ก นของหวานย อยๆ ม โทษ ค ณอย างไรบ าง

1. น้ำหนักพุ่ง ไขมันเพียบ น้ำตาลในอาหารหรือเครื่องดื่มรสหวานจะมีอยู่ในปริมาณมาก เมื่อเทียบกับปริมาณของอาหารและเครื่องดื่ม และด้วยรสชาติที่หวานอร่อยจึงทำให้เรากินได้เรื่อย ๆ โดยน้ำตาล 1 ช้อนชา ให้พลังงานถึง 16 กิโลแคลอรี ดังนั้น การกินปริมาณน้ำตาลต่อวันมากจนเกินไป จึงทำให้ร่างกายได้รับพลังงานส่วนเกินและถูกนำไปเก็บในรูปแบบของไขมันส่วนเกินตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นขา เป็นต้น และนำไปสู่การเกิดโรคอ้วนในที่สุด

2. ดูโทรม ผิวหน้าไม่เรียบเนียน เพราะน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นหลังจากกินอาหารรสหวาน ร่างกายจะหลั่งอินซูลินออกมาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แต่เมื่ออินซูลินสูงขึ้นก็จะกระตุ้นทำให้ insulin-like growth factor-1 (IGF-1) มากขึ้นด้วย ซึ่งสารตัวนี้จะทำให้ผิวหนังหนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีการอุดตันของไขมันใต้ผิวหนังจนก่อให้เกิดสิวในที่สุด อีกทั้งน้ำตาลที่กินเข้าไปจะทำให้เกิดปฏิกิริยา ไกลเคชั่น (Glycation) ระหว่างน้ำตาลและโปรตีน ทำให้เกิดสารที่มีชื่อว่า Advanced Glycation End-Products (AGEs) ซึ่งเป็นสารที่จะไปทำลายชั้นคอลลาเจนและโปรตีนใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นจุดด่างดำและริ้วรอยต่าง ๆ

3. เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง เพราะการกินน้ำตาลที่มากเกินไป จะทำให้เกิดการสะสมเป็นไขมันและก่อให้เกิดโรคอ้วน ซึ่งการเกิดโรคอ้วนนั้นมีความสอดคล้องกับการเกิดโรคต่าง ๆ ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs อีกทั้งมีผลต่อเรื่องของระดับความดันในเลือดด้วย เราจึงควรหลีกเลี่ยงหรือค่อย ๆ ลดน้ำตาลในอาหารและเครื่องดื่มลง

4. เสี่ยงต่อการเกิดไขมันพอกตับ เพราะเมื่อร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลต่อวันมากจนเกินไป ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ตับจึงนำน้ำตาลเหล่านั้นมาเก็บในรูปของไขมันสำหรับเป็นพลังงานสำรอง และถ้าเรายังกินน้ำตาลในปริมาณมากและมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงอยู่ ก็จะส่งผลให้มีไขมันที่ตับมากขึ้นจนเกิดเป็นไขมันพอกตับ

5. ตับอ่อนทำงานหนัก เพราะตับอ่อนมีหน้าในการผลิตฮอร์โมน อินซูลิน ที่มีหน้าที่ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แต่ถ้าหากเรากินรสหวานจนร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลต่อวันเกินความต้องการ ทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอยู่เสมอ อาจส่งผลให้ตับอ่อนเกิดความเสียหาย และไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอ จนไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้

6. ปัญหาช่องปากและฟัน เพราะน้ำตาลโดยเฉพาะน้ำตาลทรายหรือซูโครส ถือเป็นอาหารที่สำคัญของแบคทีเรียที่อยู่ในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ฟันผุ ดังนั้น ควรบ้วนปากและแปรงฟันหลังกินอาหารหวาน ๆ ทุกครั้ง

ก นของหวานย อยๆ ม โทษ ค ณอย างไรบ าง

แล้วถ้าเราอยากจะลดหวานที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพต้องทำอย่างไร? เพื่อให้ร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลต่อวันอย่างพอเหมาะ ลองมาดู 4 วิธีลดน้ำตาลกันได้เลย

4 เทคนิคคุมปริมาณน้ำตาลต่อวัน กินหวานอย่างเฮลท์ตี้

1. เลือกเครื่องดื่มหวานน้อย เพราะเครื่องดื่มในท้องตลาดปัจจุบันนั้นมักมีน้ำตาลอยู่ในปริมาณมาก ดังนั้นก่อนดื่มอย่าลืมเลือกเครื่องดื่มที่ไม่ใส่น้ำตาลเพิ่มหรือลดน้ำตาลลง ถ้าเป็นเครื่องดื่มชงแนะนำให้สั่งลดระดับความหวานให้มีน้ำตาล 0%, 25%, 50% แทน และพยายามเลี่ยงน้ำอัดลมหรือน้ำผลไม้ที่มีการเติมน้ำตาลทรายหรือน้ำตาลซูโครส ช่วยควบคุมปริมาณน้ำตาลต่อวันที่ร่างกายจะได้รับอย่างพอดี แล้วหันมาดื่มน้ำเปล่า ที่ช่วยฝึกให้ลิ้นค่อย ๆ เลิกติดรสชาติหวาน และน้ำเปล่ายังช่วยคืนความสดชื่นให้ร่างกายอย่างเพียงพอเพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น

2. อ่านฉลากโภชนาการ เลือกผลิตภัณฑ์ลดน้ำตาลลง อ่านฉลากสักนิดว่าน้ำตาลเยอะหรือเปล่า? วิธีนี้จะช่วยให้เรารู้ปริมาณน้ำตาลที่จะได้รับจากการกิน เพื่อเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากเกินไป หรือตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลน้อยกว่า ลดน้ำตาลทรายที่ใส่เพิ่ม หรือใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยหลีกเลี่ยงและลดการกินน้ำตาลลงได้ รวมถึงแนะนำให้จำปริมาณน้ำตาลต่อวันว่าไม่ควรเกิน 16 กรัม/วันสำหรับผู้หญิง และไม่ควรเกิน 20 กรัม/วันสำหรับผู้ชาย เพื่อใช้เปรียบเทียบกับปริมาณน้ำตาลที่ระบุบนฉลากคร่าว ๆก่อนซื้ออาหารได้

3. เลือกผลไม้หวานน้อย การกินผลไม้แทนขนมเป็นอีกวิธีลดน้ำตาลทรายหรือน้ำตาลซูโครสได้ โดยแนะนำให้เลือกผลไม้ที่มีรสหวานน้อย เช่น แอปเปิล ฝรั่ง กล้วย แก้วมังกร หรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี เป็นต้น จะทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลจากธรรมชาติ พร้อมทั้งยังมีใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ ที่ดีต่อร่างกาย แต่ควรจำกัดปริมาณการกินให้เหมาะสมไม่ให้มากจนเกิน 3 – 4 ส่วนต่อวันเช่นกัน

4. มองหา “สัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ” เป็นวิธีการเลือกซื้อของให้ดีต่อสุขภาพอย่างง่าย เพียงแค่สังเกตสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ ที่จะช่วยบอกว่าผลิตภัณฑ์นั้นผ่านการตรวจสอบปริมาณน้ำตาล ไขมัน โซเดียม ว่าอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งเป็นวิธีลดน้ำตาลที่สามารถทำตามได้ไม่ยาก ซึ่งจะช่วยให้ตัดสินใจเลือกอาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพในง่ายขึ้น ช่วยให้เราสามารถหลีกเลี่ยงการกินรสหวานจัด และจำกัดปริมาณน้ำตาลต่อวันที่ร่างกายจะได้รับให้พอเหมาะ และแม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสัญลักษณ์นี้แล้วแต่ควรกินในปริมาณที่แนะนำไม่มากจนเกินไป

ก นของหวานย อยๆ ม โทษ ค ณอย างไรบ าง

นอกจาก 4 เทคนิคที่ช่วยลดน้ำตาลจากอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อให้ร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลต่อวันอย่างเหมาะสมแล้ว ควรออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอครั้งละ 30 นาทีขึ้นไป 3 - 5 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือใช้การทำงานบ้านเพื่อเพิ่มการเผาผลาญพลังงานส่วนเกินให้แก่ร่างกายด้วย เพื่อที่จะให้ร่างกายของเรายังแข็งแรงห่างไกลจากโรคต่าง ๆ และทุกคนสามารถหันมาดูแลสุขภาพตัวเอง แบบที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตแต่ละคนได้ง่าย ๆ ด้วยเคล็ดลับสุขภาพ 3อ.MEสไตล์ คลิก