ในปัจจุบันต้องบอกเลยครับว่า ในกลุ่ม รถยนต์อเนกประสงค์ ถือเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงมาก เนื่องจากมีทั้ง ความสปอร์ต ความคล่องตัว เครื่องยนต์มีสมรรถนะสูง และที่สำคัญมันสามารถใช้งานได้หลากหลายตอบโจทย์ทุก ๆ ไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดีครับ โดยในกลุ่มรถอเนกประสงค์จะมีแยกออกมาอีก 4 ประเภท ประกอบด้วย SUV, PPV, MPV และเล็กที่สุดก็คือ crossover SUVs อย่างที่เราได้เคยจำแนกไปแล้วในบทความ รถยนต์อเนกประสงค์ PPV ก่อนหน้านี้คระบ ซึ่งในวันนี้มาถึงคราวของ รถครอสโอเวอร์ (crossover SUVs) กันบ้าง ที่เราจะมาเจาะลึกกันครับ
โดย Crossover มาจากคำว่า Crossover Utility Vehicle (CUV หรือ CSUV) ครับ ซึ่งเป็นรถประเภทที่คนหลาย ๆ กลุ่มให้ความสนใจ เนื่องจากมันมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ SUV แต่จะมีมิติตัวรถที่เล็กกะทัดรัดกว่า โดยที่ใช้แพลตฟอร์มร่วมกับ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ซึ่งต่างกับ PPV อย่างพวก Fortuner หรือ Mu-X ที่จะใช้แพลตฟอร์มร่วมกับ รถปิกอัพ และด้วยมิติตัวรถที่เล็กนี่เอง ทำให้รถประเภทนี้มีทั้ง ดีไซน์ที่ดูสปอร์ต, ประหยัดน้ำมัน, มีความคล่องตัว, ภายในสะดวกสบาย, มีพื้นที่เก็บสัมภาระต่าง ๆ และที่สำคัญมีราคาถูกที่สุดในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ จากข้อดีต่าง ๆ เหล่านี้ คุณจะเห็นว่ารถครอสโอเวอร์สามารถตอบโจทย์ชีวิตของคนเมืองได้เป็นอย่างดีครับ จึงไม่แปลกเลยที่รถครอสโอเวอร์จะได้เสียงตอบรับที่ดีจากผู้ใช้หลาย ๆ กลุ่ม
สำหรับในวันนี้ เราขอพาทุกคนไปส่อง รถยนต์อเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ กันครับว่า ในปีนี้มีรถครอสโอเวอร์กี่รุ่น ? รุ่นไหนที่ได้รับความนิยมสูงสุด ? ใส่ฟังก์ชันอะไรที่เด็ด ๆ ให้มาบ้าง ? และแต่ละรุ่นมันมีราคาค่าตัวต่างเท่าไหร่ ? ตามไปดูกันได้เลยครับ
1. NEW MG ZS 1.5L
MG ZS 1.5L มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย พร้อมราคา ดังนี้
รุ่นราคา 1.5L C+689,000 บาท1.5L D+739,000 บาท1.5L X+799,000 บาทหมายเหตุ : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงเรามาเริ่มต้นกันที่ NEW MG ZS รถครอสโอเวอร์ที่มีราคาเริ่มต้นประหยัดที่สุดในตลาด ณ ปัจจุบันครับ ซึ่งแม้จะมีราคาประหยัดที่สุด แต่รูปลักษณ์ภายนอกกลับโดดเด่นไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ เลย โดยมาพร้อมกับความสปอร์ตแบบเรียบหรู ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด “BRIT DYNAMIC สปอร์ตหรู ตามแบบฉบับยนตรกรรมอังกฤษ” รวมไปถึงฟังก์ชัน และระบบอัจฉริยะที่ใส่เข้ามาก็ต้องขอบอกเลยว่า มันคุ้มค่ากับราคามาก ๆ ครับ ตัวรถเพรียบพร้อมในทุกด้าน ทั้ง สมรรถนะเครื่องยนต์ การควบคุมการขับขี่ การดีไซน์ออกแบบ และด้านความปลอดภัย ถือเป็นรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยทั้งหมดทั้งมวลนี้ ส่งผลให้ MG ZS ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
สำหรับ NEW MG ZS โฉมนี้ เพิ่งมีการไมเนอร์เชนจ์ไป ทำให้ในปี 2022 ยังคงดูใหม่อยู่ ดีไซน์ภายนอกมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์มาใหม่ โดยเน้นความสปอร์ตทันสมัย ด้วยกระจังหน้าดีไซน์ตารางหกเหลี่ยม มาในสไตล์สปอร์ต รับกับเส้นสายที่มีเอกลักษณ์ ที่ด้านข้างแบบ British Shoulder Line ไฟหน้า LED Projector Lens เปิด – ปิดอัตโนมัติ ซึ่งมาพร้อมกับไฟ Daytime Running Lights และไฟท้ายแบบ LED ผสานเข้ากันอย่างลงตัว เพิ่มความสปอร์ตพรีเมี่ยม ดูสมาร์ท และโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น พร้อมติดตั้งล้ออัลลอยด์ลายสปอร์ตใหม่ ขนาด 17 นิ้ว ในรุ่น X+ (รุ่นท๊อป) ส่วนรุ่นย่อยอื่น ๆ ใช้ล้ออัลลอยด์ 16 นิ้ว ครับ
ในส่วนของห้องโดยสารมาพร้อมกับการออกแบบที่ผสมผสานความพิถีพิถันเข้ากับความสปอร์ตได้อย่างลงตัว มีการตกแต่งด้วยสีทูโทน วัสดุ Soft Touch มอบสัมผัสที่หรูหรา หน้าจอระบบสัมผัส 10 นิ้ว หน้าปัดเรือนไมล์แสดงผลอัจฉริยะ 7 นิ้ว ซึ่งแสดงผลข้อมูลได้ครบถ้วน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ดีไซน์สปอร์ตท้ายตัด ช่อง USB มีมาให้ถึง 5 ช่อง และ 1 ในนั้น อยู่บริเวณกระจกมองหลังสำหรับติดตั้งกล้องหน้ารถโดยเฉพาะครับ ส่วนระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล ที่มาพร้อมตัวกรองอากาศ PM 2.5 กระจกมองหลังตัดแสง และอื่น ๆ รวมทั้ง ระบบอัจฉริยะและระบบความปลอดภัยอีกมากมาย
