เงินชราภาพประกันสังคมเริ่มปีไหน

นางกนกนันท์ วีริยานันท์ หัวหน้าสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรปราการ สาขาพระประแดง กล่าวว่า ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 33 (ทำงานกับนายจ้าง ภาคบังคับ) และผู้ประกันตน มาตรา 39 (ภาคสมัครใจ) ที่ส่งเงินสมทบครบตามระยะเวลาที่กำหนด จะมีสิทธิได้รับเงินชราภาพประกันสังคม ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ เงินบำเหน็จชราภาพ กับเงินบำนาญชราภาพ โดยจะได้รับก็ต่อเมื่อมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตน

ในส่วนของเงินบำเหน็จชราภาพคือ เงินที่ผู้ประกันตนจะได้รับเป็นเงินก้อน สำหรับผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบตั้งแต่ 1-179 เดือน ส่วนเงินบำนาญชราภาพคือิ เงินที่ผู้ประกันตนจะได้รับรายเดือนไปตลอดชีวิต สำหรับผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบครบ 180 เดือน หรือ 15 ปี โดยคำนวณจากอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายที่ใช้เป็นฐานคำนวณ ซึ่งปัจจุบันฐานคำนวณค่าจ้างสูงสุดอยู่ที่ 15,000 บาท

ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 39 ส่งเงินสมทบครบ 180 เดือนหรือ 15 ปี จะได้รับเงินบำนาญชราภาพ โดยสูตรคำนวณอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายที่ใช้เป็นฐานคำนวณ ซึ่งปัจจุบันฐานคำนวณค่าจ้างสูงสุดอยู่ที่ 4,800 บาท เท่ากับจะได้รับเงินบำนาญชราภาพ 960 บาทต่อเดือน ทั้งนี้เมื่อเกิดสิทธิรับบำนาญชราภาพแล้ว ผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบต่อเนื่อง ประกันสังคมจะบวกเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ของระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุกๆ 12 เดือน ซึ่งจะทำให้ผู้ประกันตนได้รับเงินบำนาญชราภาพเพิ่มขึ้น

สำหรับตัวอย่างการคำนวณเงินบำนาญชราภาพ กรณีผู้ประกันตนมาตรา 33 ส่งเงินสมทบเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายค่าจ้างอยู่ที่ 10,000 บาท ส่งเงินสมทบ 15-20 ปี เงินบำนาญที่จะได้รับอยู่ที่ 2,000-2,750 บาท ,กรณีผู้ประกันตนส่งเงินสมทบค่าจ้างเฉลี่ย 12,000 บาท ส่งเงินสมทบ 15-20 ปี เงินบำนาญที่จะได้รับอยู่ที่ 2,400-3,300 บาท ,กรณีผู้ประกันตนส่งเงินสมทบค่าจ้างเฉลี่ยสูงสุด 15,000 บาท ส่งเงินสมทบ 15-20 ปี เงินบำนาญที่จะได้รับอยู่ที่ 3,000-4,125 บาท กรณีส่งเงินสมทบ 21-25 ปี เงินบำนาญที่จะได้รับอยู่ที่ 4,350-5,250 บาท กรณีส่งเงินสมทบ 26-30 ปี เงินบำนาญที่จะได้รับอยู่ที่ 5,475-6,375 บาท

ผู้ประกันตนแต่ละคนจะได้รับเงินบำนาญชราภาพไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับฐานค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายและระยะเวลาการนำส่งเงินสมทบของแต่ละบุคคล ผู้ประกันตนสามารถตรวจเช็คเงินสมทบที่นำส่งประกันสังคมว่าได้ส่งมาแล้วกี่เดือน เช็คข้อมูลได้ที่แอปพลิเคชัน sso Connect หรือ LINE @ssothai หรือที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th

วันที่ 12 กันยายน 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้แจ้งเตือนผู้ประกันตนตามมาตรา 33  และมาตรา 39 ซึ่งมีอายุครบ 55 ปี และปัจจุบันมีสถานะสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนแล้ว ให้ตรวจสอบสิทธิการได้รับบำเหน็จ หรือบำเหน็จชราภาพ พร้อมกับยื่นขอรับเงิน ณ สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ใกล้บ้าน หรือสำนักงานประกันสังคมจังหวัด

