หน้าแรก > บทความอื่นๆ > 5 หลักการพื้นฐานของความสำเร็จ (5 Principles of success) Show 5 หลักการพื้นฐานของความสำเร็จ (5 Principles of success) ในการที่จะประสบความสำเร็จในเรื่องๆ หนึ่ง เรามักตั้งเป้าหมายที่เราอยากได้ แล้วลงมือทำ เพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมายนั้นๆ บางครั้งก็ไม่สำเร็จตามที่ตั้งไว้ เช่น ต้นปีเราก็ตั้งเป้าหมายว่า เราจะเก็บเงินให้ได้ 100,000 บาท ภายในสิ้นปี แต่เวลาผ่านไปจนสิ้นปีก็เก็บได้ไม่ถึงตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เรามาดูกันนะคะว่ามีอะไรบ้างที่สำคัญและนำไปสู่ความสำเร็จค่ะ 5 หลักการพื้นฐานของความสำเร็จนี้ มาจากศาสตร์ Neuro-Linguistics Programming (NLP) ที่มาจากการศึกษาว่าคนที่ประสบความสำเร็จที่เกิดมาเป็นคนธรรมดาๆ หรือคนที่มีต้นทุนในชีวิตติดลบ แล้วสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจนประสบความสำเร็จขึ้นมาเองได้ ทำได้อย่างไร เขาพบว่าคนที่ประสบความสำเร็จล้วนมี 5 หลักการพื้นฐานของความสำเร็จนี้ค่ะ เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้างนะคะ และลองคิดตามว่าเราจะไปปรับใช้อย่างไรค่ะ 1 รู้ผลลัพธ์ที่ต้องการ (Know your outcome) ชัดเจนว่าสิ่งที่เราต้องการคืออะไร เป้าหมายนี้สำคัญกับเราอย่างไรบ้าง ถ้าบรรลุเป้าหมายนี้แล้ว ชีวิตเราจะดีขึ้นอย่างไร และส่งผลต่อคนอื่น (ครอบครัว เพื่อน สังคม) อย่างไร และตอบโจทย์คุณค่าอะไรในชีวิตเราบ้าง เช่น ความภาคภูมิใจ ความมั่นใจ ครอบครัว ความมั่นคง เป็นต้น แล้วถ้าเป้าหมายนี้ไม่สำเร็จ เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เราจะสูญเสียอะไรบ้าง ถ้าเป้าหมายนี้สำคัญต่อเรามากพอ เราจะมีแรงมากพอที่จะมุ่งมั่นตั้งใจลงมือทำตามเป้าหมายนี้ค่ะ และเช็คดูด้วยว่าเป้าหมายนี้เป็นไปได้ไหม และส่งผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวของเราไหม เช่น เป้าหมาย คือ ได้ไปทำงานที่ต่างประเทศ เราจะไม่ได้อยู่กับครอบครัว ครอบครัวเราเห็นด้วยไหม เป็นต้น หากครอบครัวไม่เห็นด้วย คือ ส่งผลเชิงลบ ก็ลองปรับเป้าหมายให้ไม่กระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวของเราค่ะ เช่น เปลี่ยนเป้าหมายเป็น ได้ไปดูงานต่างประเทศแทน เป็นต้นค่ะ (สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายที่ทรงพลังด้วย SMART Goal คลิ๊กที่นี่ค่ะ) 2 ลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ (Take action) สิ่งที่จะเปลี่ยนความฝันเป็นเป้าหมายก็คือการลงมือทำค่ะ และช่วยให้ฝันของเราเป็นจริง การลงมือทำอย่างสม่ำเสมอเป็นหัวใจสำคัญข้อหนึ่งของความสำเร็จเลยค่ะ หากเราทำบ้าง ไม่ทำบ้าง ก็ยากที่จะทำให้สำเร็จได้ค่ะ เราสามารถฝึกฝนนิสัยการลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ โดยการซอยเป้าหมายออกมาเป็นกิจกรรมที่ทำได้ง่ายๆ เพื่อให้เราเกิดความสำเร็จเล็กๆ (small win) ให้เราภาคภูมิใจและมีวินัยลงมือทำเรื่องใหญ่ๆ ต่อไปค่ะ เช่น ออกกำลังกายวันละ 5 นาที แล้วพอทำได้ต่อเนื่อง เราก็จะเริ่มมีกำลังใจและภูมิใจ รู้สึกดีต่อตัวเอง แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะเวลา หรือไปเพิ่มวินัยในการลงมือทำเรื่องอื่นเพิ่มค่ะ 3 สังเกตด้วยประสาทสัมผัสของเรา (Have sensory acuity) เมื่อเราลงมือทำไปสักระยะ ให้เราหมั่นสังเกตระหว่างทางด้วย เพื่อเห็นความผิดปกติที่ทำให้ไม่ถึงเป้าหมาย เราจะได้รู้ตัวและปรับเปลี่ยนทันค่ะ ตัวอย่างที่ 1 เป้าหมาย คือ มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับสามี/ภรรยา เริ่มสังเกตเห็นว่าช่วงหลังเริ่มมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ถกเถียงกันบ่อยๆ ต่างคนต่างอารมณ์เสีย ตัวอย่างที่ 2 เป้าหมาย คือ มีเงินเก็บเพิ่มขึ้น 100,000 บาท เราสังเกตเห็นว่าเราตั้งใจเก็บ ประหยัดมาก แต่ก็มีเหตุให้เงินออกไป ก็ยังเก็บเงินไม่ได้ตามเป้าหมาย