การมีเลือดออกจากช่องคลอดในระหว่างตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่พบ 2 ช่วง คือ ช่วงครึ่งแรกของการตั้งครรภ์ (ช่วงอายุครรภ์ไม่เกิน 20 สัปดาห์) และช่วงครึ่งหลังของการตั้งครรภ์การมีเลือดออกทางช่องคลอดสำหรับการตั้งครรภ์ไม่ใช่เรื่องปกติ ต้องรีบมาพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจสอบสาเหตุของเลือดที่ออกว่าเป็นอันตรายหรือไม่ มีโอกาสแท้งมากน้อยแค่ไหน หรือมีที่มาจากสาเหตุใด
- การแท้งคุกคาม คือ มีเลือดออกทางช่องคลอด ปริมาณเลือดที่ออกอาจจะมากหรือน้อยแตกต่างกันไป อาจมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ แต่ปากมดลูกไม่เปิด พบได้ในการตั้งครรภ์ช่วง 20 สัปดาห์แรก ถ้าในช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์อาจเป็นเพียงภาวะปกติที่มีเลือดออกจากตำแหน่งฝังตัวของตัวอ่อนที่เยื่อบุโพรงมดลูก ที่เรียกว่า เลือดล้างหน้าเด็ก (Placental sign or Hartman’sign) มักเกิดขึ้นหลังจากการปฏิสนธิแล้วประมาณ 3 สัปดาห์นับจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นอาการแท้งได้ การแท้งคุกคามเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น ความพิการของทารกแต่กำเนิด, ความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์
- การตั้งครรภ์โดยไม่มีตัวอ่อน หรือเรียกว่าภาวะท้องลม (Blighted Ovum) เป็นการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติชนิดหนึ่งที่เกิดจากไข่กับอสุจิผสมกันเป็นตัวอ่อนฝังตัวในระยะแรก แต่ส่วนของตัวเด็กฝ่อไปเหลือเพียงถุงการตั้งครรภ์ซึ่งไม่ฝ่อไปเอง จึงต้องมีการขูดลอกออก หรือบางกรณีถ้าฝ่อเร็วถุงการตั้งครรภ์จะเล็กมาก สามารถแท้งธรรมชาติหลุดออกมาทั้งถุงได้ในช่วง 6 สัปดาห์แรก หรือหลัง 12 สัปดาห์ ถุงสามารถหลุดได้ครบ แต่ในช่วงระยะกลาง คือหลัง 7 สัปดาห์ จนถึงก่อน 12 สัปดาห์ การแท้งมักจะไม่ครบจึงอาจมีภาวะแทรกซ้อนตกเลือดได้
- ความผิดปกติของมดลูก
- ความผิดปกติของฮอร์โมนที่มีผลกับการฝังตัว
- ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
สิ่งใด คือปัจจัยเสี่ยงของการแท้งคุกคาม
- อายุ มีประวัติเคยแท้งมาก่อน สูบบุหรี่ ดื่มสุรา การใช้สารเสพติด
แท้งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อาจเกิดขึ้นหลังจากมีอาการคุกคามของการแท้ง หรือโดยไม่มีอาการเตือนเลยตามปกติมักมีเลือดออกทางช่องคลอดปริมาณมากกว่า และรู้สึกเสียดบริเวณท้องน้อยด้านล่างอย่างรุนแรงระหว่างที่มีการแท้งบุตรปากมดลูกจะเปิด - แท้งไม่สมบูรณ์ การแท้งบุตรที่ยังไม่สมบูรณ์ เมื่อเนื้อเยื่อของการตั้งครรภ์บางส่วนยังตกค้างอยู่ในมดลูกเลือดจะยังคงออกทางช่องคลอด จนอาจมีอาการตกเลือดในบางรายได้ และมีอาการเสียดที่บริเวณท้องน้อย เนื่องจากมดลูกพยายามขับสิ่งที่ตกค้างออกให้หมด ต้องขูดมดลูกเพื่อเอาเนื้อเยื่อของการตั้งครรภ์ที่ค้างอยู่ออก
- แท้งสมบูรณ์ การแท้งบุตรที่สมบูรณ์ เมื่อเนื้อเยื่อของการตั้งครรภ์หลุดออกจากมดลูกจนหมด มีเลือดออกจากช่องคลอดหลังการแท้ง มีอาการปวดอย่างรุนแรง
- การแท้งค้าง ทารกเสียชีวิตแต่ยังอยู่ในมดลูกอาจมีของเหลวสีน้ำตาลออกจากช่องคลอด และมีอาการของการตั้งครรภ์ในระยะแรกบ้าง เช่น คลื่นไส้ อ่อนเพลีย และอาการค่อยๆ หายไป และมดลูกเล็กลงซึ่งคุณแม่อาจไม่ทราบว่าสูญเสียทารกในครรภ์ หากไม่ได้มารับการตรวจจากแพทย์