สำหรับช่องทางการตรวจสอบสิทธิและยอดเงินสมทบชราภาพ หากไม่สะดวกเดินทางไปยังสำนักงานประกันสังคม ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบผ่านช่องทางออนไลน์ได้ 3 ช่องทาง คือเว็บไซต์ของ สปส.  www.sso.go.th, แอปพลิเคชั่น SSO Connect สามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง ระบบ iOSและ Android และ Line Official Account ของ สปส. @ssothai

ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบและทราบสิทธิที่จะได้รับแล้วสามารถยื่นขอรับบำเหน็จ หรือ บำเหน็จชราภาพ ได้ที่สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ใกล้บ้าน หรือสำนักงานประกันสังคมจังหวัด โดยใช้เอกสารเป็นบัตรประชาชนตัวจริง และกรอกใบคำขอ สปส. 2-01 หรือ SSO. 2-01 พร้อมแนบสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์ที่จะรับโอนเงิน แต่หากผู้ประกันตนมีบัญชีพร้อมเพย์ที่ใช้เลขบัตรประชาชนผูกกับบัญชีออมทรัพย์ สามารถแจ้งขอรับเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ไปพร้อมการยื่นคำร้องได้ โดยไม่ต้องใช้สำเนาสมุดบุญชีธนาคาร (บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับหมายเลขโทรศัพท์ไม่สามารถใช้ได้)

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับสิทธิของผู้ประกันตนกรณีชราภาพนั้นจะแยกเป็น 2 กรณี  ได้แก่ 1) รับบำเหน็จชราภาพ  ได้แก่ ผู้จ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 12 เดือน ซึ่งจะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบเฉพาะส่วนของผู้ประกันตนที่จ่ายให้กับสำนักงานประกันสังคม แต่หากจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไปแต่ไม่ถึง 180 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบส่วนของผู้ประกันตน รวมกับส่วนของนายจ้างที่จ่ายเงินสมทบให้และผลประโยชน์ตอบแทนประจำปี

2) กรณีรับบำนาญชราภาพ ได้แก่ผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 180 เดือน จะได้รับเงินบำนาญชราภาพเป็น         รายเดือนตลอดชีวิต ในอัตราร้อยละ 20 ของเงินค่าจ้าง(ไม่เกิน 15,000 บาท) เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง และกรณีที่จ่ายเกินกว่า 180 เดือนจะเพิ่มอัตราการจ่ายเงินบำนาญ ให้อีกร้อยละ 1.5 ของระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุกๆ 12 เดือน

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ผู้รับบำนาญชราภาพเสียชีวิตลงระหว่างรับบำนาญชราภาพยังไม่ถึง 60 เดือน ที่ทายาทสามารถติดต่อเพื่อรับบำเหน็จชราภาพของผู้ประกันตนได้ โดยสามารถดูข้อเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th หรือสอบถามที่สายส่วน สปส. 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง

มนุษย์เงินเดือน ผู้ประกันตนมาตรา 33 หลังเกษียณอายุ จะไดรับเงินบำนาญรายเดือน หรือเงินบำเหน็จจากประกันสังคมเท่าไร และมีวิธิคำนวณอย่างไร หาคำตอบได้ที่นี่

สิทธิประกันสังคมมาตรา 33 (ม.33) ภายใต้ความคุ้มครองจากกองทุนเงินประกันสังคม จะได้รับใน 7 กรณี ได้แก่ กรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย , กรณีคลอดบุตร , กรณีทุพพลภาพ , กรณีเสียชีวิต , กรณีสงเคราะห์บุตร , กรณีชราภาพ และ กรณีว่างงาน 

 

สำหรับมนุษย์เงินเดือน พนักงานบริษัท ซึ่งเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ในแต่ละเดือนจะถูกนายจ้างหักเงิน 5% ของค่าจ้าง สูงสุดไม่เกิน 750 บาท ( 1,650 - 15,000 บาทต่อเดือน ) เพื่อนำส่งเข้ากองทุนประกันสังคมทุกเดือน  