โดย NEW MG ZS ได้รับขุมกำลังมาจาก เครื่องยนต์เบนซิน รหัส 15S4C DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH ความจุ 1.5 ลิตร จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดมัลติพอยท์ ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 สปีด สามารถมอบพละกำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ถึงแม้ในด้านสมรรถนะจะไม่ได้โดดเด่นมากนักหากไปเทียบกับรุ่นอื่น ๆ ในคลาส แต่เท่านี้ก็เหลือเฟือแล้วครับ สำหรับการใช้งานในเมืองทั่ว ๆ ไป บวกด้วยฟังก์ชันที่ให้มา MG ZS ถือเป็นรถที่มีความคุ้มค่าคุ้มราคามาก ๆ
2. New Mazda CX-3
Mazda CX-3 มีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย พร้อมราคา ดังนี้
รุ่นราคาBASE769,000 บาทBASE PLUS809,000 บาทCOMFORT879,000 บาทหมายเหตุ : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงสำหรับเจ้า New Mazda CX-3 รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ราคาสุดคุ้มค่า ที่แม้รุ่นนี้จะมีการเปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2015 พร้อมได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2016 ในปี 2022 นี้ ทางมาสด้าได้เปิดตัว New Mazda CX-3 ใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงโดยเพิ่มสีใหม่ อย่าง แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz) เข้ามา และใส่ออฟชั่นแบบอัดแน่นเต็มคันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น แต่ยังคงมีราคาเริ่มต้น เพียง 7 แสนกว่า เท่าเดิมครับ เพื่อให้มันคุ้มค่าและตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนเมืองได้มากขึ้น
โดดเด่นด้วยดีไซน์การออกแบบสไตล์สปอร์ตพรีเมี่ยมทั้ง ภายนอก และภายใน พร้อมมีสมรรถนะเครื่องยนต์ที่เหนือชั้น ช่วยมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม นอกจากนั้นยังมี Mazda connect ที่จะทำให้คุณไม่พลาดทุกการเชื่อมต่อแบบไร้สาย และมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense ที่จะช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจได้ในทุกเส้นทาง
ดีไซน์ภายนอกยังคงความเป็นรถสปอร์ต ดูเรียบหรูและพรีเมี่ยม ตามการออกแบบจากแนวคิด Kodo: Soul of Motion ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” ที่เน้นเส้นสายแบบเรียบง่ายแต่ดูลงตัว โฉบเฉี่ยวในทุกมุมมอง ด้วยกระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ ใช้ไฟหน้า Projector Lens เปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมมีไฟ Daytime Running Lights และไฟท้าย LED ส่วนกระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยว ปรับและพับด้วยไฟฟ้า เสาภายนอกมีการตกแต่งโดยใช้สีดำเงา กันชนหน้าและสเกิร์ตข้างตกแต่งด้วยโครเมียม และได้เพิ่มความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์ และท่อไอเสียคู่ปลายแบบโครเมียม พร้อมกับล้ออัลลอยด์ลายสปอร์ตใหม่ ขนาด 16 นิ้ว ในรุ่น BASE และ BASE PLUS ส่วนรุ่นท๊อปติดตั้งล้ออัลลอยด์ 18 นิ้ว พร้อมเสริมความหรูหราด้วยหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้าครับ
ใช้ด้านของสมรรถนะ CX-3 2022 ใช้เครื่องยนต์เหมือนกันหมดทุกรุ่นย่อย นั้นก็คือ เครื่องยนต์ เบนซิน Skyactiv-G 2.0 DOCH แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว จ่ายเชื้อเพลิงด้วย ระบบอิเล็กทรอนิกส์ไดเรกอินเจ็คชั่น ทำพละกำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 204 นิวตันเมตร ที่ 2,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ Skayactive-Drive 6 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด ให้คุณขับสนุกทุกเส้นทาง
3. Nissan Kicks e-POWER
Nissan Kicks e-POWER มีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย พร้อมราคา ดังนี้
