงียบมาก 2. ปริมาณลมที่ใช้ มากกว่า 90% ที่โรงงานอุตสาหกรรม หรือ สถานประกอบการต่าง ถูกผลิตออกมาใช้โดยปั๊มลม 3 ประเภท คือ ปั๊มลมแบบลูกสูบ ปั๊มลมแบบสกรู และปั๊มลมแบบกังหัน ทีนี้เรามาดูว่าปั๊มลมแบบไหนจะเหมาะสมกับโรงงานหรือสถานประกอบการของเรา โดยพิจารณาได้ดังนี้ 2.1 ถ้าปริมาณการใช้ลมมีไม่มากและใช้ไม่ต่อเนื่อง ควรเลือกใช้ปั๊มลมแบบลูกสูบ เพราะว่าราคาไม่แพง ดูแลและซ่อมบำรุงง่าย ราคาอะไหล่ถูก ทำความดันลมได้สูง ส่วนข้อเสียก็มีเหมือนกันคือ มีเสียงดังขณะทำงาน ถ้าเปิดต่อเนื่องนานๆ โดยไม่หยุดพักเครี่อง อาจชำรุดได้ และปริมาณลมที่ผลิตได้เทียบกับระยะเวลา จะได้ช้ากว่าแบบสกรูและแบบกังหัน . . . อ่านต่อฉบับหน้า . . .ข้อมูลอ้างอิง |