ออกกำลัง กาย สำหรับ นักร้อง

หลาย ๆ คนอาจคิดว่าการใส่หูฟังฟังเพลงขณะออกกำลังกายทำไปเพื่อลดความเบื่อหน่ายเพียงเท่านั้น แต่ผลวิจัยชี้ชัดเลยว่า "เสียงเพลงมีผลต่อการออกกำลังกาย" ครับ

โดยได้ทำการวัดคลื่นสมองด้วยเครื่อง Electroencephalogram (EEG) ในขณะฟังเพลงพบว่า การฟังเพลงขณะออกกำลังกายนั้นช่วยลดคลื่นธีต้า (Theta waves) ชนิดความถี่ 4-7 เฮิร์ต (Hz) ได้ ซึ่งกระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการระงับอาการเมื่อยล้าต่าง ๆ อีกทั้งการฟังเพลงที่ทำให้เรารู้สึกสนุกสนานจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตขึ้น 26% ซึ่งมีผลช่วยให้ร่างกายนำออกซิเจนไปใช้ได้เพิ่มมากขึ้นนั่นเองครับ

การเลือกระดับความเร็วของเพลงที่ฟังขณะออกกำลังกายก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพการออกกำลังกายได้เช่นกันครับ เพราะร่างกายของแต่ละคนจะตอบสนองต่อระดับความเร็วของเพลงแตกต่างกันนั่นเองครับ

ลือกเพลงที่ชอบได้แล้วอย่าลืมใส่ใจกับหูฟังที่ใช่ด้วยนะครับ เพราะขณะออกกำลังกายมักจะมีเหงื่อไหล หากใช้หูฟังที่มีสายหรือมีน้ำหนักเกินไปอาจทำให้ออกกำลังกายไม่สะดวกได้ครับ เราจึงแนะนำนี่เลย

#Sennheiser รุ่น IE 100 Pro BT Bundle หูฟังมอนิเตอร์สีแดงรูปแบบ IN-EAR ใส่สบาย น้ำหนักเบา ใช้งานได้ทั้งวัน ให้เสียงชัดเจนไม่ติดขัด มีไมโครโฟนและปุ่มควบคุมเพลง

วิกิฮาวเป็น "wiki" ซึ่งหมายความว่าบทความหลายๆ บทความของเรานั้นเป็นการร่วมมือกันเขียนของผู้เขียนหลายคน ในการเขียนบทความชิ้นนี้ ผู้คน 74 คน ซึ่งบางคนไม่ขอเปิดเผยตัว ได้ร่วมกันเขียนและปรับปรุงเนื้อหาของบทความอย่างต่อเนื่อง

บทความนี้ถูกเข้าชม 98,311 ครั้ง

คุณเคยอยากร้องเพลงในรายการทาเลนต์โชว์บ้างไหม? หรือเคยคิดแค่อยากจะร้องอวดเพื่อนๆ เฉยๆ หรือเปล่า? คุณทำตามวิธีการต่อไปนี้สิ มันจะทำให้เสียงร้องของคุณดีขึ้นอย่างแน่นอน

ขั้นตอน

  1. ดื่มน้ำ. หากคุณคิดว่าการดื่มน้ำนั้นแค่ช่วยทำให้ร่างกายมีสุขภาพดีเฉยๆ คุณคิดผิดแล้วล่ะ! เพราะว่าจริงๆ แล้ว น้ำมีส่วนช่วยให้สุขภาพเสียงของคุณดีขึ้นได้ด้วย ดังนั้น คุณควรรับ H2O จากน้ำให้เพียงพอ เพื่อที่เส้นเสียงของคุณจะได้มีสุขภาพดีและพร้อมใช้งานได้ทุกเมื่อ

    • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่เย็นจัดหรือร้อนจัด เพราะน้ำที่เย็นจัดจะทำให้เส้นเสียงของคุณหดตัว และน้ำที่ร้อนจัดอาจจะทำให้เส้นเสียงระคายเคืองได้
    • หากคุณรู้สึกระคายคอ ชาหรือน้ำอุ่นๆ ผสมน้ำผึ้งช่วยได้ หากคุณเป็นคนที่ชอบดื่มนมทุกๆ เช้า ให้คุณดื่มน้ำตามเมื่อดื่มนมเสร็จทุกครั้ง เนื่องจากนมจะไปเคลือบภายในลำคอของคุณ และที่สำคัญหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะว่าแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่ทำให้ความชุ่มชื่นของคอคุณลดลง

  2. หายใจลึกๆ . คนส่วนใหญ่ชอบหายใจแบบผิดๆ ชอบสูดลมมาจากท้องแล้วหายใจแค่ตรงส่วนบนของปอดเท่านั้น ซึ่งจริงๆ เป็นสิ่งไม่ควรทำ ดังนั้น เพื่อเสียงร้องที่แข็งแรง คุณต้องใช้ประโยชน์จากทั่วทั้งปอดและกะบังลมของคุณ แล้วก็หายใจให้ลึกๆ

    • ไม่ว่าคุณกำลังนั่ง ยืน หรือนอนอยู่ ในขณะที่ยืนหรือนั่ง ให้คุณวางแขนไว้ที่หน้าท้อง และเค้นออกมาทุกครั้งที่หายใจเข้า และดันกลับเข้าทุกครั้งที่หายใจออก หากคุณกำลังนอนอยู่ ให้คุณวางหนังสือไว้ที่หน้าอกและอย่าให้หนังสือขยับเขยื้อน

  3. เกร็งกะบังลมขณะร้องเพลง. เพราะนี่จะทำให้เสียงของคุณแข็งแรงขึ้น (หากคุณไม่รู้ว่ากะบังลมคืออะไร ให้ดูที่ภาพประกอบ มันคือกล้ามเนื้อที่อยู่ข้างใต้กระดูกซี่โครง)

  4. วางท่าให้เหมาะสม. วางฝ่าเท้าทั้งสองข้างระนาบกับพื้น จินตนาการว่ามีเส้นตรงอยู่สูงขึ้นไปที่เหนือหัวของคุณ แล้วทำให้ลำตัวอยู่แนวเดียวกับเส้นตรงนั้น เพื่อที่ลมภายในร่างกายจะได้ไหลเวียนอย่างสะดวก

    • หากคุณกำลังนั่งอยู่ อย่าเอนตัวไปพิงด้านหลังของเก้าอี้และอย่านั่งไขว่ห้าง จำไว้ว่าคุณต้องใช้ประโยชน์จากทั่วทั้งปอดของคุณ การงอตัวเพราะนั่งไขว่ห้างจะทำให้ร้องยากกว่าเดิม

  1. ฝึกการหายใจให้ถูกวิธี. คุณจะไม่สามารถร้องโน้ตตัวหนึ่งให้ออกมาดีได้ หากคุณไม่ประคองตัวโน้ตนั้นให้ได้ก่อน ดังนั้น ก่อนที่คุณจะเริ่มร้อง คุณควรจะฝึกการหายใจให้ถูกต้องก่อน โดยหายใจให้ถูกจังหวะ และทำให้ค้างไว้ทีละนานๆ ได้

    • เริ่มต้นโดยหายใจเข้า 4 วินาที แล้วหายใจออกอีก 8 วินาที เพิ่มการหายใจออกอีก 4 วินาทีไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึง 28 วินาที ซึ่งนี่ไม่ใช่การขยายพื้นที่ในปอดนะ แต่เป็นการฝึกการควบคุมลมต่างหาก
      • การหายใจออกแบบแบบมีเสียงจะทำให้คุณควบคุมลมได้ง่ายและทำให้เสียงมีพลังขึ้น