รุ่นราคาe-POWER S889,000 บาทe-POWER E949,000 บาทe-POWER V999,000 บาทe-POWER VL1,049,000 บาทหมายเหตุ : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงมาต่อกันที่ Nissan Kicks e-POWER รถครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ ที่เป็นหนึ่งเดียวในโลก ณ ปัจจุบัน ซึ่งแตกต่างไปจากค่ายอื่น ๆ โดยรุ่นนี้เป็นรถ EV 100% แต่จะไม่เหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปซะทีเดียวครับ ซึ่ง นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ถูกออกแบบและพัฒนามา เพื่อให้ผู้ที่อยากจะใช้งานรถไฟฟ้า แต่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ ทั้งในเรื่อง ราคา ระยะทาง รวมไปถึงสถานีชาร์จ เพราะรุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ e-POWER ที่มีทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปทำงานร่วมกัน โดยเครื่องยนต์จะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมาปั่นกระแสไฟฟ้า แทนการขับเคลื่อน เพื่อส่งพลังงานไฟฟ้าไปเก็บยังแบตเตอรี่ จากนั้นจึงนำพลังงานไฟฟ้ามาจ่ายให้มอเตอร์ เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนนั่งเองครับ ฉะนั้นเราจึงสามารถพูดได้ว่า นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100%
ด้านรูปร่างหน้าตาของเจ้า Nissan Kicks e-POWER ใหม่นี้ มาพร้อมกับสีทูโทนที่ให้ความสปอร์ต ดูโฉบเฉี่ยว เร้าใจในทุกมุมมอง มีรูปลักษณ์โดดเด่นกว่าใคร ด้วยดีไซน์สุดพรีเมียม เริ่มจากกระจังหน้าแบบ V-Motion สีดำเงา ตกแต่งด้วยขอบโครเมียมที่ดูล้ำสมัยและถือเป็นเอกลักษณ์ของนิสสัน ไฟหน้าดีไซน์โฉบเฉี่ยวแบบ Full LED พร้อมไฟ LED Daytime Running light ส่องสว่างเวลากลางวัน เสริมด้วยระบบ Follow Me Home ไฟท้าย LED Signature light และเบรกแบบ LED ที่ออกแบบมาสอดรับกับเส้นสายรอบตัวรถได้อย่างลงตัว กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว พร้อมทั้งยังมีการตกแต่ง ด้วยราวหลังคา และสปอยเลอร์หลัง ช่วยเพิ่มมิติให้กับตัวรถทำให้ดูลงตัวมากยิ่งขึ้น ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอย 17 นิ้ว เพิ่มความสปอร์ต
ส่วนของห้องโดยสาร ถูกดีไซน์มาให้ตอบรับทุก ๆ ไลฟ์ไตล์ครับ ภายในตกแต่งด้วยหนังสังเคราะห์เดินตะเข็บด้าย ผสานกับการตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน และวัสดุสีดำเปียโน แบล็ค ทำให้ดูพรีเมี่ยมมีระดับมากขึ้น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน แบบท้ายตัด เพิ่มความสปอร์ต การขับขี่แบบคันเร่งเดียว One-Pedal ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V และช่อง USB 2 ตำแหน่ง ในส่วนในด้านความบันเทิงต่าง ๆ ก็มาพร้อมกับ Nissan Connect หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับทุกการเชื่อมต่อ ส่วนของระบบความปลอดภัยมาตรฐานก็มีมาให้ครบครันครับ รวมไปถึงระบบความปลอดภัยอัจฉริยะอย่าง Nissan Intelligent Mobility (NIM) – Intelligent Safety ด้วย ให้คุณขับขี่ด้วยความมั่นใจ
- เครื่องยนต์ (สำหรับการสร้างกระแสไฟฟ้า) : ใช้เครื่องยนต์เบนซิน รหัส HR12DE ความจุ 1,198 ซีซี. 3 สูบ แถวเรียง DOHC 12 วาล์ว CVTC จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์มัลติพอยท์ (ECCS) มีแรงม้าสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ทำแรงบิดสูงสุด 103 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 – 5,200 รอบต่อนาที โดยมีความจุถังเชื้อเพลิง 41 ลิตร
- มอเตอร์ (สำหรับขับเคลื่อน) : มอเตอร์ไฟฟ้า รหัส EM57 ให้พละกำลังสูงสุด 129 แรงม้า ที่ 4,000-8,992 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ที่ 500-3,008 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วย เกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction
4. All New Honda HR-V e-HEV