นอกจากการแท้งยังมีที่มาของการมีเลือดออกทางช่องคลอดอื่นๆ ของคุณแม่ตั้งครรภ์ นั่นก็คือการท้องนอกมดลูก และการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้มีลักษณะอาการที่คล้ายกับภาวะแท้งคุกคาม
การตั้งครรภ์นอกมดลูก เป็นภาวะที่ตัวอ่อนไปฝังตัวที่นอกโพรงมดลูก ที่พบบ่อย คือ ที่ท่อนำไข่ ซึ่งมักมีอาการปวดท้องน้อย และมีเลือดออกทางช่องคลอด ถ้ามีการแตกของถุงการตั้งครรภ์ทำให้เกิดการตกเลือดในช่องท้อง คนไข้อาจมีอาการซีด ความดันโลหิตต่ำ และเกิดภาวะช็อกได้ซึ่งอันตรายถึงชีวิต
การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก เป็นการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติ อาจมีอาการเลือดออกกะปริบกะปรอย หรือออกมากเหมือนเป็นประจำเดือน มักแพ้ท้องมาก อาจมีอาการครรภ์เป็นพิษ มีอาการบวม และอาการเลือดออกทางช่องคลอดของคุณแม่จะมีอาการคล้ายกับอาการแท้ง การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก เมื่อตรวจพบต้องทำการขูดมดลูกเพื่อนำเนื้อไข่ปลาอุกออกให้หมด เพราะมีโอกาสจะกลายเป็นมะเร็งของเนื้อรกได้
การมีเลือดออกทางช่องคลอดในช่วงครึ่ง (หลัง) ของการตั้งครรภ์ คือ ช่วงอายุครรภ์เกิน 20 สัปดาห์
- รกเกาะต่ำ ในสตรีตั้งครรภ์ปกติรกจะเกาะอยู่บริเวณส่วนบนของมดลูก หากรกมาเกาะบริเวณส่วนล่างของมดลูก และหรือคลุมมาถึงด้านในของปากมดลูกเรียกว่า ภาวะรกเกาะต่ำ
- รกลอกตัวก่อนกำหนด ภาวะที่มีการลอกตัวของรกจากตำแหน่งที่เกาะอยู่กับผนังมดลูก ทำให้มีเลือดออก และมีก้อนเลือดใต้รก ซึ่งขัดขวางการนำสารอาหารและออกซิเจนจากแม่มาให้ลูก ส่งผลทำให้เกิดการปวดท้อง เจ็บท้องคลอดก่อนกำหนด หรือรุนแรงจนทารกเสียชีวิตในครรภ์จากการขาดออกซิเจนได้
- การฉีกขาดของหลอดเลือดที่เยื่อหุ้มรกพบน้อย
จากข้อมูลข้างต้น จะทำให้ทราบว่าการที่คุณแม่เลือดออกไม่ใช่เรื่องปกติ ซึ่งสามารถเป็นปมปัญหาสุขภาพได้หลากหลาย และในบางครั้งมีอันตรายส่งผลถึงความปลอดภัยของทารกในครรภ์ ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่มีเลือดออกจากช่องคลอด หรือมีความผิดปกติเกิดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย คุณแม่ควรรีบพบแพทย์ทันที ซึ่งเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
#เลือดออกขณะตั้งครรภ์ เป็นอีกคำถามที่มาบ่อยเช่นกันค่ะ มาอ่านไปด้วยกันนะคะ...
Posted by คุยกับหมอแอน on Saturday, February 3, 2018
อาการเลือดออกกะปริบกะปรอย หรือออกเพียงเล็กน้อยในระยะการตั้งครรภ์ 6 เดือน มักไม่มีสาเหตุรุนแรงมาก นอกจากการกระทบกระเทือนของปากมดลูก เช่น การมีเพศสัมพันธ์หรือการตรวจภายใน ซึ่งบางครั้งก็ไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน แต่เป็นอาการที่จำเป็นต้องรับการตรวจจากแพทย์โดยด่วน เนื่องจากอาการเลือดออกเพียงเล็กน้อยนี้อาจเป็นอาการนำของการมีเลือดออกอย่างมากในเวลาต่อมาได้
อาการเลือดออกมากในการตั้งครรภ์ภายหลัง 6 เดือน มักมีสาเหตุจาก
รกเกาะต่ำ หรือรกเกาะที่ปากมดลูก จะเกิดขึ้นในช่วงอายุครรภ์ประมาณ 28 สัปดาห์เป็นต้นไป โดยเลือดที่ออกจะเป็นสีเลือดสด ออกมาก หรือน้อยได้พอๆ กัน
สาเหตุ: เนื่องจากในระยะใกล้คลอด บริเวณปากมดลูกจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นเพื่อเตรียมสภาวะสู่การคลอด โดยการยืดขยายตัวออก ทำให้ปากมดลูกบางตัวลง ส่งผลให้เกิดการแยกตัวของส่วนเนื้อรก และผนังมดลูกที่เกาะอยู่ทำให้มีเลือดออกทางช่องคลอด และกระตุ้นให้เกิดการหดรัดตัวของมดลูก นำไปสู่การคลอดก่อนกำหนดได้
