สิ่ง ใด ต่อไปนี้ได้รับ การคุ้มครอง การละเมิด สิทธิ์ โดยไม่ต้อง จดทะเบียน

2. เครื่องหมายการค้า (Trademark)

เครื่องหมายการค้า ได้แก่ คำ ข้อความ สัญลักษณ์ แผนแบบ หรือการรวมกันระหว่างสิ่งต่างๆดังกล่าว เพื่อแสดงที่มา และแยกแยะความแตกต่างกับสินค้าของบุคคลอื่น ส่วนเครื่องหมายบริการ (service mark) มีลักษณะอย่างเดียวกัน แต่เป็นการแสดง และแยกแยะความแตกต่างของบริการ ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์

การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐฯ หรือที่เรียกว่า Federal Registration นั้น เป็นการแจ้งให้สาธารณชนทราบความเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า ผู้จดทะเบียนมีสิทธินำคดีฟ้องร้องต่อศาลของสหรัฐฯ (Federal Court) และมิสิทธิ์ขอให้ศุลกากรป้องกันการนำเข้าสินค้าต่างประเทศที่ละเมิดเครื่องหมายการค้านั้น

การอ้างสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้า จะใช้คำว่า TM และ SM สำหรับเครื่องหมายการค้า และเครื่องหมายบริการตามลำดับ โดยไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเครื่องหมายนั้นก่อน แต่สำหรับสัญลักษณ์ตัว R ภายในเครื่องหมายวงกลมจะใช้ได้เมื่อสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้แล้วเท่านั้น

หน่วยงานในสหรัฐฯที่มีหน้าที่รับจดทะเบียน คือ สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐฯ (The United States Patent and Trademark Office หรือ USPTO) หน่วยงานดังกล่าวมีหน้าที่พิจารณาว่าผู้ขอจดทะเบียนเข้าเงื่อนไขการจดทะเบียนในระดับสหรัฐฯหรือไม่ ส่วนการจดทะเบียนนั้นสามารถทำได้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตที่เว็บไซต์ www.uspto.gov

เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนย่อมมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะใช้เครื่องหมายการค้ากับสินค้าที่ได้รับการจดทะเบียนนั้นในประเทศสหรัฐอเมริกา และจากการที่สหรัฐฯ เข้าร่วมอนุสัญญากรุงมาดริด (Madrid Protocol) มีผลทำให้ผู้ยื่นขอจดทะเบียนคำขอระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาดังกล่าวได้รับความคุ้มครองในสหรัฐฯ ด้วย (ประเทศไทยไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกสนธิสัญญานี้)

การละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าสหรัฐฯ นั้นเป็นความผิดทางอาญา หากผู้กระทำผิดเป็นบุคคลธรรมดาและกระทำความผิดครั้งแรก มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีหรือปรับไม่เกิน 2,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือทั้งจำทั้งปรับ หากไม่ใช่บุคคลธรรมดา (นิติบุคคล บริษัท ห้างร้าน ฯลฯ) ปรับไม่เกิน 5,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในกรณีที่กระทำผิดอีก โทษของบุคคลธรรมดาจะเพิ่มเป็น จำคุกไม่เกิน 20 ปีหรือปรับไม่เกิน 5,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือทั้งจำทั้งปรับ หากไม่ใช่บุคคลธรรมดา ปรับไม่เกิน 15,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ลิขสิทธิ์คืออะไร

ผลงานประเภทใดบ้างอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์

การเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ทำให้ผู้เป็นเจ้าของมีสิทธิ์แต่ผู้เดียวในการใช้ผลงานดังกล่าวโดยมีข้อยกเว้นบางประการ เมื่อบุคคลหนึ่งสร้างผลงานต้นฉบับซึ่งฝังติดอยู่ในสื่อที่เป็นรูปธรรม จะถือว่าบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในผลงานนั้นไปโดยปริยาย

มีผลงานหลายประเภทที่มีสิทธิ์ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ เช่น

  • งานด้านภาพและเสียง เช่น รายการทีวี ภาพยนตร์ และวิดีโอออนไลน์
  • ไฟล์บันทึกเสียงและการประพันธ์เพลง
  • งานเขียน เช่น บทบรรยาย บทความ หนังสือ และการประพันธ์เพลง
  • งานด้านภาพ เช่น ภาพวาด โปสเตอร์ และโฆษณา
  • วิดีโอเกมและซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์
  • งานด้านละคร เช่น ละครเวทีและละครเพลง

สำนักงานลิขสิทธิ์มีข้อมูลออนไลน์ และคุณสามารถปรึกษาทนายความได้หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ฉันจะใช้เนื้อหาจากผลงานที่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ได้ไหม

ผู้ถือครองลิขสิทธิ์มีสิทธิ์ควบคุมการใช้โดยส่วนใหญ่ในผลงานของตน ในบางสถานการณ์ตามตัวอย่างต่อไปนี้ คุณสามารถใช้ผลงานที่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์โดยที่ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์

