Show สอบสัมภาษณ์ครูผู้ช่วย จะอยู่ในส่วนสุดท้ายของการสอบครูผู้ช่วย คืออยู่ใน ภาค ค เพราะฉะนั้นเมื่อเรามาถึงจุดนี้แล้ว เราต้องทำให้เต็มที่ สอบสัมภาษณ์ครูผู้ช่วย ต้องมีแผ่นพับนำเสนอ ประกอบกับทักษะการพูดและบุคลิกภาพ ดังนั้นเรามาดูกันว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง
ทำไมถึงอยากเป็นครู? เนื่องจากอาชีพครูมีความสูงส่งและสำคัญมาก ดังนั้นการที่จะคัดเลือกใครสักคนเข้ามาเป็นบุคคลสำคัญนี้ จำเป็นต้องสัมภาษณ์อย่างรอบคอบเสียก่อน ถ้าหากมีคนถามคุณว่า “ทำไมถึงอยากเป็นครู” คุณจะตอบคนๆนั้นว่าอย่างไร? และ… ทำไมถึงอยากเป็นครู?? คำถามนี้ได้ยินบ่อยมากค่ะจากเพื่อนๆร่วมชั้นเรียนที่เคยเรียนด้วยกันมา ครูมิมเรียนคณะวิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม) โดยสายงานแล้วไม่เกี่ยวข้องกับอาชีพครูเลย เพื่อนๆ ร่วมรุ่นจึงไม่มีใครเป็นครู มีเพียงครูมิมเท่านั้นที่อยากเป็นครู ถามว่าทำไมถึงอยากเป็นครู ? ในช่วงเวลาหนึ่งของการทำงานในอดีต ได้รวมกลุ่มกับเพื่อน รับบริจาคเสื้อผ้า อาหาร ของใช้จำเป็นและทุนการศึกษาไปเยี่ยมน้องๆ โรงเรียนบ้านก้อ จ.น่าน ทำให้ได้เห็นชีวิตของเด็กนักเรียนที่ขาดแคลน แล้วทำให้นึกถึงสมัยที่เราป็นเด็ก นึกถึงครูที่เคยสอนเรามา โดยเฉพาะคุณครูที่เรารู้สึกประทับใจ เราก็ยังจำท่านได้มาโดยตลอด ถ้าเราเป็นครูแล้วมีนักเรียนจำเราได้แม้เวลาจะผ่านไป มันคงจะมีความสุขมากๆ และเป็นรางวัลแห่งชีวิตเลยที่เดียว ว่าไหมค่ะ ตั้งแต่นั้นมา ก็เลยอยากเป็นครู และก็ตั้งใจว่าจะเป็นครูที่ดีให้ได้… และ… ทำไมถึงอยากเป็นครู? ครูเป็นเหมือนพ่อ แม่ คนที่สอง ของ นักเรียน คอยอมรมสั่ง จนนักเรียนประสบณ์ความสำเร็จ และครูก็เป็นคนที่ให้ความรู้แก่นักเรียนทำให้เขารู้ในสิ่งที่เขาไม่รู้และครูเปรียบเสมือนเทียนหนึ่งเล่มที่จุดให้แสงสว่างแก่ คนที่ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต และนำคำสั่งสอนที่ครูค่อยพร่ำสอนนั้นไปใช้ในชีวิคประจำวัน คนที่คิดว่าการที่จะมาประกอบ กิจการงานวิชาชีพครูนั้นมันเหนื่อยแสนสุดทน ก็ไม่สมควรจะไปทำงานอื่นได้อีก อ้างอิงที่มา https://www.gotoknow.org/posts/209915 คำถาม สอบสัมภาษณ์ครูผู้ช่วย ภาค ค คลิกให้คะแนนโพสต์นี้! [รวม: 1 เฉลี่ย: % เฉลี่ย%] ชวนผู้ก่อตั้งอนุบาลบ้านรักถอดองค์ความรู้เพื่อเป็นแม่ครูของเด็กวัยอนุบาลครูปฐมวัยคือ ‘แม่ครู’ อนุบาลนับเป็นก้าวแรกอย่างแท้จริงของเด็กๆ ในรั้วสถานศึกษาซึ่งจะกลายเป็นบ้านหลังที่ 2 ครูอนุบาลจึงไม่ใช่เพียงผู้สอนสั่งหน้าชั้น แต่เปรียบเสมือน ‘แม่ครู’ ผู้เป็นแม่ที่โอบกอดและ ตระเตรียมเด็กให้พร้อมเข้าสู่โลกการศึกษาเต็มตัว เพราะสำคัญขนาดนี้ เราจึงชวนครูอุ้ย-อภิสิรี จรัลชวนะเพท ผู้ก่อตั้งอนุบาลบ้านรัก มาพูดคุยถึงสิ่งที่ครูอนุบาลควรรู้เพื่อเป็นแม่ครูของเด็กปฐมวัย แม่ครูที่ช่วยฟูมฟักเด็กตัวน้อยให้เติบโตงดงาม ครูคือ ‘แม่’
