ใครไม่อยากอ่านก็มาชมเป็นคลิปรีวิวกันได้ครับผม และสำหรับคนที่มีปัญหา เชื่อมต่อไม่ได้ ดูได้ตามลิ้งค์นี้เลยครับ https://c.mi.com/thread-1827530-1-0.html
มีภาค 2 มาให้ชมกันแล้วนะครับ เป็นคลิปที่รายงานการใช้งานช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาและตอบคำถามต่างๆ ครับ
ขนาด สูง 52 x กว้าง24 x ยาว 24 cm. สี ขาว
เหมาะสำหรับห้องขนาด 21-37ตารางเมตร ขนาดตัวเครื่องที่ท่ากับรุ่น 2แต่น้ำหนักเบากว่า และประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า ประหยัดพื้นที่ ด้วยขนาดกะทัดรัดเที่ยบเท่ากระดาษ A4 สามารถผลิตอากาศบริสุทธิ์ออกมาได้ถึง 310ลบ.ม./ชั่วโมง ในเวลาเพียง 10 นาที สำหรับห้อง 21ตารางเมตร มอเตอร์เดี่ยว Nidec จากญี่ปุ่นกับระบบ 2 ใบพัด (Classic Tower-Style) ทำให้สามารถดูดอากาศไม่บริสุทธิ์เข้าสู่ตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็ว กรองอากาศ 360องศา ด้วยกรองคาร์บอนถึง 3 ชั้น คือ Primary Filter,Japan Toray H11-level Filter, Activated Carbon-Filter ที่สามารถกรองฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5ไมครอนได้มากถึง 99.99% หน้าจอ OLED ที่ค่อยบอกโหมดการทำงาน,สถานะเชื่อมต่อไวไฟ, ค่าอากาศ, ความชื้น,อุณหภูมิของห้องนั้นๆ แบบ Real-Time ไฟบอกสถานะของค่าอากาศที่ OLED - สีเขียวสถานะดี (2.575μg ต่อตารางเมตร) มีเซ็นเซอร์ปรับความสว่างหน้าจอ OLED อัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม อุปกรณ์ภายในกล่อง
ผมขอพูดเรื่องคู่มือก่อนครับผมเห็นรีวิวบางคนคู่มือมาเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย แต่ตัวนี้ที่ผมได้มาน่าจะเป็นเวอร์ชั่นอินเตอร์ครับ เพราะมีภาษาไทยปิดท้ายมาให้ด้วยครับ ดีใจมากเลย555+ ต่อไปนี้เราคงได้ใช้ Eco system ของ Xiaomiหรือสินค้าอื่นๆอย่างเป็นทางการในไม่ช้าแน่นอนครับ ผมหวังว่างั้น 555+
ภาพสุดท้ายถึงจะมีพิมพ์ขาดตกบกพร่องไปบ้าง แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่ามีภาษาไทยแล้วครับ 555+
หน้าตาเครื่องด้านหน้า จะมีหน้าจอแสดงผลOLED อยู่พร้อมบอกสถานะต่างๆ ของตัวเครื่อง
ด้านบนจะมีปุ่มกด เปิด-ปิด และเปลี่ยนโหมดการทำงานได้ในปุ่มเดียว และข้างๆปุ่มคือเซนเซอร์วัดแสงรอบข้าง เพื่อจะปรับความสว่างของหน้าจอด้านหน้าเครื่อง