รุ่นราคาE979,000 บาทEL1,079,000 บาทRS1,179,000 บาทหมายเหตุ : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงมากันที่ค่ายยักษ์ใหญ่อย่างฮอนด้ากันบ้างครับ สำหรับ Honda HR-V e-HEV รถสปอร์ตครอสโอเวอร์ระดับพรีเมียมที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำของรถคอมแพ็กครอสโอเวอร์ สำหรับโฉมนี้เป็นเจเนอเรชันที่ 2 แล้ว ซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่หมด โดยออกแบบภายใต้แนวคิด “Everyday AMP Up partner” ที่จะเน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง ใส่ความเป็นผู้ใหญ่ลงไปมากขึ้น ตกแต่งด้วยเส้นสายต่าง ๆ ทำให้ตัวรถดูสปอร์ตแบบเรียบหรูและพรีเมี่ยม ตอบรับทุกไลฟ์ไตล์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แถมยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ตอบโจทย์การใช้งานอเนกประสงค์
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของ All New Honda HR-V e-HEV มีการปรับเปลี่ยนแทบทุกจุดครับ ที่จากเจนฯ ก่อนหน้านี้จะเน้นความโค้งมน ดูวัยรุ่น ๆ ปรับเปลี่ยนมาใช้เส้นสายที่ดูเฉียบคมมากขึ้น ไปในทิศทางเดียวกันกับรุ่นอื่น ๆ ในค่าย เช่น City, Civic และ โฉมใหม่ ทำให้มันดูเรียบหรู เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น โดยมาพร้อมกับ กระจังหน้าโครเมียมดีไซน์สปอร์ต พร้อมเส้นสาย AMP Up ทำให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ไฟหน้าและไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED เต็มระบบ พร้อมระบบเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ส่วนไฟท้าย LED Light Strip ลากยาวเชื่อมต่อกันทั้งสองฝั่ง กระจกข้างไฟเลี้ยวในตัว แบบปรับไฟฟ้า พร้อมพับเก็บอัตโนมัติ พร้อมตกแต่งด้วยสปอยเลอร์หลัง กันชนรอบคัน คิ้วฝากระโปรงท้าย ติดตั้งล้อแม็กซ์ลายใหม่ 18 นิ้ว ในรุ่น RS (รุ่นท็อป) ส่วนรุ่นอื่น ๆ ติดตั้งล้อแม็กซ์ ขนาด 17 นิ้ว มาให้ครับ
ในส่วนของภายในห้องโดยสารของ All New Honda HR-V e-HEV มีการออกแบบโดยมุ่งเน้นไปที่พื้นที่ที่กว้างขวางและให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางครับ ด้วยการจัดวางเลย์เอาต์ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน มีการตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ หุ้มด้วยหนังแท้และหนังสังเคราะห์ ผสมด้วยวัสดุตกแต่งคอนโซลแบบ โครเมียม และวัสดุสีดำเปียโน แบล็ค หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมกับระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ส่วนด้านความบันเทิงติดตั้งเครื่องเสียง พร้อมจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ควบคุมการทำงานได้ง่าย ๆ ด้วยพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน
ซึ่งถึงแม้ออฟชั่นภายในของรุ่นเริ่มต้น และรุ่นท็อปจะแตกต่างกันมาก แต่ระบบความปลอดภัยต่าง ๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING ทางฮอนด้า จัดเต็มมาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นเลย โดยฟีเจอร์เดียวที่รุ่นเริ่มต้นไม่มี ก็คือ ระบบเตือนมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน เท่านั้น
- เครื่องยนต์เบนซิน ความจุ 1,498 ซีซี 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC i-VTEC จ่ายน้ำมันเชื่อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดมัลติพอยท์ PGM-FI จับคู่ระบบเกียร์ E-CVT ทำแรงม้าได้สูงสุด 78 แรงม้า ที่ 6,000-6,400 รอบต่อนาที ทำแรงบิดสูงสุด 127 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500-5,000 รอบต่อนาที
- มอเตอร์ไฟฟ้า ทำแรงม้าได้สูงสุด 96 แรงม้า ที่ 4,000-8,000 รอบต่อนาที ทำแรงบิดสูงสุด 153 นิวตัน-เมตร ที่ 0-3,500 รอบต่อนาที พ่วงกับแบตเตอรี่ชนิด ลิเธียม-ไอออน
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : รีวิว All New Honda HR-V e-HEV รุ่น RS
5. Toyota C-HR HEV Premium Safety และ GR Sport
Toyota C-HR มีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย พร้อมราคา ดังนี้
