ทำไมถึงอยากเรียนคณะนิติศาสตร์

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนนะคะ เราเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 ค่ะ บทความแรกนี้เป็นการทำความรู้จักกันของเราและผู้อ่านบล็อกของเราเนอะ ที่เราเลือกมาเรียนกฎหมายก็เพราะรู้สึกว่ามันสำคัญกับชีวิตเรามาก หลายเหตุการณ์ในชีวิตที่เราเจอมานั้นทำให้เรารู้สึกว่ากฎหมายนั้นสำคัญกับชีวิตเราเลยอ่ะเอาจริงๆฮ่าๆ แต่เราขอยกตัวอย่างง่ายๆเลยละกันนะคะเช่น ความน่ารำคาญของคนข้างบ้านที่สร้างความเดือดร้อนในวันหยุดพักผ่อนของเรา เราเรียกเหตุการณ์แบบนี้ว่าความแต้มบุญน้อยของเราเอง5555555 โดยเฉพาะในวันไหนที่เราต้องการโหยหาที่นอนหรือจำเป็นอย่างมากที่ต้องใช้สมาธิกับสิ่งๆหนึ่ง ถ้ามันเกิดความเดือดร้อน จนถึงขั้นที่การพูดกล่าวตักเตือนกันนั้นไม่ได้ผล แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงละคะ ให้พวกเขาเหล่านั้นหยุดสร้างความเดือดร้อน ไอเราจะไปหยิบปืนมายิงคู่กรณี หรือ เอามีดมาไล่แท่งแบบที่เราอ่านเจอในข่าวหน้าหนึ่งบ่อยๆนั้นก็คงจะไม่ใช่เรื่องสู้ดีนัก
ทำไมถึงอยากเรียนคณะนิติศาสตร์
หากหุนหันพลันแล่นไป ก็จะเป็นแบบในภาพประกอบนี่แหละค่ะท่านผู้ชม
ทุกชีวิตมีค่า ไม่ว่าจะชีวิตเราหรือชีวิตใคร ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าถ้าเรารู้กฎหมายเหตุการณ์พวกนี้มันจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างไร ยิ่งทำให้คำพูดที่ว่า ตัวเรานั้นเกี่ยวข้องกับกฎหมายตั้งแต่เกิดจนตาย นั้นเป็นคำพูดที่ถูกต้อง ตั้งแต่เกิดเราก็ต้องไปแจ้งเกิดตามกฎหมายว่าไว้ ระหว่างที่มีชีวิตเราจะเจอเหตุการณ์อะไรก็ไม่รู้ ที่พร้อมจะใช้กฎหมายได้ทุกเมื่อ ไปจนถึงเมื่อตอนเราตายก็ต้องไปแจ้งตายตามที่กฎหมายว่าไว้อีก แม้กระทั่งเราตายไปแล้วก็ยังเกี่ยวกับกฎหมายพวกมรดกและพินัยกรรม เราจึงคิดว่ามันสำคัญมาก เพราะในช่วงชีวิตของเรานั้น เราไม่มีทางรู้หรอกว่าเราจะเจอปัญหาอะไรที่กฎหมายที่เรารู้แค่ตื้นเผินนั้นมันไม่พอ จึงทำให้เราอยากเรียนกฎหมายเข้าไปอีก
ทำไมถึงอยากเรียนคณะนิติศาสตร์
อาชีพที่ใครก็ใฝ่ฝัน อัยการ นั่นเอง