ด้านหลัง เริ่มจากบนสุดจะเป็นปุ่ม ใช้ ปิด-เปิดหน้าจอ OLED ด้านหน้าและเป็นปุ่มรีเซ็ทฟิลเตอร์อีกด้วย ส่วนรูเล็กๆ ข้างๆ ปุ่มกดคือเป็นเซนเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้น ถัดลงมาด้านล่างคือเป็นชุดเซนเซอร์วัดค่าฝุ่นด้วยเลเซอร์ ซึ่งสามารถวัดค่าฝุ่นได้ถึง 0.3 ไมครอนกันเลยทีเดียวครับ
ถัดลงมาก็จะเป็นที่เปิดฝาสำหรับใส้กรองอากาศ*ถ้าเครื่องยังทำงานอยู่แล้วเปิดฝาหลัง เครื่องจะส่งเสียงปี๊บ 1 ครั้งและหยุดทำงานทันทีที่กดปุ่มเปิดฝาครอบ
ฝาหลังจะบอกวิธีการเปลี่ยนใส้กรองอากาศและทำความสะอาดฝาครอบเซ็นเซอร์วัดฝุ่น
พอเปิดฝามา เราก็จะเจอกับที่ดึงฟิลเตอร์ออกมาที่ทำให้ดึงออกมาได้อย่างง่ายๆเลยครับ
ในส่วนของเซนเซอร์วัดฝุ่นด้วยเลเซอร์เราสามารถถอดฝาออกมาเพื่อทำความสะอาดได้เช่นกัน ถ้ามีฝุ่นติดอยู่
บนตัวใส้กรองเองก็บอกระยะเวลาของใส้กรองเหมือนกันว่าควรเปลี่ยนฟิลเตอร์ทุก 3-6 เดือน แล้วแต่สภาพอากาศและจำนวนชั่วโมงที่เปิดต่อวัน
ด้านใต้ของใส้กรองอากาศจะมีRFID อยู่เพื่อตรวจสอบว่าฟิลเตอร์ใช้งานได้อีกกี่วัน เหลือกี่เปอร์เซ็นต์และมีการใช้ซ้ำหรือไม่
ฐานของใส้กรองกาศก็จะเป็นจุดที่อ่านRFID ที่กรองอากาศและตัวฐานนี้ก็จะเป็นกลไกที่ขยับได้นิดหน่อย เพื่อที่เวลาใส่กรองอากาศเข้าไปตัวฐานจะดันใส้กรอง ติดกับช่องดูดอากาศ
เมื่อมองเหนือใส้กรองขึ้นไปด้านบนของตัวเครื่องจะเจอกับใบพัดตัวแรกอยู่และยังมีใบพัดด้านบนอีก สรุปง่ายๆ คือมีใบพัดสองใบที่หมุนไปในทิศทางเดียวกันครับแต่ต่างกันที่ใบพัดครับ ซึ่งผมบอกเลยว่าทำงานได้เงียบมากๆ เลยครับ
ทางด้านซ้ายเหนือวงกลมสีดำเราก็จะเจอกับเซนเซอร์ที่ตรวจจับว่า ถ้ามีการเปิดฝาหลังหรือไม่ได้ใส่ฝาหลังเครื่องจะไม่ทำงานเลย
ด้านใต้ตัวเครื่องก็จะมีการบอกรายละเอียดต่างๆของสินค้าตัวนี้ เช่น รุ่น น้ำหนัก อัตราการกินไฟ รองรับแรงดันไฟเท่าไหร่แล้วก็สติกเกอร์ที่บอกวันผลิตและซีเรียลของตัวเครื่อง
ปลั๊กที่ให้มาก็จะมีโลโก้Mi อยู่ที่ปลั๊กด้วยครับ
***ภาพต่อไปนี้งดดราม่านะครับว่าให้เด็กมาทดสอบ ผมได้ทำการปิดเครื่องถอดปลั๊กและเด็กที่มาร่วมทำการทดลองอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองอย่างใกล้ชิดและไม่เกิดอันตรายใดๆ กับเด็กเลย และน้องเป็นคนในครอบครัวผมเอง***
น้องที่มาทดสอบนั้นอายุประมาณ 8 เดือน
จัดสังเกตว่านิ้วของเด็กสามารถเข้าไปได้แค่เพียงข้อนิ้วเดียวเท่านั้นและใบพัดลมอยู่ลึกจากด้านบนประมาณสองเซนติเมตร ถ้าเด็กเอามือแหย่ลงไปจะเหลือพื้นที่อีก 1 เซนติดเมตร โดยประมาณก่อนจะถึงใบพัด ครับ