  • คุณตรวจสอบกับผู้ถือครองลิขสิทธิ์แล้ว ซึ่งได้อนุญาตให้คุณใช้เนื้อหา การให้อนุญาตควรทำเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น ใช้รูปแบบข้อตกลงการอนุญาตให้ใช้สิทธิ
  • ผู้ถือครองลิขสิทธิ์บางรายอนุญาตให้ผู้อื่นนำผลงานของตนไปใช้ซ้ำได้โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทน แต่จะต้องดำเนินการบางอย่าง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ (Creative Commons License)
  • ในบางกรณี คุณสามารถใช้เนื้อหาจากผลงานที่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์โดยไม่ต้องขออนุญาตจากผู้ถือครองลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นเพราะการใช้งานบางอย่างในผลงานที่มีลิขสิทธิ์ถือว่าเป็น "หลักการใช้ลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม" หรืออาจอยู่ภายใต้ข้อจำกัดหรือข้อยกเว้นของกฎหมายลิขสิทธิ์ เช่น หลักการปฏิบัติที่เป็นธรรม หากไม่แน่ใจว่าการใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่งโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นถูกกฎหมายหรือไม่ โปรดปรึกษาทนายความ

จะเกิดอะไรขึ้นหากฉันระบุว่า "ไม่มีเจตนาละเมิดลิขสิทธิ์"

หากคุณไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ผลงานที่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ ระบบอาจจะยังนำเนื้อหาของคุณออกแม้ว่าจะมีการดำเนินการดังต่อไปนี้ก็ตาม

  • คุณให้เครดิตแก่ผู้ถือครองลิขสิทธิ์

เมื่อมีการอนุญาตให้ใช้ผลงาน ผู้ถือครองลิขสิทธิ์บางรายจะขอให้คุณดำเนินการดังกล่าว ในบางกรณี คุณอาจต้องให้เครดิตแก่ผู้ถือครองลิขสิทธิ์ด้วยเช่นกัน หากวางแผนที่จะใช้ผลงานในลักษณะที่คุณพิจารณาว่าเป็นหลักการใช้ลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรมหรือหลักการปฏิบัติที่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม การให้เครดิตตามข้างต้นไม่ได้เป็นการให้สิทธิแก่คุณโดยปริยายในการใช้เนื้อหานั้นโดยไม่ได้รับอนุญาต

  • คุณซื้อเนื้อหานั้น ซึ่งรวมถึงสำเนาฉบับพิมพ์หรือฉบับดิจิทัล

การเป็นเจ้าของสำเนาหมายความว่าคุณอาจจะขายสำเนาหรือให้สำเนาแก่เพื่อนได้ แต่ไม่ได้เป็นการให้สิทธิแก่คุณในการแชร์เนื้อหานั้นแบบสาธารณะกับทุกคนในอินเทอร์เน็ต

  • คุณไม่ได้รับผลกำไรจากเนื้อหานั้น

แม้จะมีแนวโน้มว่าการใช้งานที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์อาจถือเป็นหลักการใช้ลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรมได้ หรืออาจเป็นไปตามข้อกำหนดของใบอนุญาตบางรายการ แต่การที่ไม่ได้รับผลกำไรเพียงอย่างเดียวไม่ได้หมายความว่าการใช้งานของคุณไม่ได้เป็นการละเมิดเสมอไป

  • คุณเคยเห็นเนื้อหาที่คล้ายกันในที่อื่นๆ บนอินเทอร์เน็ต

ผู้ใช้คนอื่นๆ เหล่านั้นอาจได้รับอนุญาตให้แชร์เนื้อหา หรืออาจกำลังใช้เนื้อหาในลักษณะที่ถือได้ว่าเป็นหลักการใช้ลิขสิทธิ์ที่เป็นธรรม

  • คุณบันทึกเนื้อหาด้วยตนเองจากทีวี โรงภาพยนตร์ หรือวิทยุ

การทำสำเนาของคุณเองจากแหล่งที่มาแหล่งใดแหล่งหนึ่งตามข้างต้นไม่ได้ให้สิทธิแก่คุณในเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

  • คุณคัดลอกเนื้อหาด้วยตนเองจากตำราเรียน โปสเตอร์ภาพยนตร์ หรือรูปถ่าย

เช่นเดียวกับข้อความด้านบน การทำสำเนาของคุณเองไม่ได้ให้สิทธิแก่คุณในเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

  • คุณระบุไว้ว่า "ไม่มีเจตนาละเมิดลิขสิทธิ์"

วิธีนี้ไม่ได้ผลแต่อย่างใด การละเมิดลิขสิทธิ์เป็นการกระทำผิดที่ต้องมี "ความรับผิดโดยเคร่งครัด" ซึ่งหมายความว่าเมื่อศาลตัดสินว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ ศาลจะไม่คำนึงถึงว่าคุณมีเจตนาที่จะละเมิดหรือไม่