รุ่นราคาHEV Premium Safety1,139,000 บาทHEV GR Sport1,189,000 บาทหมายเหตุ : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงมากันที่ โตโยต้า ค่ายยักษ์ใหญ่อีกหนึ่งค่ายกันบ้างครับ กับ Toyota C-HR รถยนต์ซับคอมแพค เอสยูวี ที่มีการปรับปรุงใหม่ มาพร้อมกับดีไซน์การออกแบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ถือเป็นยนตรกรรมแห่งอนาคต ตามแนวคิด Ever-better Cars โดยดีไซน์ของตัวรถได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของเพชร ที่มีความเป็นเหลี่ยม มีเส้นสายที่เฉียบคม รับกันทุกส่วน มิติตัวรถกะทัดรัด ให้ความคล่องตัว ทำให้ C-HR มีรูปลักษณ์ดูสปอร์ตเฉียบคม เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ นอกจากนี้ทางโตโยต้า ได้เอา 4 นวัตกรรมใหม่มาใส่เอาไว้ใน C-HR ด้วย เป็นรุ่นเดียวที่มีครบทั้ง ระบบไฮบริจด์เจนฯ 4, โครงสร้างยานยนต์ TNGA, มาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก Toyota Safety Sense และระบบการเชื่อมต่อ Toyota T-connect telematics โดยในปี 2022 นี้ ทางโตโยต้าได้ปรับรุ่นย่อยของ C-HR เดิม ให้เหลือรุ่นเดียวเท่านั้น และเสริมทัพด้วยรุ่นตกแต่งพิเศษตามสไตล์ GR Series ครับ
สำหรับการออกแบบภายนอก Toyota C-HR มาพร้อมกับความสปอร์ตที่ดูล้ำสมัย ด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED พร้อมกับไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential (ไฟวิ่ง) และไฟท้าย Full LED โดยตัวโคมไฟทั้งหน้าและหลัง ได้รับการดีไซน์ให้รับกันกับเส้นสายด้านข้างตัวรถ มีสปอยเลอร์หลัง พร้อมมีไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED เพิ่มความสปอร์ตและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ตกแต่งรอบคันด้วยโครเมี่ยมและวัสดุสีดำเปียโนแบล็ค ช่วยให้ตัวรถดูมีมิติมากยิ่งขึ้น และที่เปิดประตูผู้โดยสารถูกวางในตำแหน่งที่เหมาะสม กลืนไปกับตัวรถ ทำให้ดูเป็นรถ 2 ประตู เพิ่มความสปอร์ตให้มากขึ้น โดยรุ่น HEV Premium safety จะเป็นสไตล์สปอร์ตแบบเรียบง่าย ส่วนในรุ่น HEV GR Sport เป็นรุ่นที่ได้รับการตกแต่งพิเศษ ซึ่งจะใส่ DNA ของนักแข่งลงไปด้วย ช่วยเติมเต็มความรู้สึกสนุกสนานในการขับขี่ (Fun to drive) ครับ
สำหรับภายในห้องโดยสารก็ได้รับการดีไซน์ออกแบบมาให้ดูล้ำสมัยเช่นเดียวกับภายนอกของตัวรถ โดยดีไซน์ภายในจะตกแต่งด้วยสีดำ Total Look ให้อารมณ์สปอร์ตเข้ม เบาะนั่งคู่หน้าที่มีทรงสปอร์ต พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน คอนโซล ตกแต่งด้วยหนังและวัสดุสังเคราะห์ ผสานกันอย่างลงตัวกับวัสดุโครเมียม ซึ่งในรุ่น GR Sport จะมาพร้อมกับสัญลักษณ์ GR เพิ่มลุคความสปอร์ตไปอีกขั้น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้ายขวา พร้อมระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร nanoe ช่วยขจัดกลิ่นต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี หน้าปัดเรือนไมล์แสดงผลข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว แสดงผลครบถ้วน คมชัด พร้อมโหมดการขับขี่ 3 แบบคือ EV, Sport และ Eco ให้คุณขับสนุกได้ตามต้องการ ส่วนระบบเครื่องเสียง ติดตั้งหน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และระบบเชื่อมต่อ T-Connect ให้คุณเชื่อมต่อได้หลากหลาย พร้อมช่วยให้คุณสะดวกสบายทุก ๆ การเดินทาง ส่วนระบบความปลอดภัยมาพร้อม Toyota Safety Sense มาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก
6. New Mazda CX-30
New Mazda CX-30 มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย พร้อมราคา ดังนี้
รุ่นราคา2.0 C989,000 บาท2.0 S1,099,000 บาท2.0 SP1,119,000 บาทหมายเหตุ : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงมาต่อกันที่รถยนต์ที่มาพร้อมดีไซน์สุดหรู ดูมีระดับ อย่าง New Mazda CX-30 ยนตรกรรมครอสโอเวอร์เอสยูวีที่เติมเต็มให้ชีวิตคุณพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ พิถีพิถันในทุกรายละเอียด ดุจดั่งงานศิลปะ ภายใต้แนวคิด ที่เน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม แต่ยังคงเต็มเปี่ยมด้วยความสปอร์ต ปราดเปรียว ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Less is More ทั้งดีไซน์ภายนอก สู่ห้องโดยสารภายใน มั่นใจในทุกเส้นทางที่คุณเดินทาง ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย ที่มีการพัฒนาไปอีกขั้น พร้อมสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมที่จะตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้งานในทุกมิติของชีวิตในแบบของคุณ โดยในรุ่นปรับปรุงในปี 2022 นี้ต้องบอกเลยครับว่า มันคุ้มค่าตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นเลย เพราะได้มีการใส่เทคโนโลยี ฟีเจอร์ต่าง ๆ พร้อมกับวัสดุตกแต่ง ทั้ง ภายนอก และภายใน ที่แทบจะเหมือนกันทั้ง 3 รุ่นย่อย โดยรุ่นเริ่มต้นจะไปตัดในส่วนของระบบความปลอดภัยที่ไม่จำเป็นออกไปแทนครับ