เพราะฉะนั้น ปลอดภัยพอสำหรับเด็กๆ แน่นอนครับแต่ถ้าเด็กที่โตกว่านี้แล้วยืนได้แล้ว ขนาดนิ้วก็จะใหญ่กว่านี้ก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่แต่ความสูงของเครื่องจะใกล้เคียงกับเด็กเล็กวัยหัดเดินมากก็อาจจะต้องระวังเรื่องเด็กจะทำเครื่องล้มได้เพราะตัวเครื่องน้ำหนักไม่มากซึ่งอาจจะต้องระวังเป็นพิเศษและอีกเรื่องก็คงต้องระวังเรื่องการหย่อนสิ่งของเล็กๆ ลงไปได้เช่นกันเพราะตัวเครื่องไม่มีตาข่ายหรือแผงกันละเอียด ซึ่งอาจจะทำให้เด็กหย่อนของเล็กๆลงไปได้ ใครมีเด็กเล็กแนะนำว่าหาที่วางที่สูงกว่านี้ก็จะดี
จบไปสำหรับภายนอกสำหรับการเปิดเครื่อง เราก็จะพบกับโลโก้ Mi ในสไตล์ที่เราคุ้นๆ กันอยู่
ต่อมาเราก็จะเจอกับหน้าจอที่บอกระดับฟิลเตอร์ที่เหลือว่าเหลือกี่เปอร์เซ็นต์และจะเตือนเราเมื่ออยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์
บรรทัดแรกตัวเลขใหญ่สุดจะแสดงระดับฝุ่นภายในห้องซึ่งจะสัมพันธ์กับไฟสีเขียวที่อยู่ด้านล่างสุด สีเขียว ค่าฝุ่นตั้งแต่ 1-75μg ต่อตารางเมตร 600μgเป็นค่าสูงสุดที่เครื่องจะแสดงได้ แต่บางสถานการณ์จะสูงกว่านี้ได้เช่นเมื่อเจอควันธูปจำนวนมาก
โหมดแรกจะเป็นโหมดAuto ซึ่งในโหมดนี้เมื่อเครื่องตรวจเจออากาศแย่หรืออากาศดีพัดลมจะเร่งความเร็วหรือลดความเร็วอัตโนมัติ และถ้าตัวเครื่องตรวจพบอากาศแย่ทั้งที่ปิดเครื่องอยู่ เครื่องก็จะทำงานให้โดยอัตโนมัติ**แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะทำงานตอนที่ค่าอากาศเป็นเท่าไหร่ถึงจะเปิดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ**
โหมดนี้เป็นโหมดSleep ซึ่งจะทำงานเงียบกว่าโหมดAuto อีกครับคือผมปิดห้องเงียบแล้วฟังเสียงนี่ไม่ได้ยินเสียงเลยครับ แต่ไม่ใช่ว่าโหมด Autoจะเสียงดังนะครับแต่ก็ขึ้นอยู่กับอากาศตอนนั้นด้วย ตอนผมนอน ผมก็เปิด Auto เลยครับ มันก็ทำงานเงียบอยู่แล้วครับ
โหมดนี้เป็นโหมดFavorite จะเป็นการปรับระดับความแรงของพัดลมด้วยตนเองผ่านแอพ Mi Home ซึ่งถ้าเปิดความแรงพัดลมสูงสุดเสียงก็ดังเอาเรื่องอยู่ครับ(ดูได้จากคลิปรีวิว)
หมดแล้วครับสำหรับเมนูหลักที่จะแสดงต่อมา ภาพนี้คือตอนที่ผมถอดฟิลเตอร์ออกแล้วเปิดเครื่องก็ให้คิดซะว่าเราอาจจะใช้ฟิลเตอร์ของเทียบหรือกรองสั่งทำ มันก็จะขึ้นหน้านี้ให้เราใส่กรองของแท้เข้าไป แต่หน้านี้จะแสดงแค่ตอนเปิดเครื่องเท่านั้นจะไม่แสดงตลอดการใช้งานครับ
ชื่อสินค้า: Xiaomi airpurifier 2s คะแนน: |