ทำงานต่างประเทศไหนได้เงินเยอะ

เลือกได้เลย! ประเทศเงินเดือนดีเหมาะสำหรับย้ายไปทำงาน

สำหรับน้องๆ คนไหนที่กำลังมองหาลู่ทางไปทำงานต่างประเทศหลังเรียนจบหรืออยากไปเรียนต่อแล้วทำงานเก็บเงินในต่างแดน บทความนี้้เรามีรายงานน่าสนใจจาก HSBC หรือ The Hongkong and Shanghai Banking Corporation ธนาคารชื่อดังระดับโลก และมีฐานอยู่ในฮ่องกง ให้บริการใน 66 ประเทศทั่วโลก

ซึ่ง HSBC ได้ทำการสำรวจผู้ที่ย้ายถิ่นไปทำงานในต่างประเทศจำนวน 22,318 ราย จาก 163 ประเทศ และสิ่งที่ทำให้ประเทศเหล่านี้เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการจะย้ายถิ่นฐาน โดยแต่ละปัจจัยประกอบไปด้วย เงินเดือนดี วัฒนธรรมการทำงานดี ความมั่นคงทางการงาน และเติมเต็มโอกาสให้ผู้คนที่อยากทำงาน

และแอบกระซิบดังๆ ให้หลายคนที่ไม่อยากไปทำงานไหนไกลให้ชื่นใจไว้หน่อยว่า "ประเทศไทย" ของเรา ก็แอบติดอยู่ในอันดับที่ 25 จากทั้งหมด 31 ประเทศด้วยนะ และนี่คือ Top 10 ประเทศน่าอยู่สำหรับคนอยากย้ายไปทำงาน มาดูกันดีกว่าว่ามีประเทศไหนบ้าง

ทำงานต่างประเทศไหนได้เงินเยอะ

(ดูอันดับอื่นๆ เพิ่มเติม >>> HSBC Bank :The best locations for expats to work)

โดย John Goddard ซึ่งเป็น Head of HSBC Expat ก็ได้อธิบายถึงเหตุผลของ TOP 5 ประเทศที่ติดอันดับไว้ดังนี้

1. ประเทศเยอรมนี #ทำงานเพื่อจะมีชีวิตอยู่ #ไม่ใช่มีชีวิตอยู่เพื่อทำงาน 
ประเทศนี้ถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมในการทำงานดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยแบ่งสัดส่วนของความมั่นคงทางหน้าที่การงานสูงถึง 73% ขณะที่สมดุลในการใช้ชีวิตและการทำงานอยู่ที่ 71%

2. ประเทศบาห์เรน #ดินแดนที่ทำให้คุณตระหนักถึงศักยภาพในการหารายได้
คนที่ไปทำงานที่นี่ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าอัตราการเติบโตของรายได้ที่พวกเขาได้ เติบโตอย่างรวดเร็วมากถึง 77% สมดุลของการทำงานและการใช้ชีวิตอยู่ที่ 73%

3. สหราชอาณาจักร #พื้นที่ที่จะทำให้ทักษะในการทำงานของคุณเติบโต
ประเทศนี้ผู้คนเห็นว่าทักษะพวกเขาเติบโตอย่างรวดเร็วถึง 66% แม้จะมีสภาพการณ์ทางการเมืองที่ไม่สู้ดีนัก แต่สำหรับชาวต่างประเทศผู้ไปทำงานที่นี่เห็นว่า ก็ยังมีผลบวกมากกว่าผลลบ การเจริญเติบโตทางหน้าที่การงานก็อยู่ในอัตราที่สูงมากถึง 69%

4. ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ #ผลประโยชน์เฟื่องฟู
เป็นประเทศที่สามารถรักษาอันดับ 4 ได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ผลประโยชน์หรือสวัสดิการที่ได้รับจากการทำงานที่นี่อยู่ในอัตราที่สูงถึง 95% ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลหรือค่าเดินทางโดยเครื่องบิน

5. ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ประเทศนี้มีโอกาสที่ผู้คนจะทำรายได้เพิ่มขึ้นได้มากถึง 75% และยังมีความก้าวหน้าทางการงานสูงถึง 63%

ที่มา 
HSBC Bank :The best locations for expats to work 
เพจ aomMONEY 

ค่าแรงขั้นต่ำ ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่สะท้อนถึงสวัสดิการ และการพัฒนาของประเทศ ทั้งยังเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่จะดึงดูดแรงงานจากต่างชาติ และการลงทุนด้วย ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีการพูดกันว่า ถ้าการเมืองดี ค่าแรงขั้นต่ำ และคุณภาพชีวิตของแรงงานก็จะมีการพัฒนา และดีขึ้นด้วย

The MATTER ชวนสำรวจค่าแรงขั้นต่ำใน 10 ประเทศทั่วโลก ทั้งประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ประเทศในเอเชีย ไปถึงประเทศที่พัฒนาแล้วกันว่า พวกเขามีอัตราค่าแรงขั้นต่ำกันเท่าไหร่ มีการปรับขั้นเท่าไหน และประเทศไทยอยู่จุดไหนด้วย