ครูอุ้ยบอกเราว่า ครูอนุบาลเปรียบเหมือนแม่ที่ช่วยโอบอุ้มเด็กอนุบาลก่อนส่งพวกเขาเข้าชั้นประถม คุณครูในระดับชั้นนี้จึงควรเข้าใจและวางบทบาทตนเองให้ถูกต้อง“เด็กอนุบาลจะให้ความศรัทธา ให้ความนับถือเหมือนเราเป็นทุกอย่างของเขา เป็นที่พึ่งให้เขาได้ จะสนิทใจเหมือนเราเป็นแม่อีกคน เพราะฉะนั้น ครูต้องวางบทบาทให้ถูกต้องว่าเราคือแม่เขา แล้วเมื่อมีผู้ร่วมงาน บทบาทแม่ก็ต้องกระจายไปตามตำแหน่งต่างๆ เช่น ครูประจำชั้นเหมือนแม่ใหญ่ดูแลเด็กทั้งหมดของห้องนี้ ครูผู้ช่วยเหมือนคุณแม่เล็กๆ “เราต้องทำตัวใหม่เป็นแม่เขาจริงๆ ในบทบาทที่เด็กยังอายุเท่านี้ ฟันน้ำนมยังไม่หลุด ฟันแท้ยังไม่ขึ้น เราโอบอุ้มเขาตั้งแต่แรกรับแล้วค่อยๆ ประคอง อุ้มเขาปกป้องให้ดีมาถึงขอบเขตที่จะเชื่อมต่อจากอนุบาลไปถึงป.1 ตรงนี้อ้อมกอดจะค่อยๆ เผยออกแล้วค่อยๆ ส่งให้ครูป.1มารับช่วงต่อกันอย่างเข้าอกเข้าใจว่า หนูน้อยของแม่พร้อมแล้วนะที่จะเข้าสู่วัยเรียน ถ้าครูป.1 เข้าใจอย่างนี้ การเชื่อมต่อตรงนี้จะสมบูรณ์แบบ ถูกต้องตามที่ธรรมชาติเด็กต้องการ ไปกันอย่างมีความสุข เด็กเองก็จะได้ประสบการณ์วัยเด็กที่ดีด้วย เพราะฉะนั้น อย่างน้อยครูอนุบาลและครูป.1 ก็ต้องทำงานด้วยกัน พ่อแม่ก็ต้องเข้าใจกันว่าตอนนี้บทบาท ของอนุบาลกำลังทำอะไรกันอยู่ บทบาทของป.1กำลังทำอะไรกัน อนุบาลคือบ้าน ยังไม่ใช่โรงเรียน” . เตรียมพร้อมเป็น ‘แม่ครู’ . อย่างไรก็ตาม เมื่อลงลึกในรายละเอียด การเป็นแม่ยังต้องอาศัยคุณสมบัติหลายประการซึ่ง หลายคนอาจไม่ได้มีพร้อมแต่แรก ครูอุ้ยจึงบอกว่าครูอนุบาลต้องฝึกฝนตัวเองเพื่อไปสู่ความเป็นแม่ครูที่สมบูรณ์ “สำหรับคุณครูที่จะมารับบทบาทใหม่เป็นแม่ครูที่ต้องเลี้ยงลูกหลายคน เราต้องถามตัวเองก่อนว่าพร้อมเป็นแม่ใครหรือยัง การเป็นแม่หมายถึงรับผิดชอบเขา ไม่มีช่วงพัก เรายอมมั้ยที่จะไม่ได้พักเที่ยง ต้องอยู่กับเด็กกลุ่มนี้ตั้งแต่รับมาจนส่งกลับบ้าน คุณแม่ก็ต้องมีเวลาให้ ต้องมีความเสียสละเวลาที่มากกว่าครูในระดับชั้นอื่นๆ ที่อาจสอนเป็นวิชา เพราะแม่ต้องอยู่กับลูกตลอดเวลา แล้วจิตใจพร้อมรึยังเรื่องว่าเราต้องรักเขาให้ได้เสมือนเป็นลูกเราจริงๆ
