Ford fiesta 1.0 ecoboost sport titanium ด ม ย

ford fiesta 1.0 เครื่องยนต์ Ti - VCT GTDi

เครื่องยนต์เก๋งปัจจุบันของฟอร์ด จะมีอยู่ 3 รุ่นนะครับ 1 Ti-VCT ติดตั้ง เฟียสต้า 1.5,1.6 โฟกัส 1.6 และ eco sport 1.5 ที่กำลังจะเปิดตัว แรงม้าจะเรียงได้ 109,121,125,110 ดังนี้ครับ 2 Ti-VCT GDi ติดตั้ง ที่ โฟกัส 2.0 แรงม้า 170 แรง 3 Ti-VCT GTDi หรือเครื่อง ecoboost อาศัย ร่าง Fiesta MC อวตาลมา ทั้งหมดที่บอกมาประกอบในไทยนะครับ ระบบส่งกำลังจะเป็น powershift 6speed ทั้งหมด ปล ecoboost ไม่ใช่ eco car ถึงเครื่องจะ 1.0 ก็เถอะครับ แต่ Segment

ก่อนเข้าเทสต์ไดรฟ์ก็มีเจ้าหน้าที่จากฟอร์ดมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัว ฟอร์ด เฟียสต้า อีโคบูสต์ (Ford Fiesta EcoBoost) ตั่งแต่เครื่องยนต์ อีโคบูสต์ (EcoBoost) ที่กว้างและยาวเทียบเท่าขนาดของกระดาษ A4 ซึ่งเครื่องยนต์แบบ 3 กระบอกสูบ มีความจุรวมกันเพียง 998 ซีซี ติดตั้งเทอร์โบ ให้พลังถึง 125 แรงม้า และจุดสำคัญคือแรงบิด 170 นิวตันเมตรแบบแฟลตทอร์คที่ 1,400-4,500 รอบต่อนาที แรงสะใจทุกครั้งที่เท้าแตะคันเร่ง โดยเครื่องยนต์นี้การันตีด้วยรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมของโลก 2 ปีซ้อน (2012-2013) ซึ่งเดี๋ยวเราจะได้ลองมาเทสต์ความสามารถกันจริง ๆ กัน

นอกจากนี้ภายนอกของรถยังได้มีการปรับโฉมตามแนวทางของฟอร์ด ที่กระจังหน้ารูปสี่เหลี่ยมคางหมู หรูหราขึ้นกับแถบโครเมียมรอบคัน ทั้งในส่วนของกระจังหน้า กันชนหน้า ฝากระโปรงหน้ามีเส้นสายที่ลู่ลมและนูนขึ้นแบบพาวเวอร์โดม

ภายในนั้นโดดเด่นที่ระบบอินโฟเทนเมนต์ FORD SYNC ที่จะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของเราด้วยบลูทูธหรือยูเอสบีก็ได้ พร้อมจะสนองทุกความต้องการของคุณด้วย "เสียง" โดยจากการทดลองใช้จริงพบว่าตอบสนองดีเยี่ยม ถึงแม้ต้องออกคำสั่งภาษาอังกฤษแต่สามารถใช้สำเนียงแบบไทย ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา (ลองออกเสียงแบบโทนนิ่ง ๆ ก็ตอบสนองอย่างถูกต้อง) รูปแบบคำสั่งไม่ซับซ้อนอย่าง คอล...(ตามด้วยชื่อ) ก็จะโทรไปยังชื่อของเพื่อนที่เซฟไว้ในโทรศัพท์ทันที (ค่อนข้างแม่นยำมาก อ่านชื่อภาษาไทยได้) นอกจากนี้ยังใช้ระบบคำสั่งเสียงอ่านข้อความในโทรศัพท์ ปรับ เลือก-เล่น-เปลี่ยน เพลงได้ตามสั่งอีกด้วย

ต่อมาก็ถึงขั้นตอนเทสต์รถ ในส่วนของ ฟอร์ด เฟียสต้า อีโคบูสต์ (Ford Fiesta EcoBoost) นั้นจะมี 4 สเตทหลักคือ ด่านหักลบกรวยซ้ายขวาไปมา, ด่านทางตรง, ด่านเทโค้งยาว และด่านขึ้นทางชัน