ทำงานต่างประเทศไหนได้เงินเยอะ

เวียดนาม – เฉลี่ย 1.6 แสนดองต่อวัน (220 บาทต่อวัน) = 27.5 บาท ต่อชั่วโมง

ค่าแรงขั้นต่ำของเวียดนามเพิ่งมีการปรับขึ้นถึง 5.7% เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยค่าแรงขั้นต่ำในเวียดนามมีเกณฑ์ที่แตกต่างกันใน 4 ภูมิภาค โดยในเมืองใหญ่อย่างโฮจิมินห์ซิตี้ และฮานอย มีค่าแรงขั้นต่ำสูงสุดอยู่ที่ 4.42 ล้านด่อง หรือประมาณ 5,700 บาท/เดือน และในภูมิภาคต่ำสุดจะอยู่ที่ 3.07 ล้านด่อง หรือประมาณ 4,000 บาท คิดเป็นค่าจ้างรายวันอยู่ที่ประมาณ 180-260 บาท หรือเฉลี่ยแล้ววันละ 220 บาท ซึ่งทำงานวันละ 8 ชั่วโมงเท่ากับ ค่าแรงชั่วโมงละ 27.5 บาท นั่นเอง

ไทย – เฉลี่ย 324.5 บาทต่อวัน = 40.5 บาทต่อชั่วโมง

ประเทศไทยมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นเมื่อมกราคมเช่นกัน โดยแต่ละจังหวัดนั้น มีค่าแรงที่ไม่เท่ากัน โดยจังหวัดที่ค่าแรงสูงที่สุดคือ ชลบุรี และภูเก็ตที่ 336 บาท ขณะที่ 6 จังหวัดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลอยู่ที่ 331 บาท และอัตราที่ต่ำสุดคือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา นราธิวาส และปัตตานี ที่ 313 บาท โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าแรงขั้นต่ำของไทยจึงอยู่ที่ 324.5 บาทต่อวัน หรือที่ 40.5 บาทต่อชั่วโมง

มาเลเซีย – 5.77 ริงกิตต่อชั่วโมงต่อชั่วโมง = 43.16 บาทต่อชั่วโมง

ประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างมาเลเซีย ก็เพิ่งมีการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำเช่นกัน ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยได้ปรับค่าแรงต่อเดือนขึ้นเป็น 1,200 ริงกิต (ประมาณ 8,925 บาท) ซึ่งอัตราที่แรงงานจะได้รับต่อชั่วโมงก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 5.77 ริงกิต (ประมาณ 43.16 บาท) หรือเพิ่มขึ้นมาชั่วโมงละ 3.57 บาท

ไต้หวัน – 158 ดอลล่าร์ไต้หวันต่อชั่วโมง = 170.09 บาทต่อชั่วโมง

ประเด็นเรื่องระบบค่าจ้างขั้นพื้นฐานของไต้หวัน จะมีการหารือกันในทุกไตรมาสที่ 3 ของปี โดยคณะกรรมการค่าจ้างขั้นพื้นฐาน โดยไต้หวันได้มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 23,800 ดอลล่าร์ไต้หวัน (ประมาณ 25,600 บาท) ต่อเดือน หรือเป็นชั่วโมงละ 158 ดอลล่าร์ไต้หวัน (ประมาณ 170.09 บาท)

เกาหลีใต้ – 8,590 วอนต่อชั่วโมง = 227 บาทต่อชั่วโมง

เงินเดือนขั้นต่ำของเกาหลีใต้ เพิ่งมีการปรับขึ้นในช่วงต้นปีเช่นกัน โดยขึ้นค่าแรงขั้นต่ำต่อชั่วโมง 2.9% เป็น 8,590 วอน (227 บาท) และ 1,795,310 วอนต่อเดือน (ประมาณ 47,424 บาท) การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของเกาหลีใต้ ถือเป็นหนึ่งในแคมเปญหาเสียงของ ปธน.มุน แจอิน ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเกาหลี

สหรัฐฯ 7.25 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ต่อชั่วโมง = 229.71 บาทต่อชั่วโมง

ค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลกลางในปี 2020 คือ 7.25 ดอลล่าร์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 229.71 บาท) โดยจำนวนนี้ ไม่ได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2009 แต่ถึงอย่างนั้น บางรัฐ และบางเมืองของสหรัฐฯ ก็มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่สูงกว่าของรัฐบาลกลาง ซึ่งวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นรัฐที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงที่สุดถึง 13.50 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (ประมาณ 427.35 บาท)

แคนาดา เฉลี่ย 13.16 ดอลลาร์แคนาดาต่อชั่วโมง = 309.34 บาท ต่อชั่วโมง

แคนาดา เป็นประเทศที่มีจำนวนค่าแรงขั้นต่ำแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ และดินแดน โดยอยู่ที่ 11.32 – 15 ดอลล่าร์แคนาดา ต่อชั่วโมง หรือเฉลี่ยที่ 13.16 ดอลลาร์แคนาดา (ประมาณ 309.34 บาท) ซึ่งแต่ละรัฐเอง ก็มีระยะเวลาการขึ้นค่าแรงที่แตกต่างกันไป