  2. วอร์มเสียงอย่างสม่ำเสมอ. คุณไม่ควรร้องเพลงนานๆ โดยที่ไม่มีการวอร์มเสียงเลย เนื่องจากเส้นเสียงนั้นเป็นกล้ามเนื้ออย่างหนึ่ง ดังนั้น คุณต้องวอร์มเส้นเสียงก่อนที่จะร้องเพลงทุกครั้ง

    • เริ่มวอร์มด้วย middle C และฝึกไล่ลงไปทีครึ่งเสียงจนกว่าจะถึงเสียงที่ต่ำที่สุดของคุณโดยใช้ major scale เป็นแนวการไล่เสียง จากนั้น ไล่กลับขึ้นไปหาเสียงที่สูงที่สุดของคุณ โดยให้คุณใช้วลี "Mommy made me mash my M&Ms" สลับกับการไล่เสียงแบบ solfege (โด เร มี...)
    • ฝึกเป่าปาก (lip trills) และทำ siren โดยเริ่มต้นจากระดับเสียงต่ำสุดที่คุณสามารถร้องได้ แล้วก็ไล่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากในการช่วยเพิ่มระดับเสียงของคุณให้กว้างขึ้นกว่าเดิม
      • ในขณะที่ทำ siren ให้ใช้แขนทั้งสองข้างช่วยกระตุ้นเวลาทำเสียงสูง เพราะการที่คุณเห็นแขนที่ยกสูงขึ้นตามระดับเสียง มันก็เหมือนการกระตุ้นให้คุณร้องให้ถึงเสียงสูงนั้น

  3. ปรับเปลี่ยนเสียงสระ. นักร้องเพลงป๊อปหลายคนมักชอบร้องแบบเสียงขึ้นจมูก หากคุณปรับเปลี่ยนสระของคุณ เสียงร้องของคุณจะฟังดูคลาสสิกและเข้มขึ้น เหมือนได้รับการฝึกมา

    • ฝึกด้วยการออกเสียงพยัญชนะ โดยเริ่มต้นร้องออกมาเป็นชุดคำว่า มา เม มี โม มู จากนั้นเปลี่ยน “ม” เป็น “ท” แล้วทำแบบเดิม แล้วก็เปลี่ยนเป็น “ซ” “ค” “ช” แล้วร้องแบบเดิมไปเรื่อยๆ และเมื่อถึงตรงเสียง “อู” ( เช่น “ม” ก็คือ “มู”) ณ จุดนี้ ให้คุณไล่ขึ้นที่ละครึ่งเสียงแล้วทำซ้ำแบบเดิมไปเรื่อยๆ โดยไล่ตั้งแต่ระดับเสียงต่ำสุดจนถึงระดับเสียงสูงสุด
      • แต่ละเสียงมีสระที่ทำให้การร้องเสียงสูงเป็นสิ่งที่ง่าย ให้คุณลองร้องไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอว่าสระไหนที่ร้องแล้วง่ายที่สุดสำหรับคุณ

  4. ลองเสี่ยง. คุณอาจจะพูดว่าเสียงช่วงอก (chest voice) และเสียงช่วงศีรษะ (head voice) ของคุณมีช่วงห่างกันเยอะ เพราะเหตุผลนี้ คุณเลยหลีกเลี่ยงที่จะร้องโน้ตยากๆ เหล่านั้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เสียงร้องของคุณดูไม่มีพลัง ซึ่งถ้าหากคุณอยากจะแก้ไขจุดนี้ คุณก็ต้องลองเสี่ยง

    • ก้าวออกมาจาก comfort zone หากคุณรู้สึกไม่ชินกับระดับเสียงหรือความยาวของตัวโน้ต คุณต้องฝึกฝน เพราะมันจะเป็นทางเดียวที่ทำให้ทักษะของคุณพัฒนาขึ้น หากคุณฝึกฝนอย่างเพียงพอ คุณก็จะสามารถควบคุมเสียงของคุณให้เป็นแบบไหนก็ได้ตามที่คุณต้องการ

