ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh) เป็นวัสดุก่อสร้างที่มีความแข็งแรง สามารถรองรับน้ำหนักได้มาก และไม่แตก นอกจากนี้ยังสามารถทำงานได้รวดเร็ว สามารถนำตะแกรงไวร์เมชไปปูที่หน้างานแล้วเทคอนกรีตได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาตัดเหล็กเส้นตามขนาด ไม่เสียเศษ เพื่อให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย การนำเอาตะแกรงเหล็กไปใช้งานนั้น ต้องทราบขนาดของตะแกรงเหล็กไวร์เมช ระยะห่างของตะแกรงเหล็กไวร์เมช และขนาดกว้างยาวของตะแกรงเหล็ก ไวร์เมช โดยวิศกรผู้ออกแบบ จะเป็นผู้กำหนดขนาดของตะแกรงเหล็กที่ใช้ ในขั้นตอนการก่อสร้างผู้รับเหมามีหน้าที่ต้องสร้างตามแบบที่กำหนด ปัจจุบันในงานคอนกรีตเสริมเหล็กนิยมใช้ตะแกรงเหล็กไวร์เมชแทนเหล็กเส้นธรรมดา เพราะสามารถสั่งผลิตได้ตรงตามขนาด ไม่มีเศษเหล็กเหลือใช้ และตะแกรงเหล็กไสร์เมชยังช่วยลดเวลาการทำงานได้มาก ตะแกรงเหล็กไวร์เมชจึงเป็นทางเลือกที่ดีในหลายๆ ด้าน การนำเอาตะแกรงเหล็กไวร์เมชมาใช้งานแทนเหล็กเส้น ไม่จำเป็นต้องใช้เหล็กเส้นขนาดเดียวกัน เพราะตะแกรงเหล็กไวร์เมชมีคุณสมบัติในการรับแรงดึงแรงอัดได้ดีกว่า จึงสามารถลดขนาดของเหล็กเส้นลงได้ และมีพื้นที่หน้าตัดที่มากกว่า โดยใช้สูตรคำนวณพื้นที่หน้าตัด ดังนี้ 1. สูตร : การพื้นที่หน้าตัดของเหล็กเส้น AS = π D2 /4S โดย D = ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของลวด (Diameter) S = ระยะเรียงของเส้นลวด (Spacing) 2. สูตร : คำนวณพื้นที่หน้าตัดของเหล็กเส้นธรรมดา (SR24) เปรียบเทียบกับตะแกรงเหล็กไวร์เมช AS (x) = AS x FS1 / FS2 AS(x) พื้นที่หน้าตัดของตะแกรงเหล็กไวร์เมช FS1 ค่าแรงดึงของเหล็กเส้น FS(Mild Steel) FS2 ค่าแรงดึงของตะแกรงเหล็กไวร์เมช FS(Wire Mesh) ตัวอย่างการคำนวณ กำหนดเหล็กธรรมดา D Ø 6.0 มม. @ 10 ซม. ( SR 24 ) จาก ASx = AS x FSๅ / FS2 AS = πD2 / 4S AS = π × 6 x 6 / 4 × 0.10 AS = 282.6 (ซม.2/ม.) ASx = (282.6 x 1200) / 2750 ASx = 123.3 (ซม.2/ม.) สรุป สามารถใช้ตะแกรงเหล็กไวร์เมช ขนาด Ø 5.0 มม. @ 15 ซม. แทนได้ ( ตะแกรงเหล็กไวร์เมช ขนาด Ø 5.0 มม. @ 15 ซม. : ASx = 131 ซม.2/ม.) |