โดยเริ่มที่ด่านแรก การหักหลบกรวยซ้ายขวาไปมา ได้ทดสอบการเลี้ยว-การตอบสนองของพวงมาลัยในเวลาเข้าโค้งที่คดเคี้ยวซึ่ง เฟียสต้า อีโคบูสต์ ทรงตัวได้ดี พวงมาลัยตอบสนองการเลี้ยวได้อย่างดีเยี่ยม

ด่านที่สองทางตรงยาว โชว์ศักยภาพของเครื่องยนต์อีโคบูสต์ โดยให้เหยียบคันเร่งเต็มที่ในระยะทางประมาณ 400 เมตร จากที่ทดสอบบอกเลยว่าแรงมากถึงขนาดหลังติดเบาะ และก่อนถึงโค้งแอบชำเลืองไปมองเข็มไมล์ได้ความเร็วที่ 85 กม./ชม. แล้วเผลอเหยียบเบรกตามสัญชาตญาณ ที่รู้สึกว่าเหยียบต่อแล้วจะเลี้ยวไม่ปลอดภัย

ในจุดนี้ขอบอกว่าก่อนเทสต์ยังคิดว่าเครื่องแค่ 1.0 ลิตร จะแรงสักแค่ไหน แต่เมื่อได้ลองด่านนี้จบ ยังคิดในใจว่าเผลอ ๆ เครื่อง 1,600 ซีซี มาแข่งทางตรงในระยะหนึ่งกม. คงสู้เครื่องอีโคบูสต์ไม่ได้ (ส่วนทางยาวกว่านี้ต้องขอลองเพิ่มอีกหน่อย)

ด่านที่ 3 ด้านเทโค้งยาว ซึ่งใช้ทดสอบระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP ตัวเฟียสต้าเองทำได้ดี เพราะเหยียบคันเร่งขณะเข้าโค้งก็ยังรู้สึกถึงแรงเหวี่ยงในห้องโดยสารน้อยกว่าปกติ

ด่านที่ 4 ขึ้นทางลาดชัน ใช้สอบระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน Hill Launch Assist โดยการเหยียบเบรกขณะรถขึ้นทางชันตัวระบบเองจะมีการล็อกรถอยู่กับที่แม้ถอนเท้าออกจากเบรก เพื่อให้ช่วงสับเบรกไปคันเร่ง รถไม่ถอยและออกตัวได้อย่างราบเรียบและต่อเนื่อง

สำหรับช่วง Motor Drive ในสัปดาห์นี้ เราจะพาคุณไปทดสอบสมรรถนะของรถ Sub-Compact ที่กำลังเป็นที่กล่าวขวัญถึงจากค่าย Ford ซึ่งมีขุมพลังที่ดีที่สุดในโลกเป็นจุดขาย กับ Ford Fiesta EcoBoost ใหม่ แบบเจาะลึกกันอีกครั้ง ในรุ่น 4 ประตู หลังจากที่ได้ชมรีวิวในแบบ Group Test กันไปแล้วก่อนหน้านี้

Fiesta History

Fiesta เริ่มต้นสร้างชื่อให้โลกรู้จักครั้งแรกในปี 1976 กับรถไซด์เล็กทรงเหลี่ยม 3 ประตู รหัส MK1 และเปลี่ยนสู่โมเดลที่ 2 รหัส MK2 ในปี 1983 จากนั้นปี 1989 Fiesta เริ่มออกแบบให้โค้งเว้ามากขึ้นในโมเดลที่ 3 รหัส MK3 ต่อเนื่องจนถึง รุ่น MK4 ซึ่งเปิดตัวปี 1996 ต่อด้วยโมเดลที่ 5 ที่ดูลงตัวมากขึ้น รหัส MK5 ปี 2002 และทำตลาดมาจนถึงปี 2008 จึงปลดระวาง