ลักษณะอาการ: เกิดขึ้นหลังการไอ หรือหลังร่วมเพศ ไม่มีอาการเจ็บครรภ์ร่วมด้วย และมักจะเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุนำ แต่มักเกิดในระยะท้ายๆ ของการตั้งครรภ์ คืออายุครรภ์ประมาณ 7-8 เดือน
การปฏิบัติตัว: ถ้าสงสัยว่าอาการเลือดออกทางช่องคลอดเกิดจากภาวะรกเกาะต่ำ ให้คุณนอนพักบนเตียงเพื่อยืดเวลาของการคลอดให้เกิดช้าที่สุด ป้องกันภาวะท้องผูกโดยใช้ยาช่วย กินอาหารอ่อนย่อยง่าย และเน้นอาหารเพิ่มกากใย ทั้งนี้โดยปกติคุณหมอจะตรวจพบอาการได้ตั้งแต่อายุครรภ์น้อยๆ ซึ่งคุณก็จะได้รับคำแนะนำให้พักผ่อน และหลีกเลี่ยงงานหนัก ไม่ทำให้เกิดการกระทบกระเทือนใดๆ ต่อมดลูก หรือปากมดลูกที่จะทำให้รกมีการลอกตัวก่อนเวลา
พักสายตา ฟังบทความนี้ใน Audiobook คลิกเลยค่ะ
การลอกตัวของรกก่อนคลอด ลักษณะเลือดออกคล้ายเลือดประจำเดือนในวันมามาก อาจจะมีเลือดเก่าๆ ออกพร้อมลิ่มเลือด
สาเหตุ: มดลูกเกิดการกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น เช่น การตั้งครรภ์ที่มีสายสะดือสั้น ผู้ที่ได้รับแอสไพริน ผู้ที่สูบบุหรี่จัด หรือมีความดันเลือดสูง ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวเป็นผลให้รกค่อยๆ แยกตัวออกจากผนังมดลูกที่เกาะ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด
ลักษณะอาการ: อาการเลือดออกจะเกิดร่วมกับอาการปวดท้อง หรือมีอาการหดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกอย่างรุนแรง ปวดเกร็งหน้าท้อง และกดเจ็บบริเวณส่วนบนของมดลูก ถ้ามีการลอกตัวของรกมาก จะมีอาการแสดงของการเสียเลือดมากจนถึงขั้นช็อก (เป็นลม) ได้
การปฏิบัติตัว: ควรรีบไปพบแพทย์เป็นการด่วน เนื่องจากคุณหมอจะต้องเฝ้าสังเกตอาการของคุณ เพื่อดูว่าการลอกตัวของรกเกิดขึ้นมากหรือไม่ ซึ่งถ้าหากมีเลือดออกมาก อาจเป็นสัญญาณอันตรายถึงชีวิตได้ คุณหมอจะให้คุณนอนนิ่งๆ บนเตียง และทำการประเมินภาวะเลือดออกอย่างใกล้ชิด และตรวจสอบสุขภาพทารกในครรภ์สม่ำเสมอ รวมทั้งการเตรียมคลอดฉุกเฉินตลอดเวลา
การคลอดก่อนกำหนด เลือดที่ออกจะมีลักษณะเป็นมูกปนเลือด ร่วมกับอาการเจ็บครรภ์คลอด อาจมีน้ำหรือสิ่งขับออกทางช่องคลอดเป็นสีน้ำตาลจางๆ หรือสีชมพู หรืออาจมีอาการน้ำเดินหรือมูกเลือดออกทางช่องคลอด
สาเหตุ: ขึ้นอยู่กับสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์ และประวัติในการคลอดก่อนกำหนดที่ผ่านมา
ลักษณะอาการ: ปวดถ่วงท้องคล้ายปวดประจำเดือน อาจมีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย เช่น ท้องเดิน คลื่นไส้ อาหารไม่ย่อย ปวดหลัง ปวดก้นกบ และปวดร้าวไปที่หน้าขา
การปฏิบัติตัว: งดกิจกรรมการมีเพศสัมพันธ์ทันทีที่มีอาการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนด จำกัดกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหว และการใช้แรงกายทุกชนิด พยายามพักผ่อนให้มากขึ้น และควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากคุณหมอ
ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุ และอาการของภาวะเลือดออกช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ รู้ไว้เพื่อให้คุณได้ตระหนัก และมีความเข้าใจในเรื่องละเอียดอ่อนเหล่านี้ เพื่อการดูแลครรภ์คุณภาพ นั่นเพราะการให้กำเนิดชีวิตน้อยๆ เป็นภาระที่สำคัญยิ่งของผู้เป็นแม่ เช่นคุณ!