  5. ร้องในระดับเสียงที่เหมาะกับตัวเอง. บางครั้งการร้องเพลงนั้นไม่ใช่แค่การร้องโน้ตให้ได้เหมือนกับต้นฉบับเป๊ะๆ หากคุณรู้สึกว่าบางโน้ตนั้นร้องลำบากสำหรับคุณ ลองลดโน้ตนั้นลงสักหนึ่งอ็อกเทฟ หรือไม่ก็ร้องโน้ตตัวอื่นที่เข้ากับทำนองเพลง

    • ฟังว่าเสียงของตัวเองเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้ว คุณอาจจะอยากร้องเสียงในระดับ soprano แต่มันก็อาจจะไม่เข้ากับคุณก็ได้ จำไว้ว่า ระดับเสียงของคุณไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าเสียงของคุณดีหรือไม่ดี ฉะนั้น ร้องในระดับเสียงที่เหมาะกับตัวเองดีกว่าที่จะไปฝืนร้องแบบอื่นที่ไม่เหมาะกับคุณ

  1. หาครูฝึก. การที่คุณมีมืออาชีพคอยแนะนำวิธีการร้องเพลงอย่างถูกวิธีให้นั้นเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมมากๆ คุณลองปรึกษาครูในหมวดศิลปะหรือไม่ก็ร้านขายเครื่องดนตรีเพื่อขอข้อมูลหรือคำแนะนำก็ได้

    • มีหลายๆ มหาวิทยาลัยที่มีนักเรียนที่ถูกฝึกมาเพื่อเป็นครูสอนร้องเพลงโดยเฉพาะ ซึ่งค่าเรียนก็จะถูกหน่อย และนักเรียนเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเรียนวิชาการสอนมา ทำให้พวกเขาใส่ใจกับนักเรียนของตัวเองพอสมควร
    • หากคุณไม่มีความสนใจที่จะเรียนแบบตัวต่อตัวหรือไม่มีเงินมากพอที่จะลงเรียน ลองเข้าร่วมวงประสานเสียงของโรงเรียนก็ได้

  2. หาข้อมูลเพิ่มเติม. มีข้อมูลมากมายบนอินเทอร์เน็ตให้คุณศึกษา ลองเสิร์ชหาวีดีโอสอนร้องเพลง หรือชุมชนออนไลน์ที่เกี่ยวกับการฝึกร้องเพลง หรือไม่ก็เว็บไซต์ที่ให้คำแนะนำในการร้องเพลงก็ได้

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

แปลภาษาไทย ไทยแปลอังกฤษ โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv แปลภาษาอาหรับ-ไทย lmyour แปลภาษา ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง แปลภาษาเวียดนามเป็นไทยทั้งประโยค Google Translate การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 หยน อาจารย์ ตจต เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ app แปลภาษาไทยเป็นเวียดนาม การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 บบบย ศัพท์ทหารบก แปลภาษาจีน การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 1 ขุนแผนหลวงปู่ทิม มีกี่รุ่น ชขภใ ตม.เชียงใหม่ เซ็นทรัลเฟสติวัล พจนานุกรมศัพท์ทหาร รหัสจังหวัด อําเภอ ตําบล รหัสประจำจังหวัด 77 จังหวัด สอบโอเน็ต ม.3 จําเป็นไหม หนังสือราชการ ตัวอย่าง ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คอร์ด อเวนเจอร์ส ทั้งหมด แปลภาษา มาเลเซีย ไทย ไทยแปลอังกฤษ ประโยค ่้แปลภาษา Egp G no Reconguista Google map ขุนแผนหลวงปู่ทิมรุ่นแรก ข้อสอบภาษาไทยพร้อมเฉลย ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง ค้นหา ประวัติ นามสกุล จองคิว ตม เชียงใหม่ ชื่อเต็ม ร.9 คําอ่าน ดีแม็กมือสองราคาไม่เกิน350000 ตัวอย่างรายงานการประชุมสั้นๆ