ทำไมถึงอยากเรียนคณะนิติศาสตร์
และนี่ก็อาชีพที่หลายคนใฝ่ฝัน (ภาพจากเน็ต)
เคยมีอาจารย์ท่านนึงพูดว่า lawfirm คืออาชัพสำหรับใครซักคนเท่านั้น ไม่ใช่ใครจะมีสิทธิ์ได้         ประเด็นสำคัญต่อมาที่เราอยากเรียนกฎหมาย จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย เรามองมันเป็นอาชีพในอนาคตของเราค่ะ เราชอบการได้สู้เพื่อคนอื่นในทางที่ถูก อนาคตเราไม่รู้หรอกเนอะว่าเราจะได้เป็นถึงขั้นไหนเราเชื่อว่านักศึกษากฎหมายทุกคนก็มีความฝันเดียวกันเกือบ 70% แหละแต่ระหว่างทางนั้นเราจะไปจบที่ตรงไหนก็อยู่ที่ตัวเราแหละเนอะ เราไม่ขอบอกนะคะว่าอยากเป็นถึงอะไร 5555555 ขอพยายามเรียนก่อนซักปีสองปี ปีสองเราจะเริ่มเดาทางได้แล้วแหละว่าจริงๆแล้วเราอยากไปทำงานทางด้านไหน (จริงๆก็มีในใจนะคะแต่มันดูเป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อมขอพยายามก่อนเนอะ555555) ส่วนเรื่องกลัวมั้ยจบมาคนล้นตลาด เราเชื่อนะว่าถ้าเรามีความสามารถมากพอ จะทำให้คนในตลาดนั้นแหละต้องการเราเอง อย่างแรกที่จำให้ตลาดนั้นเชื่อเราได้ว่าเรามีความสามารถมากพอก็คือเกรด หลายคนอาจจะบอกว่าเกรดไม่ใช่ทุกสิ่ง แต่ในโลกของความเป็นจริงเกรดนั้นเป็นแทบทุกอย่างนะคะของการสมัครงาน ที่เราพูดได้เพราะเราประสบมาบ้างแล้ว การเรียนนิติศาสตร์ใบนี้ไม่ใช่ใบแรกของเรา เราเลือกเรียนใบนี้เพราะอยากเรียนในสิ่งที่เราอยากเรียนมานานแล้ว (มันคือการลองกับตัวเองกันดูอีกซักตั้ง^^)  ไว้ว่างๆจะเขียนเกี่ยวกับอาชีพที่เมื่อจบไปแล้ว เราสามารถทำได้นะคะ 

Show

บล็อกนี้ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเองแล้วก็อีกหลายๆคนที่เป็นนักศึกษากฎหมาย เอาไว้แชร์ความรู้ที่เราเรียนมา หรือสิ่งที่เราเห็นว่ามันเป็นประโยชน์ บางทีอาจจะมีประเด็นเด็ดๆของสังคมเอามาประยุกต์กับวิชาที่เราเรียนในแต่ละเทอม(ถ้าเราไม่ขี้เกียจไปซะก่อนฮ่าๆ) เราเองจะพยายามอัพเดทเรคเชอร์แบ่งปันอยู่บ่อยๆนะ จบเทอมจะมีรีวิวรายวิชาด้วยนะคะเป็นประโยชน์กับคนที่มาอ่านและกำลังจะศึกษาแน่นอน แต่ในเทอมเราก็จะอัพเดทเรื่องราวการเรียนในชีวิตตลอดน้า เราตั้งใจทำเพื่อเรียนไปด้วยกันกับทุกคนแล้วก็ให้กำลังใจกันไปนะ <3

