โครงการหลวง (Royal project) เป็นโครงการส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการส่งเสริมการปลูกพืชเมืองหนาวแก่ชาวเขา เพื่อเป็นการหารายได้ทดแทนการปลูกฝิ่น ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2512 เกือบ 47 ปีต่อมา…โครงการหลวงเป็นมากยิ่งกว่าโครงการส่วนพระองค์ แต่เป็นโครงการที่ช่วยให้สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเขาดีขึ้น อีกทั้งโครงการหลวงหลายแห่งได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและดึงดูดผู้คนที่ต้องการมาสัมผัสกับธรรมชาติและวิถีการเกษตรแบบยั่งยืน ดังเช่นโครงการหลวงทั้ง 10 แห่งที่เรานำมาฝากเพื่อให้ทุกคนได้ไปตามรอย Show สถานีเกษตรหลวงอ่างขางสถานีเกษตรหลวงอ่างขางเป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า “ให้ช่วยเขา ช่วยตัวเอง” มีพระราชประสงค์ให้ชาวไทยภูเขาที่พักอาศัยอยู่ตามดอยต่างๆ ทางภาคเหนือเลิกปลูกฝิ่น และทำไร่เลื่อนลอย อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ป่าไม้ และต้นน้ำลำธารของประเทศถูกทำลาย จากเดิมที่เป็นดอยหัวโล้นแปรสภาพเป็นขุนเขาแห่งความอุดมสมบูรณ์ ด้วยการวิจัยและพัฒนา พันธุ์ไม้ผลกว่า 12 ชนิด ผักเมืองหนาวกว่า 60 ชนิด และดอกไม้เมืองหนาวกว่า 20 ชนิด จุดท่องเที่ยวในสถานี - สวนแปดสิบ สวนกลางแจ้งตรงข้ามสโมสรอ่างขางเป็นสวนตกแต่งสวนสไตล์อังกฤษมีดอกไม้ ไม้ประดับปลูกหมุนเวียนตลอดทั้งปี ด้านบนยังเป็นลานต้นซากุระญี่ปุ่นจะบานช่วงเดือน ธันวาคม-มกราคม
- สวนหอม เป็นสวนที่รวบรวมพันธุ์ไม้ที่มีกลิ่นหอมทั้งในและต่างประเทศ เช่น ต้นหอมหมื่นลี้ มะลิเนปาล ลาเวนเดอร์ ถ้าเดินผ่านสวนจะรู้สึกได้กลิ่นหอมจากพรรณไม้ในสวน - โรงเรือนรวบรวมพันธุ์ผัก จัดตกแต่งด้วยผักเมืองหนาวหลายชนิด พืชสุมนไพรของโครงการหลวงให้ได้ชม - แปลงบ๊วย
ต้นบ๊วยที่นี่ปลูกตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งโครงการหลวงปัจจุบันแตกกิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาเย็นสบาย จุดท่องเที่ยวชุมชน กิจกรรมท่องเที่ยว สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ราษฎรที่อาศัยบนพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขา ซึ่งเดิมมักบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ เพื่อทำไร่เลื่อนลอปลูกข้าวไร่ ข้าวโพด และฝิ่น ส่งผลให้กลายสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชประสงค์ที่จะช่วยเหลือชาวเขาเหล่านั้นให้มีพื้นที่ทำกินเป็นหลักแหล่งส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนฝิ่น ถ่ายทอดวิชาความรู้ทางด้านการเกษตรกรแผนใหม่ เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้สูงขึ้น บุกรุกทำลายป่าไม้ ต้นน้ำลำธาร ด้วยการให้เกษตรกรหันมาทำการเกษตรแบบถาวร จึงเป็นที่มาของการจัดตั้ง “สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์” ในปี พ.ศ. 2522 ณ บริเวณบ้านขุนกลาง เพื่อเป็นสถานีวิจัยของมูลนิธิโครงการหลวงอีกแห่งหนึ่ง ดำเนินงานวิจัยด้านไม้ตัดดอก ไม้ประดับ พืชผัก และไม้ผลขนาดเล็ก รวมทั้งถ่ายทอดผลงานวิจัย อันนำไปสู่การส่งเสริมอาชีพ เพื่อให้เป็นรายได้ของครอบครัวเกษตรกรชาวเขาในหมู่บ้านรอบ ๆ สถานี ปัจจุบันสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ถือเป็นสถานีหลักในการวิจัยไม้ดอกไม้ประดับเขตหนาว และไม้ผลเขตหนาวขนาดเล็ก รวมถึงการขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ พืชผัก พืชไร่ ตลอดจนเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านไม้ดอกและไม้ประดับที่สำคัญอีกแหล่งหนึ่งบนพื้นที่สูง สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในสถานีฯ ให้มีความสวยงามเพิ่มขึ้น และเพื่อให้ผู้มาเยี่ยมชมได้ศึกษาเรียนรู้พรรณไม้ต่างถิ่นหลากหลายชนิด ที่ทางสถานีได้ศึกษาวิจัยและทดลองปลูกขึ้นมา