 

เงิน 5% นี้ ถูกหักไปใช้ทำอะไรบ้าง                                                 

กรณีการหักเงินส่งสมทบกองทุนประกันสังคมที่ 750 บาท  
 

  • 1.5% = 225 บาท จะใช้ในส่วนประกันเจ็บป่วย หรือเสียชีวิต
  • 0.5% = 75 บาท จะเก็บใช้ในส่วนประกันการว่างงาน 
  • 3% = 450 บาท จะเก็บไว้ในส่วนประกันชราภาพ 

 

โดยในส่วนของเงินประกันชราภาพจะได้รับเมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังนี้

 

กรณีบำนาญชราภาพ

 

  • จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า180 เดือน ไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือนจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม
  • มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
  • ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง

 

กรณีบำเหน็จชราภาพ

   

  • จ่ายเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน
  • ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
  • มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ หรือเป็นผู้ทุพพลภาพ หรือถึงแก่ความตาย

เงินชราภาพประกันสังคมเริ่มปีไหน

สำหรับรูปแบบการรับเงินเกษียณคืนจากกองทุนประกันสังคม มี 3 กรณี ดังนี้
 

1.กรณีจ่ายเงินสมทบมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 180 เดือน :  มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพเป็นรายเดือนในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ) 

 

  • กรณีที่มีการจ่าย เงินสมทบเกิน 180 เดือน ให้ปรับเพิ่มอัตราบำนาญชราภาพตามข้อ 1 ขึ้นอีกในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อ ระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุก 12 เดือน ( ถ้ามีเศษเกินจะถูกปัดทิ้ง เช่น หากสะสมมา 15 ปี 2 เดือน จะคิดแค่ 15 ปี )
  •  กรณีผู้รับเงิน บำนาญชราภาพถึงแก่ความตายภายใน 60 เดือน นับแต่เดือนที่มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพ ให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพจำนวน 10 เท่าของเงินบำนาญชราภาพรายเดือนที่ได้รับคราวสุดท้ายก่อนถึงแก่ความตาย

 

ตัวอย่างเช่น ผู้ประกันตนทำงานได้รับเงินค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท มาตลอด และส่งเงินสมทบมาแล้ว 20 ปี อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงจะได้รับเงินบำนาญชราภาพรายเดือน ตามการคำนวณดังนี้

 

ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญ               

 

=  15 ปี (แรก) ได้อัตราเงินบำนาญ 20%               

=  5 ปี (หลัง) ได้อัตราเงินบำนาญ (1.5% (ปรับเพิ่ม) × 5ปี ) 

= 7.5%               

รวมอัตราเงินบำนาญ 20 ปี 

= 20% + 7.5% = 27.5%       

ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญรายเดือน 

= 27.5% ของ 15,000 บาท                 

= 4,125 บาท/เดือนจนตลอดชีวิต             

 

ส่วนกรณีผู้ประกันตนที่ได้รับเงินบำนาญชราภาพเสียชีวิตภายใน 5 ปี ทายาทผู้มีสิทธิ จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพจำนวน 10 เท่าของเงินบำนาญรายเดือน               

 

= 4,125 บาท  × 10 เท่า  เท่ากับ 41,250 บาท            
 

หมายเหตุ :  กองทุนชราภาพ ประกันสังคม จัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2541  ดังนั้นผู้ที่ทำงานก่อนปี 2542 และได้เข้าระบบประกันสังคม จึงเริ่มส่งเงินสมทบเข้ากองทุนชราภาพ เดือนแรกคือเดือนมกราคม 2542 

 

เงินชราภาพประกันสังคมเริ่มปีไหน

2.กรณีจ่ายเงินสมทบมากกว่า 12 เดือน แต่ไม่เกิน 180 เดือนและมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ เมื่อความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง จะได้รับเงินบำเหน็จเท่ากับจำนวนเงินสมทบของตนเอง + เงินสมทบในส่วนของนายจ้างและรัฐบาล + ผลประโยชน์ตอบแทน ตามที่สำนักงานประกันสังคมประกาศกำหนด 
 