ทำไมถึงอยากเรียนคณะนิติศาสตร์
หนึ่งในหนังสือประมวลกฎหมายที่เราใช้ค่ะ

คราวหน้าจะมาเล่าวิธีการเตรียมตัวไปสมัครเรียนที่รามคำแหงนะคะ แบบละเอียดจนที่ว่าเหมือนเราจูงมือคนอ่านไปสมัครด้วยกันเลยแหละอิอิ เพราะเราเคยเห็นมีหลายคนที่สงสัยในขั้นตอนการสมัคร และค่าใช้จ่าย คราวหน้าจะมาเล่าอย่างละเอียดเลยว่า เราเตรียมตัวอย่างไรไปบ้าง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ หนังสือเรียนซื้อที่ไหน ประมวลเล่มไหนเราอ่านแล้วอยากแนะนำ เทอมแรกเราจัดของเรายังไง รอกันหน่อยน้า จะรีบมาอัพอีกเด้อออออ มีครับ ถ้าจะทำให้เป็นคณะนิติศาสตร์ต้องเรียนทฤษฎี แต่เวลาเราอยู่ในคณะหรือสังคมกฎหมายก็จะมีคนที่เน้นการปฏิบัติ (pragmatic) สุดๆ ส่วนใหญ่ที่ผมเจอจะเป็นคนทำงานด้านกฎหมายเอกชน กฎหมายแพ่ง กฎหมายธุรกิจ ซึ่งก็เข้าใจได้นะ เพราะอย่างที่บอกไปตอนต้นว่าแนวคิดหลักของกฎหมายเอกชนไม่ได้เปลี่ยน และกฎหมายแพ่งก็แทบจะเป็นแบบเดียวกันทั้งโลกเพราะคนใช้ติดต่อค้าขาย แต่ละรัฐจำเป็นต้องปรับปรุงกฎหมายแพ่งให้คล้ายคลึงกัน ขนาดบางประเทศที่ใช้กฎหมายอิสลามเข้มข้น เช่น ซาอุดิอาระเบีย เขายังมีส่วนหนึ่งที่ระบุเลยว่า เฉพาะตรงส่วนนี้ให้ใช้กฎหมายธุรกิจ (adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({}); พอเป็นแบบนี้เราจึงไม่ต้องถามเรื่องทฤษฎีเลย มันถูกพิสูจน์ในเชิงประจักษ์แล้วว่าที่การค้าโลกหรืออารยธรรมมนุษย์เจริญรุ่งเรืองขนาดนี้เพราะกฎหมายแพ่ง การรับรองสัญญาหรือกรรมสิทธิ์ ต่อให้ไปถามว่าแล้วมีพื้นฐานมาจากไหน เขาก็ไม่บอกหรอกว่ามาจากสิทธิตามธรรมชาติที่มนุษย์มีหรือมีกรรมสิทธิ์เหนือทรัพย์สิน แค่บอกว่ากฎหมายได้รับการรับรองมาตั้งแต่สมัยโบราณ จบ (adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({}); แต่ถ้าไปดูกฎหมายมหาชน ถ้าคุณไม่ดูทฤษฎีจะดูอะไรล่ะ เพราะกฎหมายถูกยุบทุกๆ 4-5 ปี มันวุ่นวายมาก ไม่มี comfort zone เหมือนกฎหมายแพ่งที่คุณสามารถนั่งและเป็นนักปฏิบัติได้ มันมีแต่แนวหน้า ทุกวันคือแนวหน้า ทุกวันนี้นักกฎหมายมหาชนเหมือนถูกกดดัน อย่างเรื่องแก้รัฐธรรมนูญก็ไม่มีโมเดลหรือ comfort zone ใดๆ แก้ทีคือทิ้งใหม่ บางทียังสู้กันเรื่องอุดมการณ์ประชาธิปไตยกับอำนาจนิยมอยู่เลย ซึ่งกฎหมายแพ่งไม่ได้สู้กันในเลเวลนั้น (adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({}); เพราะฉะนั้น สายกฎหมายมหาชนจะถูกสายแพ่งวิจารณ์ว่า เป็นสายที่พูดเรื่องทฤษฎีหรือเรื่องนามธรรม (abstract) มาก สมมติมีรัฐประหาร สายกฎหมายเอกชนอาจจะมองว่า ธุรกิจก็ยังไปได้ดีนะ เพราะรัฐประหารคุ้มครองกลุ่มทุนอยู่ เขาเลยมองว่าไม่มีรัฐธรรมนูญก็ไม่เป็นไร เศรษฐกิจยังไปต่อได้ แต่นักกฎหมายรัฐธรรมนูญก็เป็นเดือดเป็นแค้นแล้ว คือคุณต้องคิดแบบ ‘ถ้าการเมืองดี’ สิ เพราะเราคิดว่าถ้าถึงที่สุดแล้วการเมืองไม่ดี ทุกอย่างที่คุณทำ เศรษฐกิจอาจจะพังทลายลงมา ซึ่งเราก็พยายามจะไม่ให้มันพังนะ แต่ก็จะชี้ว่ามันพังลงมาได้เท่านั้นเอง ซึ่งนักกฎหมายเอกชนอาจจะไม่ค่อยเชื่อและมองว่าพวกเราพูดเรื่องหอคอยงาช้างเยอะนอกจากนี้ ถ้ามองอีกแง่หนึ่ง การศึกษาทฤษฎีเป็นการจัดระเบียบความคิดชั้นสูง เป็นการที่มนุษย์สามารถคิดอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและจับต้องได้ การที่คุณคิดอะไรที่เป็นนามธรรมได้แปลว่าสมองคุณมีการจัดระเบียบและมีการพัฒนาอีกแบบ ซึ่งในยุคที่ปั่นป่วนและไม่มีอะไรตรงหน้าให้ยึดจับ การที่คุณจัดระเบียบสมองตามทฤษฎีได้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะทำให้มองความปั่นป่วนและจำแนกได้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน คิดได้ว่าทางออกควรจะอยู่ตรงไหน ไม่เอนไปตามสิ่งที่คนนั้นคนนี้พูด ทั้งหมดนี้เพราะคุณมีภูมิปัญญาที่สั่งสมมา เนื่องจากทฤษฎีก็มาจากการถกเถียง การเรียนสิ่งที่เป็นหอคอยงาช้างได้ก็เป็นภูมิปัญญาส่วนตัวที่จะทำให้ไม่ทำผิดพลาดอีก รู้ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะเรียนรู้จากประวัติศาสตร์มาแล้ว ถ้าเปรียบง่ายๆ เหมือนคุณกำลังเดินเรือแล้วเข้าสู่ดินแดนที่ไม่มีใครรู้จัก (terra incognita) ไม่มีแผนที่ มีแต่ดาวกับเข็มทิศซึ่งเปรียบเหมือนทฤษฎีชั้นสูง ที่คุณจะต้องใช้มันผ่านไปให้ได้พูดโดยสรุป หอคอยงาช้างจำเป็นต้องมีในระดับหนึ่ง แต่ขณะเดียวกัน คุณต้องเป็นคนที่เข้าใจทฤษฎีชั้นสูง รวมถึงเข้าใจความเป็นจริงและข้อจำกัดของมนุษย์ด้วย คุณต้องไม่อยู่แค่เฉพาะในทางทฤษฎีและกฎหมายลายลักษณ์อักษร แต่เข้าใจข้อจำกัดว่ามนุษย์ทำได้แค่นี้แหละ ทำไมเขาถึงตัดสินใจแบบนี้ ทำไมตัดสินใจไม่สมเหตุสมผล ทำไมตัดสินใจก่ออาชญากรรม ผมว่าการผลิตบัณฑิตที่รู้ทั้งทฤษฎี รู้กฎหมาย และมีความเป็นมนุษย์ เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร ทำไมถึงเรียนกฎหมาย