ตัวอย่างทื่ 3 เป้าหมาย คือ รูปร่างดีขึ้น น้ำหนักลดลง 10 กิโลกรัม ออกกำลังกายจนน้ำหนักเริ่มลดลง แต่เริ่มมีอาการปวดเข่า 4 มีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (Have behavioral flexibility) เมื่อเราเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น เราก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้เราบรรลุเป้าหมายที่เราต้องการ ยกตัวอย่างเดิมต่อจากข้อ 3 ตัวอย่างที่ 1 เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับสามี/ภรรยา ก็ปรับพฤติกรรมโดย เมื่อมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็เปิดใจรับฟังความคิดเห็น ไม่พูดด้วยอารมณ์และฝึกสติให้รู้เท่าทันอารมณ์เพื่อให้ใจเย็นขึ้น ตัวอย่างที่ 2 เพื่อรู้สาเหตุที่เงินออกไป ก็ปรับพฤติกรรมโดยจดบันทึกรายรับ รายจ่าย เพื่อวิเคราะห์สาเหตุ และแก้ให้ถูกจุด เช่น พบว่าค่าใช้จ่ายมาจากการรับประทานอาหารนอกบ้าน ก็ลดความถี่ในการรับประทานอาหารนอกบ้านลง เป็นต้น ตัวอย่างที่ 3 ออกกำลังกายจนน้ำหนักเริ่มลดลงตามเป้าหมาย แต่ปวดเข่า ก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการออกกำลังกายเป็นชนิดที่ไม่กระแทกเข่า เช่น ว่ายน้ำ หรือควบคุมอาหาร ลดอาหารที่มีไขมัน เป็นต้น 5 ลงมือทำด้วยกายและใจที่ดีเยี่ยม (Operate from psychology and physiology of excellence) ลงมือทำด้วยกายและใจที่สอดคล้อง รู้สึกดี มีทัศนคติที่ดีต่อสิ่งที่เราทำ หากเรารู้สึกไม่ดีต่อสิ่งที่เราทำก็ต้องมาหาสาเหตุ และแก้ไขก่อน หรือทำตนเองให้รู้สึกดีก่อน แล้วค่อยลงมือทำสิ่งนั้นๆ ค่ะ เช่น ออกกำลังกายให้สดชื่นก่อน แล้วค่อยไปลงมือทำเพื่อให้เข้าใกล้และบรรลุเป้าหมายค่ะ เมื่อเราทำครบ 5 ข้อและจดจ่อมากพอ เราก็จะประความสำเร็จตามเป้าหมายที่เราต้องการค่ะ ลองนำ 5 ข้อนี้ไปประยุกต์ใช้กับเป้าหมายที่ท่านต้องการนะคะ อ.ก้อย เป็นกำลังใจให้กับการเดินทางสู่ความสำเร็จของทุกๆ ท่านค่ะ ขอให้มีความสุขและประสบความสำเร็จค่ะ อาจารย์ เภสัชกรหญิง ธันยพร จารุไพศาล (อ.ก้อย) โค้ชและวิทยากรด้านการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน (Performance Coach and Trainer) E-mail: line ID: koytunyapon Tel: 082-415-1462
Visitors: 39,370
ทําอย่างไรให้ประสบความสําเร็จในการทํางานการทำงานให้ประสบความสำเร็จ ต้องกล้าคิด กล้าแสดงออก ในด้านที่ดี รู้จักทำงานเชิงรุก มากกว่ารอคำสั่งจากหัวหน้างาน และกล้านำเสนอในสิ่งที่เป็นการพัฒนาการทำงาน หรือการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดีขึ้น เพราะหากเรากล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ ในสิ่งที่ทำให้องค์กรพัฒนา ผมเชื่อว่าโอกาสที่หัวหน้าจะมอบหมายงานที่สำคัญและท้าทาย
การทํางาน มีความสําคัญอย่างไรการทำงานนอกจากจะช่วยให้มนุษย์สามารถสนองความต้องการดังกล่าวแล้ว การทำงานยังช่วยให้มนุษย์มีชีวิตที่มั่นคง เกิดผลงานทางวัฒนธรรมแและวิทยาศาสตร์ ที่เอื้อประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์เอง นอกจากนั้น สถานที่ทำงานยังช่วยให้มนุษย์ได้พบปะสร้างความเป็นมิตร แลกเปลี่ยนทักษะ และความรู้ต่อกัน
ปัจจัยของความสําเร็จในกระบวนการทํางาน คือข้อใด6 ปัจจัยหลักผลักคุณสู่ความสำเร็จในการทำงาน. ความมุ่งมั่นชัดเจนในเป้าหมาย ... . พร้อมที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ ... . ความคิดสร้างสรรค์ คือกุญแจอีกดอกหนึ่งสู่ความสำเร็จ ... . ทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพก็สำคัญไม่แพ้กัน ... . ทักษะการแก้ปัญหาและตัดสินใจ ... . การบริหารเวลา. การประสบความสําเร็จ คืออะไรนิยามของความสำเร็จ “คือการที่ได้บรรลุถึงเป้าหมายความต้องการที่ตั้งไว้แล้วเกิดความสุข” แล้วเป้าหมายของเราคืออะไร ? “คือสิ่งที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าจากความต้องการของเรา”
|