เยอรมนี – 9.35 ยูโรต่อชั่วโมง = 339.36 บาท ต่อชั่วโมง

ในปีนี้ เยอรมนีได้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 9.35 ยูโร (ประมาณ 339.36 บาท) และยังมีข่าวว่า จะมีแพลนขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำเป็น 10.45 ยูโร (หรือประมาณ 381.02 บาท) ในอีก 2 ปีข้างหน้า หรือในกลางปี 2022 ด้วย

นิวซีแลนด์ 18.90 ดอลล่าร์นิวซีแลนด์ต่อชั่วโมง = 397.38 บาท ต่อชั่วโมง

นิวซีแลนด์เพิ่งมีการปรับอัตราขั้นต่ำไปในเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยอัตราค่าแรงต่อชั่วโมงใหม่นี้ ได้เพิ่มขึ้น 1.20 ดอลล่าร์นิวซีแลนด์ (ประมาณ 25.23) หรือที่ 18.90 ดอลล่าร์นิวซีแลนด์ต่อชั่วโมง (397.38 บาท)

ออสเตรเลีย 19.84 ดอลล่าร์ออสเตรเลียต่อชั่วโมง = 445.17 บาท ต่อชั่วโมง

ออสเตรเลีย นอกจากจะเป็นประเทศที่มีค่าแรงสูงที่สุดใน 10 ประเทศที่เลือกมาแล้ว ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีค่าแรงสูงที่สุดในโลกด้วย โดยล่าสุดออสเตรเลียได้มีการประกาศปรับค่าแรงขั้นต่ำในปี 2020-21 ที่จะเพิ่มขึ้น 1.75% เป็น 19.84 ดอลล่าร์ออสเตรเลียต่อชั่วโมง (ประมาณ 445.17 บาท) ซึ่งการปรับของประเทศนี้ จะทยอยปรับตามแต่ละกลุ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมของปีนี้ ไปถึงต้นปีหน้า

อ้างอิงจาก

vietnam-briefing.com

mol.go.th

aseanbriefing.com

news.bloombergtax.com

lexology.com

thebalancecareers.com

dev.retailcouncil.org

dw.com

employment.govt.nz

employsure.com.au

Illustration by Waragorn Keeranan

You might also like

Share this article


ทํางานประเทศไหนได้เงินเยอะสุด

จัดอันดับ ประเทศน่าไปทำงาน ที่สุดในโลก ประจำปี 2022.
นิวซีแลนด์ New Zealand. เหมาะสำหรับงานตามฤดูกาล ... .
เนเธอร์แลนด์ Netherlands. เหมาะสำหรับงานด้านการวิจัย และวิชาการ ... .
เกาหลีใต้ South Korea. เหมาะสำหรับงานด้านสอนภาษา ... .
ออสเตรเลีย Australia. ... .
เยอรมนี Germany. ... .
บราซิล Brazil. ... .
7. เดนมาร์ก Denmark. ... .
บอตสวานา Botswana..

ค่าแรง ขั้น ต่ํา ของ ญี่ปุ่น เท่าไร

รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศในนโยบายพื้นฐานเกี่ยวกับการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่งผ่านการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือน มิ.ย. 2565 ว่าจะพยายามให้บรรลุเป้าหมายให้ค่าแรงขั้นต่ำรายชั่วโมงเฉลี่ยที่ 1,000 เยน เป็นไปได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 3 จังหวัดเท่านั้นที่ค่าแรงขั้นต่ำรายชั่วโมงเฉลี่ยเกิน 1,000 เยน คือ โตเกียว ( ...

ไปทำงานที่ประเทศไหนดี

ชี้เป้าสำหรับคนอยากทำงานต่างแดน!.
นิวซีแลนด์ ประเทศที่มีงานหมุนเวียนตามฤดูกาล มีทั้งงานระยะสั้นและระยะยาว เหมาะกับคนรักการผจญภัยที่ชอบอะไรที่หลากหลาย ... .
เนเธอร์แลนด์ ... .
เกาหลีใต้ ... .
ออสเตรเลีย ... .
เยอรมนี ... .
บราซิล ... .
เดนมาร์ก ... .
บอตสวานา.

เวียดนามค่าเเรงเท่าไร

นอกจากนี้ กฤษฎีกาฉบับใหม่ยังกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำรายชั่วโมง โดย (1) พื้นที่ 1 จะอยู่ที่ 22,500 ด่ง (0.97 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อชั่วโมง (2) พื้นที่ 2 20,000 ด่ง (0.86 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อชั่วโมง (3) พื้นที่ 3 17,500 ด่ง (0.76 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อชั่วโมง และ (4) พื้นที่ 4 15,600 ด่ง (0.68 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อชั่วโมง