ก่อนจะเปิดตัวในโมเดล ที่ 6 ซึ่งถือเป็นโมเดลที่แจ้งเกิดในบ้านเรา รหัส MK6 ซึ่งมีทั้ง รุ่น 3 , 4 และ 5 ประตู รวมถึงรุ่น Van ในตลาดโลก ส่วนที่เมืองไทยนั้นมีแค่ตัว 4 ประตู กับ 5 ประตู ที่เปิดตัวตามมาติดๆ ในรุ่น 1.4 และ 1.6 ลิตร พร้อมเกียร์คลัทซ์คู่ ที่ถือเป็นจุดที่ทำให้ Fiesta ดูดีกว่าคู่แข่งในคลาสเดียวกันในตอนนั้น ก่อนที่จะส่งตัว 1.5 ลิตร มาเพื่อตอบรับแคมเปญคืนภาษีรถคันแรก พร้อมโกยยอดขายไปเป็นกอบเป็นกำ

จากนั้นจึงเป็นคิวของ Fiesta EcoBoost ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2012 กับรูปลักษณ์ใหม่ ที่มาพร้อมสุดยอดเทคโนโลยีแห่งขุมพลัง ที่ได้รับรางวัล Engine of the Year 2 ปีซ้อน ก่อนจะเปิดตัวในบ้านเราเมื่อช่วงต้นปี 2013 เพื่อเรียกน้ำย่อย และพร้อมทำตลาดจริงปลายปีที่ผ่านมา โดยมีให้เลือกทั้งรุ่น 4 และ 5 ประตู ซึ่งเคาะราคาไว้เท่ากันที่ 779,000 บาท

Design&Interior

Fiesta EcoBoost ใหม่ ได้มีการปรับโฉมใหม่หมด ถอดแบบงานดีไซน์มาจากรุ่นใหญ่อย่าง Mondeo โดยเฉพาะตัว 4 ประตูคันนี้ ไม่ว่าจะเป็นกันชนหน้าที่เพิ่มความสปอร์ตด้วยช่องดักลมขนาดใหญ่ แบบ 2 ชั้น ล้อมด้วยกรอบโครเมี่ยม พร้อมช่องไฟตัดหมอกที่เรียวยาวรับกับไฟหน้าออโต้ ดีไซน์โฉบเฉี่ยว และปราดเปรียวมากขึ้น ซึ่งเพิ่มระบบส่องนำทางตอนเลี้ยวมาให้ รวมถึงฝากระโปรงที่เพิ่มเส้นสายที่ชัดเจนดูแข็งแกร่งในสไตล์ Ford

ที่ด้านข้างมีการเปลี่ยนล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 16 นิ้ว รัดด้วยยาง Continetal ไซด์ 195/50R16 และกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวที่เพิ่มไฟส่องนำทางมาให้ รวมถึงสวิทซ์เปิดประตู พร้อมกุญแจ Keylees ที่ทำงานควบคู่กับปุ่มสตาร์ทเคร่ืองยนต์ ก่อนจะจบที่บั้นท้ายที่เพรียวขึ้น ทั้งฝากระโปรงและสปอยเลอร์หลังแบบตูดเป็ด รับกับกันชนท้ายดีไซน์ใหม่ ที่ดูบึกบึนและเพิ่มอารมณ์หรูด้วยแถบโครเมี่ยมคาดกลาง เช่นเดียวกับไฟท้ายที่เรียวยาวกว่ารุ่นเดิม

ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นถูกปรับเปลี่ยนให้ดูหรูหราและทันสมัยมากขึ้นบนดีไซน์เดิมจากรุ่นที่แล้ว ตั้งแต่โทนสีเบจ สลับดำ เดินเส้นด้วยสีเงินเมทัลลิก โดยเฉพาะที่คอนโซนหน้าที่เปลี่ยนกรอบมาเป็นแบบ Piano Black เช่นเดียวกับมือจับประตู มาตรวัดและแสงสีจากสวิทซ์ต่างๆเปลี่ยนจากสีแดงมาเป็นฟ้าและเพิ่มมาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองที่มี Eco Mode และที่สำคัญรุ่นนี้เพิ่มไฟส่องสว่างห้องโดยสารมาให้เป็น 2 จุด รวมถึงออฟชั่นต่างๆ เช่น จอแสดงผลข้อมูลขนาด 3.5 นิ้ว พร้อมฟังชั่นแสดงภาพกราฟฟิกจากเซ็นเซอร์ถอยหลัง ระบบสั่งการด้วยเสียง SYNC เชื่อมต่อผ่าน BlueTooth แบบเดียวกับใน Focus