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของ New Mazda CX-30 ได้รับการออกแบบ ภายใต้แนวคิด Kodo: Soul of Motion ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับการออกแบบเพื่อทำให้ยนตรกรรมมีชีวิต โดยการลดทอนรายละเอียดต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นลง แต่ยังคงไว้ซึ่งความเรียบหรู มีระดับ และดูสปอร์ตไปพร้อม ๆ กัน ด้วยกระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ ตกแต่งด้วยสีเปียโนแบล็ค และโครมเมียม ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED คู่กับไฟ Daytime Running Light แบบ LED Signature พร้อมระบบปรับไฟสูงต่ำและเปิดปิดไฟอัตโนมัติ กระจกมองข้างไฟเลี่ยวในตัว ปรับและพับไฟฟ้า กระจกหน้าต่างขึ้นลงอัตโนมัติทั้ง 4 บาน และใช้ไฟท้าย LED Signature โดยได้ออกแบบโคมไฟทั้งหมดเป็นแนวเรียวยาว ทำให้ดูเฉียบคมยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยีงมีสปอยเลอร์หลัง ใช้ปลายท่อโครเมียมคู่ พร้อมติดตั้งล้ออัลลอยด์ลายสปอร์ต ขนาด 16 นิ้ว ในรุ่น 2.0 C (รุ่นเริ่มต้น) ส่วนรุ่นย่อยอื่น ๆ ใช้ล้ออัลลอยด์ 18 นิ้ว
ต้องบอกเลยว่า ภายในห้องโดยสารของ New Mazda CX-30 ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันครับ การจัดวางตำแหน่งต่าง ๆ เต็มเปี่ยม ด้วยความหรู ความพรีเมี่ยม ดูมีระดับในทุกมิติ ทุกองค์ประกอบ ช่วยเพิ่มสไตล์ให้กับความเรียบง่าย แต่ยังคงไว้ซึ่งอารมณ์ของความสปอร์ต โดยส่วนต่าง ๆ หุ้มด้วยหนัง ผสานกับการตกแต่งด้วยโครเมียมอย่างลงตัว เบาะคู่หน้า มีดีไซน์สปอร์ต หุ้มด้วยหนัง พร้อมปรับไฟฟ้า โดยฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ส่วนฝั่งผู้ขับปรับไฟฟ้าได้ถึง 10 ทิศทาง พร้อมเมมโมรี่ 2 ตำแหน่ง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระ พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง หน้าปัดเรือนไมล์ แบบกึ่งดิจิตอลแบบสี TFT พร้อมมีหน้าจอแสดงข้อมูลบนกระจกบังลมหน้า หน้าจอ Center Display 8.8 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุม Center Commander รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto และอื่น ๆ อีกมากมายครับ ในส่วนระบบความปลอดภัย ให้มาครบครัน ช่วยให้คุณมั่นใจในทุกการขับขี่ และสะดวกสบายในทุก ๆ เส้นทาง
ส่วนขุมพละของ New Mazda CX-30 มาพร้อมเครื่องยนต์ตัวเดียว คือ เครื่องยนต์ Skyactiv-G เบนซิน 2.0 ลิตร DOHC 4 สูบ แถวเรียง Dual S-VT electronic direct injection ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactiv มอบพละกำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
7. Toyota Corolla Cross
Toyota Corolla Cross มีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย พร้อมราคา ดังนี้
รุ่นราคา1.8 Sport989,000 บาทHEV Smart1,019,000 บาทHEV Premium1,089,000 บาทHEV Premium Safety1,199,000 บาทหมายเหตุ : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงมากันที่ Toyota Corolla Cross โฉมใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาเมื่อไม่นานมานี้ มาพร้อมดีไซน์การออกแบบ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A New Outstanding Journey ให้ชีวิตเดินทาง..อย่างโดดเด่นกับดีไซน์เหนือระดับ” รูปลักษณ์ภายนอกที่มีเอกลักษณ์ โดดเด่น ดูพรีเมี่ยม แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความบึกบึน ดูแข็งแกร่ง เพิ่มความมีระดับ ด้วยหลังคามูนรูฟแบบไฟฟ้า ไฟหน้า LED Projector แบบ Hybrid พร้อมด้วย LED Daytime Running Lights และไฟท้ายก็เป็น LED ทำให้ดูสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้นครับ
- รหัส 2ZR-FBE : เครื่องยนต์ ความจุ 1.8 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI มอบพละกำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT-i แบบ 7 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock โดยใช้อยู่ใน รุ่น 1.8 Sport (รุ่นเริ่มต้น) เท่านั้น