กฎหมายเป็นสิ่งที่จำเป็นในสังคมฉันใด การศึกษากฎหมายก็เป็นสิ่งที่จำเป็นฉันนั้น ยิ่งในสังคมปัจจุบันที่โครงสร้างทางสังคมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างมาก การศึกษากฎหมายเพื่อเรียนรู้อดีต แก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายให้ทันยุคทันสมัยในปัจจุบันและรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจึงเป็นภารกิจสำคัญของนักกฎหมาย นักศึกษากฎหมายจึงจะเป็นบุคคลที่ ...

ทำไมถึงอยากเรียนคณะนิติ

ใครว่าเรียนนิติแล้วจะต้องทำงานเฉพาะด้านกฎหมาย นอกจากจะสามารถทำงานเป็นทนายแล้ว คุณยังสามารถทำงานในสายสื่อสาร, วิชาการ, การค้าและอุตสาหกรรม, สังคมสงเคราะห์, การเมืองและอื่นๆอีกมาก การเรียนกฎหมายทำให้คุณสามารถไปไหนก็ได้อย่างที่ต้องการเพราะความเข้าใจด้านข้อกำหนดกฎเกณฑ์ด้านต่างๆ

ทำไมถึงอยากเป็นทนาย

อาชีพทนายความเป็นอาชีพที่ได้รับความนิยม เพราะสามารถทำรายได้ดีและเป็นอาชีพที่มีเกียรติ โดยผู้ที่เป็นทนายความสามารถทำงานมีเงินเดือนประจำได้หากทำงานเป็นนักกฎหมายในหน่วยงานต่างๆ โดย มีค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนตั้งแต่ 15,000 - 30,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับความสามารถ ประสบการณ์ และประเภทของหน่วยงาน หากประกอบอาชีพทนายความอิสระ ...

การศึกษา กฎหมาย มี ประโยชน์ ต่อ นักเรียน อย่างไร

นักเรียนกฎหมายจะได้พัฒนาทักษะในการหาเหตุผลของคำตอบ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ทักษะทางการสื่อสาร, การแก้ไขปัญหาและการคิดนอกกรอบเป็นอย่างมาก ส่งผลให้นักเรียนที่จบออกไปสามารถประยุกต์กับสถานการณ์ต่างๆในสายอาชีพทุกสายอาชีพได้เป็นอย่างดี