สรุปแล้ว Ford ได้ทำการลบจุดด้อยและเพิ่มจุดเด่นให้กับ Fiesta ใหม่ ค่อนข้างลงตัว ทั้งหน้าตาที่ดูหล่อขึ้น รวมถึงออฟชั่นไฮเทคต่างๆที่มีให้ใช้งานมากขึ้น สมกับค่าตัวที่เพิ่มอีกแค่ 2 หมื่น จาก รุ่น 1.6 ลิตร ตัวท็อป

Engine&Performance

สำหรับขุมพลังเล็กพริกขี้หนูใต้ฝากระโปรงนั้น ถึงแม้จะเป็นแค่เครื่องเบนซิน 3 สูบ บล็อกเล็ก ความจุแค่ 1.0 ลิตร แต่รับรองว่าพิษสงเหลือร้าย สมกับที่ได้รางวัล เครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีจริงๆ

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้มันคว้ารางวัลนี้มาได้แบบไม่ต้องยัดใต้โต๊ะ นั่นคือเทคโนโลยีต่างๆ อันทันสมัย ที่ช่วยให้ Fiesta EcoBoost ตอบโจทย์ได้แบบครบเครื่อง ทั้งอัตราเร่งที่ขับสนุกและอัตราสิ้นเปลืองที่ประหยัดได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นระบบฉีดจ่ายน้ำมันแบบฉีดตรง GTDi และระบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย Twin VCT รวมถึงระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จ ที่ส่งผลให้มันมีพละกำลังเทียบเท่าเครื่องขนาด 1.6 ลิตร ด้วยแรงม้าสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุดอีก 170 นิวตันเมตร ซึ่งมีให้ใช้งานในช่วงกว้างตั้งแต่รอบต่ำที่ 1,400-4,500 รอบ/นาที ที่ส่งถ่ายกำลังผ่านเกียร์คลัทซ์คู่ PowerShift 6 สปีด ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมสวิทซ์เปลี่ยนเกียร์แบบธรรมดาที่หัวเกียร์

จากการที่ได้ขับทดสอบ รู้สึกได้ทันทีถึงความแตกต่าง หลังกดคันเร่งเต็มแรง ซึ่งมีช่วงหน่วงเล็กน้อย ก่อนจะพบกับแรงดึงจนหน้าหงายตั้งแต่ 1,500 รอบ ให้จังหวะการตอบสนองที่ดีกว่าเครื่อง 1.6 ลิตร แบบ NA จากกำลังเสริมที่ได้จากเทอร์โบตัวจิ๋ว ที่ทำให้มันขับสนุกตั้งแต่ออกตัว โดยเฉพาะช่วงสปีดต้น ส่วนช่วงเร่งแซงก็หายห่วง แค่เติมคันเร่งมันก็พุ่งทะยานต่อเนื่อง เรียกว่าแรงแบบเนียนๆ หรือจะ Shift เกียร์เองในโหมด S ที่หัวเกียร์ ที่อาจไม่ถนัดมือนัก แล้วลากรอบให้สุดๆ ก็ยิ่งมัน เรียกว่าโชว์เก๋าได้ เหนือรถเล็กรถใหญ่แบบไม่ต้องกลัวใคร

ส่วนผลตัวเลขที่ได้จากการทดสอบนั้น Fiesta EcoBoost ในการขับแบบปกติจะรอบเครื่องยนต์ค่อนข้างต่ำ ที่ความเร็ว 80 รอบจะอยู่ที่ 1,750 รอบ ก่อนจะขยับเป็น 2,150 รอบ ที่ 100 กม. และ 2,650 รอบ ที่ 120 กม. และทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยได้ 16.78 กม./ลิตร จากการขับใช้งานจริงในเมืองและนอกเมืองที่ความเร็วประมาณ 50 กม./ชม. บนระยะทางกว่า 200 กม.