- รหัส 2ZR-FXE : เครื่องยนต์ไฮบริจด์ ความจุ 1.8 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI มอบกำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที ทำงานคู่กับระบบมอเตอร์ซิงโครนัส แม่เหล็กถาวร มอบกำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 163 นิวตัน-เมตร เมื่อรวมกันจะมีกำลังสูงสุดที่ 122 แรงม้า แบตเตอรี่แบบนิกเกิลเมทัลไฮดราย ส่งกำลังด้วย ระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Shift Lock
8. The All New Peugeot 2008 SUV
All New Peugeot 2008 SUV มีเพียงรุ่นย่อยเดียวเท่านั้น ดังนี้
รุ่นราคาNEW 2008 SUV1,249,000 บาทหมายเหตุ : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงเรามาต่อกันที่รถ Crossover SUV รุ่นใหม่อย่างเจ้า All New Peugeot 2008 SUV จากแบรนด์ สัญชาติฝรั่งเศส ที่ก่อนหน้านี้ ได้มีการเปิดตัว 3008 SUV และ 5008 7-Seat SUV รถเอสยูวีรุ่นใหญ่ออกมาทำตลาดอย่างเป็นทางการ ซึ่งได้เสียงตอบรับที่ดีมาก Peugeot ไม่รอช้า เตรียมจัด Peugeot 2008 วางจำหน่ายแบบต่อเนื่อง โดย all new Peugeot 2008 SUV เป็นรถยนต์ในกลุ่ม Crossover SUV ที่ได้เปิดตัวออกมาให้ยลโฉมกันในตลาดโลก ไปตั้งแต่ปี 2019 ที่ผ่านมา และเมื่อปลายปี 2021 ภายในงาน Motor Expo 2021 ทางเปอโยต์ได้ประกาศวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งเราต้องขอบอกเลยว่า ตลาด Crossover ในบ้านเรา จะต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอนครับ ด้วยสไตล์ที่โดดเด่น ทั้ง ภายนอก และภายใน
All New Peugeot 2008 SUV รถยนต์คอมแพคเอสยูวี ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์การออกแบบอันล้ำสมัย ทั้ง ภายนอก และภายใน มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวสูงมาก กระจังหน้าลาดไปสู่โคมไฟคู่หน้า ซึ่งเป็นไฟหน้า LED ออกแบบเป็น 3 แถบ ในสไตล์ กรงเล็บของราชสีห์ พร้อมเทคโนโลยีไฟส่องสว่างเต็มรูปแบบ ส่วนไฟท้ายแบบ LED 3 แถบเช่นกัน สอดรับกับด้านหน้า พร้อมกับครอบด้วยกรอบไฟท้ายสีดําที่ลากยาวเชื่อมต่อกัน เป็นการออกแบบที่แตกต่าง และทำให้มันดูโดดเด่นขึ้น กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า และเพิ่มความสปอร์ต ด้วยปลายท่อไอเสียโครเมียม 2 ข้าง สำหรับ Peugeot ต้องยอมรับเลยว่า ดีไซน์มาแตกต่างจากรถค่ายอื่น ๆ มาก ๆ ครับ และโดยเฉพาะภายในที่ทำออกมาได้หรูมาก ๆ เหมือนได้นั่งอยู่บนรถสปอร์ตยังไงอย่างงั้นเลย
โดยภายในห้องโดยสารของ All New Peugeot 2008 SUV มาพร้อมกับความล้ำสมัย ด้วยดีไซน์ที่ดูสปอร์ตหรูหรา พร้อมกับมีการตกแต่งอย่างลงตัว โดยใช้วัสดุสีดํา เดินตะเข็บด้าย ผสานกับการตกแต่งด้วยลายคาร์บอน เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตโอบรับสรีระ หุ้มหนัง เพิ่มอารมณ์สปอร์ตมากขึ้น ชุดหน้าปัดเทคโนโลยี i-Cockpit ที่แสดงข้อมูล โดยการฉายภาพเสมือนโฮโลแกรม แบบ 3 มิติ ขนาด 10 นิ้ว และระบบอินโฟเทนเมนท์ หน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงตรงกลางคอนโซล ขนาด 7 นิ้ว มาพร้อมปุ่มกดสไตล์เปียโนแบล๊คที่ดูหรูหรา 7 ปุ่ม ให้การควบคุม ที่ทำได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดาย นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบเสียงเป็นชุดลําโพง 6 ตำแหน่ง รอบคัน พร้อมระบบไฟส่องสว่างรอบข้างสีฟ้า (Ice Blue) บนแผงประตู
ในด้านสมรรถนะของ All New Peugeot 2008 มาพร้อมกับ เครื่องยนต์ เบนซิน ความจุ 1.2 ลิตร 1,199 ซีซี. 3 สูบ PureTech พ่วงด้วยเทอร์โบ ทำงานคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า มอบกำลังสูงสุด 129 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ทำแรงบิดสูงสุด 230 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750 รอบต่อนาที
9. NEW MG ZS EV