3.กรณีจ่ายเงินสมทบไม่ถึง 12 เดือน และมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ เมื่อความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง จะได้รับเงินเกษียณจากกองทุนประกันสังคมเป็นเงินบำเหน็จ (เงินก้อนครั้งเดียว) เท่ากับจำนวนเงินที่จ่ายสมทบกองทุนประกันสังคม ตัวอย่างเช่น ผู้ประกันตนท่านหนึ่ง จ่ายเงินสมทบของตนเอง 450 บาท/เดือน เป็นเวลารวม 11 เดือน ดังนั้นผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำเหน็จเท่ากับ 450*11 หรือ 4,590 บาท

 

หลักฐานที่ใช้เพื่อขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ

 

  • แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ (สปส. 2-01)
  • สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรก ซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอฯ
  • กรณีผู้ประกันตนถึงแก่ความตาย

          -สำเนามรณะบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านผู้ตาย

          -สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้มีสิทธิรับเงินบำเหน็จชราภาพ

          -สำเนาทะเบียนสมรสของผู้ประกันคนและของบริดามารดา (ถ้ามี)

          -สำเนาสูติบัตรของบุตรหรือสำเนาทะเบียนบ้านของบุตร กรณีไม่มีสูติบัตร

          -หนังสือระบบให้เป็นผู้มีสิทธิรับเงินบำเหน็จชราภาพ (ถ้ามี)

 

ขั้นตอนการขอรับเงินเกษียณ

   

  •  ผู้ประกันตน/ทายาทผู้มีสิทธิ ต้องกรอกแบบ สปส. 2-01 พร้อมลงลายมือชื่อและนำมายื่นที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา (ยกเว้น สำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข)  หรือยื่นขอรับทางไปรษณีย์โดยมีหลักฐานครบถ้วน
  • เจ้าหน้าที่ตรวจหลักฐานและพิจารณา
  • สำนักงานประกันสังคมมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณา
  • พิจารณาสั่งจ่าย เงินสด/เช็ค (ผู้ประกันตน/ผู้มีสิทธิมารับด้วยตนเองหรือมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมารับแทน) ส่งธนาณัติให้ผู้ประกันตน โอนเข้าบัญชีธนาคารตามบัญชีของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน

 

สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเงินเกษียณกองทุนประกันสังคมเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลการส่งเงินสมทบ และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ สามารถตรวจสอบได้ที่

ประกันสังคมเริ่มนับตั้งแต่ปีไหน

พ.ร.บ.ประกันสังคมเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2533 กับสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป และต่อมาได้ขยายออกไปถึงสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป เมื่อวันที่ 2 เดือนกันยายน 2536 และขยายไปยังสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2545 เป็นต้นไป

ประกันสังคม มีบํานาญไหม

ในส่วนของเงินบำเหน็จชราภาพคือ เงินที่ผู้ประกันตนจะได้รับเป็นเงินก้อน สำหรับผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบตั้งแต่ 1-179 เดือน ส่วนเงินบำนาญชราภาพคือิ เงินที่ผู้ประกันตนจะได้รับรายเดือนไปตลอดชีวิต สำหรับผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบครบ 180 เดือน หรือ 15 ปี โดยคำนวณจากอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายที่ใช้เป็นฐาน ...

เงินบํานาญประกันสังคม ได้กี่เดือน

🌟 บำนาญชราภาพ 🌟 👉 จ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 180 เดือน จะได้รับเงินบำนาญชราภาพเป็น รายเดือนตลอดชีวิต คิดเป็นอัตราร้อยละ 20 ของเงินค่าจ้าง(ไม่เกิน 15,000 บาท) เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง

เงินประกันสังคม อายุ 55 ได้กี่บาท

(สำหรับ ผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบกรณีชราภาพ มาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน ครบอายุ 55 ปี และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงจะได้รับเงินบำนาญชราภาพ ในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย) ตัวอย่างที่ 1 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย = 20 x 13,000 ÷ 100 = 2,600.