ซึ่งความรักของแม่มีพร้อมทั้งความคาดหวังแล้วก็การปล่อยวาง เราคาดหวังที่จะให้ลูกเป็นเด็กดีสมกับที่เราอยากให้เป็น ในขณะเดียวกันเราก็ต้องปล่อยวางด้วย ” “แม่ยังต้องเก่งทุกอย่าง มีคุณสมบัติครบถ้วนอยู่ในคนเดียวกัน พอเรารู้ว่าต้องเป็นแบบนี้ได้ก็ต้องเพิ่มทักษะในตัวเอง ถ้าไม่เก่งก็ต้องฝึก ยกตัวอย่างจาก 5 กิจกรรมที่เป็นกิจวัตรหลักของเด็ก เช่น ทำงานบ้านไม่เก่ง ทำงานบ้านไม่เป็น ต้องทำ เพราะเด็กอนุบาลเรียนรู้ผ่านการเลียนแบบ ส่วนงานครัว ทักษะไม่มี งานศิลปะทั้งหลายทำไม่เป็น
ก็ต้องฝึกไปทีละอย่างเลย ถึงต้องมีการฝึกครูไง ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ รับใครมาก็เป็นแม่ครูอนุบาลได้เลย ต้องให้โอกาสครูรุ่นใหม่ๆ ว่ามาอยู่กับครูอาวุโสจนกว่าพร้อมที่จะรับผิดชอบเป็นแม่ครูประจำชั้น ครูอาวุโสก็จะฝึกให้ครูรุ่นใหม่เย็บปักถักร้อยเป็น จัดดอกไม้เป็น วาดเขียนเป็น ทำขนมเป็น ไหนจะต้องทำสวน หมักปุ๋ยอีก ต้องใช้เวลาฝึกกว่าจะเป็นคุณแม่ที่ทำงานได้ทุกอย่าง ไม่เก่งมาเลยก็ต้องมาฝึกจนเราพร้อมแล้วมั่นใจว่าฉันทำได้” ไม่ใช่แค่เรื่องทักษะภายนอก แม่ครูที่ดียังต้องมีโลกภายในสงบงาม แม่ของลูกปฐมวัย นอกจากมีทักษะพร้อมทั้งภายนอกและภายใน
แม่ครูยังต้องคอยดูแลลูกๆ วัยอนุบาลให้ครบถ้วนทุกด้าน ครูอุ้ยเริ่มจากสิ่งที่สำคัญเป็นพื้นฐานคือด้านสุขภาพ และทั้งหมดนี้คือองค์ความรู้และความเข้าใจที่ครูปฐมวัยควรมีติดตัวติดหัวใจ เพื่อให้เป็นแม่ครูของลูกๆ วัยอนุบาลได้อย่างสมบูรณ์ เรื่อง : ฝ่ายสื่อสารองค์กร สถาบันอาศรมศิลป์ เพราะเหตุใดถึงอยากเป็นครูครูเป็นเหมือนพ่อ แม่ คนที่สอง ของ นักเรียน คอยอมรมสั่ง จนนักเรียนประสบณ์ความสำเร็จ และครูก็เป็นคนที่ให้ความรู้แก่นักเรียนทำให้เขารู้ในสิ่งที่เขาไม่รู้และครูเปรียบเสมือนเทียนหนึ่งเล่มที่จุดให้แสงสว่างแก่
เพราะอะไรถึงอยากเป็นครูปฐมวัย1. เป็นการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กทุกด้าน นับตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเริ่มเข้าเรียนในระดับโรงเรียน 2. วางพื้นฐานทางสุขภาพอนามัยให้กับเด็กตั้งแต่ต้นรวมทั้งเด็กที่มีข้อบกพร่องต่าง ๆ 3. สิ่งแวดล้อมทางบ้านควรมีส่วนช่วยให้เด็กเจริญเติบโต และพัฒนาในทุก ๆ ด้าน 4. พ่อแม่ควรเป็นครูคนแรกที่มีความสำคัญต่อลูก
ครูปฐมวัยมีความสําคัญอย่างไรครูปฐมวัยมีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพครูจะต้องยึดถือเป็นแนวทางการปฏิบัติดังนี้ 1. จัดการเรียนรู้และดูแลสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของเด็ก 2. จัดสาระการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก 3. จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจของเด็ก
|