Google ระบุการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ได้ไหม

ไม่ได้ Google ไม่สามารถไกล่เกลี่ยข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของสิทธิ เราจะนำเนื้อหาออกตามที่กฎหมายกำหนดหากได้รับการแจ้งเพื่อให้ลบออกที่สมบูรณ์และถูกต้อง เมื่อเราได้รับการยื่นเรื่องโต้แย้งที่ถูกต้อง เราจะส่งเรื่องต่อไปยังบุคคลที่ขอให้นำเนื้อหาออก หากยังมีการโต้แย้งอยู่ ก็จะขึ้นอยู่กับฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่าจะยื่นฟ้องต่อศาลหรือไม่

ลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้าแตกต่างกันอย่างไร รวมถึงสิทธิบัตรด้วย

ลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินทางปัญญารูปแบบหนึ่ง ซึ่งต่างจากเครื่องหมายการค้าที่ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นใช้ชื่อแบรนด์ คำขวัญ โลโก้ และตัวระบุแหล่งที่มาอื่นๆ เพื่อวัตถุประสงค์หนึ่งๆ นอกจากนี้ยังต่างจากกฎหมายสิทธิบัตรที่ให้การคุ้มครองสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ด้วย

ลิขสิทธิ์และความเป็นส่วนตัวแตกต่างกันอย่างไร

การที่ตัวคุณปรากฏในวิดีโอ รูปภาพ หรือเสียงที่บันทึกไว้ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของสิ่งนั้นๆ ตัวอย่างเช่น เพื่อนของคุณถ่ายรูปคุณ เพื่อนจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของรูปที่ถ่าย หากเพื่อนหรือบุคคลอื่นอัปโหลดวิดีโอหรือรูปภาพที่มีตัวคุณปรากฏอยู่ หรือไฟล์บันทึกเสียงของคุณโดยที่คุณไม่อนุญาต และคุณรู้สึกว่าเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวหรือความปลอดภัย คุณอาจต้องการยื่นการร้องเรียนเรื่องความเป็นส่วนตัว

ข้อกำหนดในการแจ้งการละเมิดลิขสิทธิ์

วิธีที่ง่ายที่สุดในการยื่นการร้องเรียนคือการใช้เครื่องมือแก้ปัญหาทางกฎหมาย

การแจ้งเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ต้องมีองค์ประกอบต่อไปนี้ เราจะดำเนินการตามคำขอของคุณไม่ได้หากไม่มีข้อมูลต่อไปนี้

1. ข้อมูลติดต่อของคุณ

คุณจะต้องระบุข้อมูลที่จะช่วยให้เราติดต่อคุณเกี่ยวกับการร้องเรียนได้ เช่น อีเมล ที่อยู่จริง หรือหมายเลขโทรศัพท์

2. รายละเอียดเกี่ยวกับผลงานที่คุณเชื่อว่ามีการละเมิด

โปรดอธิบายถึงเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ที่คุณต้องการให้ได้รับการคุ้มครองอย่างชัดเจนและครบถ้วนในการร้องเรียน หากการร้องเรียนครอบคลุมผลงานที่มีลิขสิทธิ์หลายรายการ กฎหมายอนุญาตให้แสดงเฉพาะรายการที่เป็นตัวแทนของผลงานดังกล่าวได้

3. URL แต่ละรายการที่มีการกล่าวหาว่าละเมิด

ในการร้องเรียนจะต้องระบุ URL ที่เจาะจงของเนื้อหาที่คุณเชื่อว่าละเมิดสิทธิของคุณ มิเช่นนั้นเราจะค้นหาเนื้อหาดังกล่าวไม่พบ ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับตำแหน่งของเนื้อหานั้นไม่เพียงพอ โปรดระบุ URL ของเนื้อหาที่เป็นประเด็น

4. คุณต้องยอมรับและยืนยันข้อความต่อไปนี้ทั้ง 2 ข้อความ

  • "ฉันเชื่อโดยมีเจตนาดีว่าการใช้เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ดังที่อธิบายข้างต้นและกล่าวหาว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์นั้นไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ตัวแทนของเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือกฎหมาย"
  • "ข้อมูลในการแจ้งนี้ถูกต้อง และฉันขอสาบานโดยยินดีรับโทษในกรณีที่แถลงข้อความอันเป็นเท็จว่า ฉันเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หรือได้รับอนุญาตให้กระทำการแทนเจ้าของสิทธิแต่ผู้เดียวซึ่งถูกละเมิดตามที่กล่าวหา"

5. ลายเซ็นของคุณ

การร้องเรียนจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมีลายเซ็นจริงหรือลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ของเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือลายเซ็นของตัวแทนที่ได้รับอนุญาตให้กระทำการในนามของเจ้าของลิขสิทธิ์ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดดังกล่าว คุณจะต้องพิมพ์ชื่อนามสกุลเต็มตามกฎหมายเพื่อใช้เป็นลายเซ็นที่ด้านล่างของการร้องเรียน