รุ่นราคาราคาหลังหักส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมของภาครัฐ 240,000 บาทMG ZS EV D1,189,000 บาท949,000 บาทMG ZS EV X1,269,000 บาท1,023,000 บาทหมายเหตุ : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากการมาของ ORA Good Cat รถยนต์ไฟฟ้าสุดน่ารัก ราคาประหยัด ที่ได้เสียงตอบรับดีมาก ๆ ส่งผลให้ทาง MG อยู่เฉยไม่ได้ครับ จึงได้เปิดตัว New MG ZS EV โฉมไมเนอร์เชนจ์ใหม่ออกมาต่อสู้ ซึ่งเป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้า 100% ในงบ 1 ล้านหน่อย ๆ โดยโฉมนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ ใส่ขุมพลังใหม่ และอัดแน่นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น ภายใต้ คอนเซ็ปต์ “Truly Easy” ง่ายทุกประสบการณ์ EV ขับเคลื่อนชีวิตดี ๆ ไปกับ New MG ZS EV พร้อมกับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (MG EV Ecosystem) ที่มีจุดชาร์จ MG Super Charge ครอบคลุมทุกพื้นที่ให้คุณสามารถเดินทางทั่วประเทศได้อย่างไร้กังวล
ส่วนภายในห้องโดยสารมีการปรับปรุงดีไซน์ของคอนโซลหน้ามาใหม่ครับ โดยภายในมีการตกแต่งด้วยวัสดุซอฟทัช มอบสัมผัสที่พรีเมี่ยม ในโทนสีดำ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังอย่างดี นั่งสบาย ติดตั้งจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว ที่แสดงผลข้อมูลได้อย่างครบถ้วน มีกระจกมองหลังตัดแสง ถ่ายเทอากาศภายใน ด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่ทำงานคู่กับกรองอากาศ PM 2.5 พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ในส่วนของระบบอินโฟเทนเมนท์ต่าง ๆ มาพร้อมกับจอสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 10 นิ้ว ที่สามารถรองรับ Apple CarPlay และระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดียอื่น ๆ ได้หลากหลาย และที่ขาดไม่ได้ สำหรับ MG นั่นก็คือระบบอัจฉริยะ i-SMART ที่จะช่วยให้คุณเชื่อมต่อเข้ากับรถได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ในด้านระบบความปลอดภัย New MG ZS EV ใหม่นี้ มาพร้อมกับระบบ Advanced Synchronized Protection System และระบบความปลอดภัยมาตรฐานแบบล้นคัน
ในด้านสมรรถนะ NEW MG ZS EV ได้รับขุมพลังจาก มอเตอร์ซิงโครนัส แม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet Synchronous Motor) ให้กำลังสูงสุดถึง 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ซึ่งมาพร้อมความจุแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น โดยมีความจุอยู่ที่ 50.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ช่วยให้มันสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด (NEDC Mode) ถึง 403 กิโลเมตรต่อแบตฯ เต็มหนึ่งครั้ง เลยทีเดียวครับ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ V2L (Vehicle to Load) สำหรับจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ด้วย
บทส่งท้าย
ปัจจุบันตลาดของรถครอสโอเวอร์มีการแข่งขันกันสูงมาก จากทั้งหมดคุณจะเห็นว่า แต่ละค่าย ต่างก็งัดไม้เด็ด ออกมาต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทั้งค่ายใหญ่ ค่ายเล็ก มีการส่งรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ตามออกมาเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนครับ มันเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภคอย่างเรามาก เพราะการที่ตลาดมีการเติบโตขึ้น มันทำให้การแข่งขันสูงขึ้นทั้ง ด้านราคา ด้านออฟชัน โปรโมชัน และอื่น ๆ ซึ่งจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับค่ายนั้น ๆ เช่นเดียวกับตลาดของรถยนต์ประเภทอื่น ๆ อาทิเช่น รถอีโค่คาร์, รถกระบะ 4 ประตู, รถครอบครัว 7 ที่นั่ง หรือแม้แต่รถยนต์ไฟฟ้า ที่ตอนนี้ก็เริ่มมีการแข่งขันกันมากขึ้นแล้ว
สุดท้ายนี้หากใครที่ตัดสินใจจะออกรถใหม่ไม่ว่าจะเป็น รถมอไซค์ทั่วไป, รถมอไซค์ออโต ฯ, รถมอไซค์ 150 ซีซี, บิ๊กไบค์, ซุปเปอร์ไบค์ หรือรถยนต์ ประเภทไหนก็แล้วแต่ ก็อย่าลืมหมั่นล้างทำความสะอาดด้วย ผ้าไมโคร, น้ำยาล้างรถ และ แว็กเคลือบสี รวมไปถึงการนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อเช็คระยะ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องกันด้วยนะครับ เพื่อให้รถของคุณดูใหม่เอี่ยมอยู่ตลอด เครืองฟิตสตาร์ทติดง่าย และเป็นการป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตครับ