ยาเม็ดคุมกำเนิดที่เรารู้จักกัน มักจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของการเลือกคุมกำเนิด พอ ๆ กับการใช้ถุงยางอนามัย เนื่องจากสามารถหาซื้อได้ง่าย และสะดวกต่อการใช้ จึงกลายเป็นตัวเลือกแรก ๆ ในการใช้คุมกำเนิด แต่ถ้าเราอยากจะกลับมาตั้งท้องได้ เราจะต้องหยุดยาเม็ดคุมกำเนิดนานขนาดไหนกันนะ? Show
เริ่มหยุดยาเม็ดคุมกำเนิดเมื่อใด และประจำเดือนจะกลับมาช่วงไหนเมื่อใดก็ตามที่เราวางแผนที่จะตั้งครรภ์ เราสามารถเริ่มหยุดการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดได้เลย โดยในช่วงแรก ๆ หลังจากหยุดการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ประจำเดือนของเราอาจจะยังไม่กลับมาตามปกติ และอาจจะใช้เวลาสักพักจนกว่าประจำเดือนของเราจะกลับมา เนื่องจากร่างกายกำลังปรับร่างกายให้เข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมของร่างกายแต่ละคนอีกด้วย เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า การมีประจำเดือนในแต่ละเดือน เป็นสิ่งที่บ่งบอกการทำงานของระบบสืบพันธุ์ได้เป็นอย่างดี เราสามารถคำนวณวันตกไข่ได้จากรอบประจำเดือน ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ประจำเดือนของเราจะกลับมาหลังจากการหยุดใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจจะทำให้ประจำเดือนยังไม่กลับมา หลังจากหยุดใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด เช่น น้ำหนักร่างกาย ความเครียด ความผิดปกติของร่างกายอย่าง ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) เป็นต้น ควรจะรอหลังจากหยุดยาเม็ดคุมกำเนิดนานขนาดไหน ก่อนที่จะเริ่มวางแผนตั้งท้องหลังจากการหยุดใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแล้ว ในบางคนประจำเดือนอาจจะกลับมาตามปกติ โดยควรใช้เวลารอหลังจากการหยุดใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดประมาณ 3 เดือน ก่อนที่จะเริ่มวางแผนตั้งท้อง เพื่อให้รอบประจำเดือนของเราปรับตัวให้สมดุล และให้มดลูกกลับมาผลิตไข่ใหม่ได้ตามรอบปกติ แต่ไม่ต้องกังวลไป หากเราหยุดยาเม็ดคุมกำเนิดในช่วงเดือนแรก แล้วประจำเดือนยังไม่กลับมา ก็เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน แล้วจะกลับมาตั้งท้องได้เมื่อไหร่ที่จริงแล้ว เราสามารถตั้งครรภ์หลังจากการหยุดใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดได้เลย เนื่องจากฮอร์โมนที่อยู่ในยาเม็ดคุมกำเนิด จะไม่หลงเหลือในระบบร่างกายหลังจากการหยุดใช้ เราจึงสามารถมีโอกาสที่จะตั้งท้องได้ ดังนั้น หลังจากการหยุดใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด หากประจำเดือนยังไม่กลับมา ควรลองใช้ที่ตรวจการตั้งครรภ์ เพื่อเช็กว่าเราท้องหรือไม่ แม้ว่าอาการขาดประจำเดือนหลังจากการหยุดใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด จะเป็นอาการปกติก็ตาม มีอะไรที่ต้องกังวลหลังจากการหยุดยาเม็ดคุมกำเนิดหรือไม่มีผลการศึกษาพบว่า การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดอาจจะทำให้ขาดสารอาหารบางตัวไป เช่น กรดโฟลิก, วิตามินบี 2, วิตามินบี 6, วิตามินบี 12, วิตามินซี, วิตามินอี, แมกนีเซียม, ซีลีเนียม และสังกะสี โดยสารอาหารเหล่านี้ มีส่วนช่วยสำคัญต่อระบบเจริญพันธ์ ดังนั้น หลังจากการหยุดใช้ หรือในช่วงขณะที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดก็ตาม ควรเสริมสร้างสารอาหารเหล่านี้ให้กับร่างกาย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เราหยุดใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด เพื่อเตรียมตัวตั้งท้องแล้ว ควรเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนในการตั้งครรภ์ต่อไป นอกจากนี้ ควรหมั่นดูแลสุขภาพ เข่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดสูบบุหรี่ หรือการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น ซึ่งการดูแลสุขภาพเหล่านี้ จะช่วยให้ว่าที่คุณแม่มีร่างกายที่พร้อมสำหรับการตั้งท้องค่ะ คือ ยาที่รับประทานหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้คาดการณ์ เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การถูกล่วงละเมิดทางเพศ การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน เกิดความผิดพลาดในการคุมกำเนิด (ถุงยางอนามัยชำรุด) เป็นต้น โดยยาคุมฉุกเฉินมีตัวยาสำคัญคือ เลโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) ซึ่งมีผลรบกวนกระบวนทำงานโดยป้องกันหรือชะลอการตกไข่ (ปล่อยไข่ออกจากรังไข่) หรือป้องกันการปฏิสนธิ (การรวมตัวของสเปิร์มและไข่) รวมทั้งส่งผลเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูกเพื่อทำให้ยากต่อการฝังตัวของไข่ที่ผสมกับอสุจิแล้ว ยาคุมฉุกเฉินมีกี่รูปแบบยาคุมฉุกเฉินมี 2 รูปแบบ แบ่งได้ตามปริมาณของตัวยาลีโวนอร์เจสเตรล ซึ่งควรกินยาคุมฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันทันที หรือ อย่างช้าไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมง
เป็นยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดครั้งเดียว ปริมาณ 1.5 มิลลิกรัม จะรับประทานเพียง 1 เม็ด
เป็นยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด เม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม ที่ต้องทานให้ครบ 2 เม็ด เป็นการทานเม็ดแรกหลังจากมีเพศสัมพันธ์และรับประทานเม็ดที่สองห่างจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง กินยาคุมฉุกเฉินแล้วเมนไม่มา เกิดจากอะไรหลังจากที่กินยาคุมฉุกเฉินแล้วเมนไม่มา นั้นอาจเกิดจากรอบเดือนแปรปรวนไปจากเดิม โดยรอบเดือนปกติอาจล่าช้า, มาเร็วกว่าปกติ หรือหยุดชะงักได้ นอกจากนี้ ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก หรือ การออกกำลังกาย อาจส่งผลต่อรอบเดือนได้เช่นกัน วิธีการเช็กโอกาสในการตั้งครรภ์ เมื่อกินยาคุมฉุกเฉินแล้วเมนไม่มาเมื่อทราบว่าตนเองกินยาคุมฉุกเฉินแล้วเมนไม่มา อาจประเมินโอกาสของการตั้งครรภ์ได้จากระยะเวลาที่กินยาคุมฉุกเฉิน รวมถึงปัจจัยต่าง ๆ เพราะยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ไม่ได้รับประกันว่าจะไม่ตั้งครรภ์ แบ่งได้ตามกรณี ดังนี้
|