สุดท้ายคือผลอัตราเร่ง ที่รับรองว่าถูกใจวัยโจ๋ขาซิ่งแน่นอน Fiesta EcoBoost ทำอัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 10.8 วินาที ก่อนจะทะยานต่อเนื่องไปถึง 180 กม./ชม. ด้วยเวลา 49.2 วินาที ก่อนจะไหลยาวถึง Top Speed ที่ทะลุระดับ 200 กม./ชม ได้อย่างไม่น่าเชื่อว่าเครื่องแค่ 1 ลิตรจำแรงได้ขนาดนี้

Handling&Ride&Brake

ส่วนระบบกันสะเทือนยังคงใช้พื้นฐานเดียวกับรุ่นเดิม คือด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท ที่มีการปรับจูนใหม่เพื่อรองรับกับน้ำหนักเครื่องยนต์ที่ลดลงกว่าเดิม ส่วนด้านหลังที่เป็นแบบกึ่งอิสระทอร์ชั่นบีม ก็มีการเพิ่มบุช สำหรับดูดซับแรงกระแทกเพิ่มเติม ซึ่งให้ความรู้สึกกระชับและเฟิร์มสไตล์รถซิ่ง ที่ไม่ถึงกับนิ่มนวลแต่ก็ไม่ได้กระด้างจนเกินรับได้

บวกกับ Handling ที่ยอดเยี่ยมในสไตล์ฟอร์ด ด้วยพวงมาลัยไฟฟ้า EPAS ซึ่งให้การตอบสนองแบบแน่นๆและแม่นยำ รวมถึงการแปรผันน้ำหนักที่เหมาะสม ให้ความคล่องตัวที่ความเร็วต่ำ และที่ความเร็วสูงก็มีความหนืดและตึงมือกำลังดี ถึงแม้จะขับด้วยความเร็วกว่า 150 กม./ชม. พวงมาลัยก็ยังให้ความหนักแน่นมั่นคง ทำให้ขับมันได้อย่างมั่นใจ ทั้งทางตรงและทางโค้งที่เข้าได้แบบเนียน แบบไม่เสียอาการ จะมีก็แค่เสียงยางที่เบียดกับถนนให้พอได้ฟิว

ก่อนจะปิดท้ายด้วยระบบเบรก ที่ค่อนข้างขัดใจ แบบหน้าดิสก์/หลังดรัม ซึ่งให้การตอบสนองที่ค่อนข้างไว ไม่ต้องออกแรงมากก็พอเอาอยู่ แต่ถ้าให้ดีน่าจะจัดดิสก์ 4 ล้อ รับรองหล่อขึ้นและหนึบขึ้นแน่นอน ส่วนระบบความปลอดภัยนั้นนอกจาก ABS , EBD และ TCS ที่ยกชุดมาจากรุ่นเดิมแล้ว คันนี้ยังเพิ่มระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP มาให้ขาซิ่งได้อุ่นใจ รวมถึงระบบช่วยออกตัวบนทางชัน HLA สำหรับสาวๆมือใหม่ เอาไว้ตอนขึ้นห้างจะได้ไม่ไหลไปเจิมคันหลัง

Tester Verdict

สรุปแล้ว Ford Fiesta EcoBoost ใหม่ คันนี้ดูดีไปแทบจะทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาที่หล่อเนียบมากยิ่งขึ้น อีกทั้งภายในห้องโดยสารยังดูดีและตอบสนองการใช้งานได้ค่อนข้างครบมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือขุมพลังที่เจ๋งเกินคาดสมแล้วที่มีรางวัลการันตีถึง 2 ปี ทั้งขับสนุกเกินตัว และไม่กินน้ำมันจนเกินไป นี่ยังไม่นับ Handling ที่ขับได้เหนือชั้นกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน เพียงเท่านี้ถ้าใครยังคิดว่าค่าตัวเจ็ดแสนปลายนั้นแพงไป นั้นเชื่อได้เลยว่าคุณยังไม่ได้ลองขับมัน เพราะถ้าลองขับแล้วถึงจะรู้ว่าคำตอบคืออะไร..