โดยได้จัดแบ่งเป็นโซนต่างๆ ได้แก่จุดท่องเที่ยวในสถานี - สวนหลวงสิริภูมิ เป็นสวนที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อใช้เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์เฟิน ภายในมีน้ำตกขนาดเล็กซึ่งเป็นน้ำตกชั้นล่างของน้ำตกสิริภูมิ มีลำธารไหลไปตามบริเวณสวนตลอดปี เป็นแหล่งเก็บรวมรวมเฟินทั้งของไทยและต่างประเทศ ประมาณ 30 สกุล 50 ชนิด จุดเด่นภายในสวน คือ กูดต้น หรือ ทรีเฟิน (Tree Fern) เป็นเฟินขนาดใหญ่และมีลำต้นสูงร่วม 10 เมตร ซึ่งมีประมาณกว่า 10 ชนิด - โรงเรือนจัดแสดงพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ จัดแสดงดอกไม้ ไม้ประดับชนิดต่างๆ ที่หมุนเวียนไปตามฤดูกาล อาทิเช่น กุหลาบหิน รองเท้านารี ซิมบิเดี้ยม - สวนกุหลาบพันปี เป็นสวนที่เกิดจากการศึกษาและขยายพันธุ์กุหลาบพันปีพืชในสกุล Rhododendron จากแหล่งต่างๆ ที่มีการกระจายพันธุ์อยู่ตามพื้นที่สูง ทั้งในและต่างประเทศเช่น พม่า มาเลเซีย ทิเบต ภายในสวนประกอบไปด้วย กุหลาบพันปีจำนวน 3 สายพันธุ์ คือ Rhododendron สีแดงและสีขาว กลุ่มที่ 2 Azalea เป็นพืชกลุ่มหนึ่งในตระกูล Rhododendron เป็นลูกผสมจากงานศึกษาและค้นคว้า และทดสอบพันธ์ ซึ่งมีจัดแสดงอยู่ในสวนกุหลาบพันปี และกลุ่มที่ 3 Vireyas เป็นพันธุ์ลูกผสม ซึ่งเป็นพันธุ์ที่นำเข้ามาจากประเทศออสเตรเลีย - โรงเรือนรวบรวมและจัดแสดงเฟิน ซึ่งรวบรวมเฟินที่หายากชนิดต่าง ๆ ไว้มากมายหลายชนิด ทั้งของไทย และต่างประเทศ ซึ่งบางชนิดใกล้สูญพันธุ์แล้วเป็นโรงจัดแสดงเฟินที่มีความสำคัญทางด้านพืชสวนและเศรษฐกิจ ซึ่งมีประมาณ 50 สกุล 200 กว่าชนิด และยังมีเฟินรัศมีโชติ ซึ่งเป็นเฟินประจำถิ่นของพื้นที่ ที่ได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร - โรงเรือนรวบรวมและจัดแสดงพืชกินสัตว์ รวบรวมพืชกินสัตว์หรือพืชกินแมลง เช่น หม้อข้าวหม้อแกงลิง, พิงกุย ชนิดต่าง ๆ ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศบนพื้นที่สูง - โรงเรือนผักไฮโดรโพนิกส์ (Hydroponics) รวบรวมผักเมืองหนาวประเภทสลัด ปลูกโดยวิธีไร้ดิน เน้นผักสลัด 5 ชนิด ของโครงการหลวง อาทิ ผักกาดหวาน กรีนโอ๊ค เรโอ๊ค บัตเตอร์เฮด ฟิลเล่ย์ไอส์เบริ์ก - หน่วยวิจัยขุนห้วยแห้ง เป็นหน่วยย่อยของสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ได้ดำเนินงานวิจัยพัฒนาและพัฒนาพันธุ์พืชเมืองหนาว ได้แก่ งานวิจัยและสาธิตการผลิตไม้ดอก งานวิจัยและสาธิตการผลิตไม้ผลขนาดเล็ก และงานวิจัยและสาธิตการผลิตไม้ผลเขตหนาว ได้แก่ พี้ช พลับ อาโวคาโด กีวี่ฟรุ๊ต จุดท่องเที่ยวชุมชน - บ้านหนองหล่ม ชุมชนชาวปกาเกอญอที่นี่มีต้นกาแฟประวัติศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2517 ในหลวงเสด็จพระดำเนินด้วยพระบาทเป็นชั่วโมง เพื่อทอดพระเนตรต้นกาแฟเพียง 2-3 ต้น ทรงมีรับสั่งเองว่าการที่เสด็จไปทำให้ชาวเขานั้นเห็นว่ากาแฟนั้นสำคัญ จึงสนใจปลูก ปัจจุบันบนดอยมีกาแฟมากมายก็เริ่มจากกาแฟ 2-3 ต้นนั่นเอง กิจกรรมท่องเที่ยว ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวางเมื่อปี พ.ศ.2525 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปยังบ้านขุนวางเป็นครั้งแรก ทรงทอดพระเนตรเห็นว่า
บริเวณนี้ยังคงมีการปลูกพืชเสพติดเช่นฝิ่นอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเห็นควรส่งเสริมให้มีการปลูกพืชชนิดอื่นๆ ที่มีรายได้ทัดเทียมหรือดีกว่าปลูกฝิ่น รับสั่งให้หน่วยงานในพื้นที่ช่วยกันพิจารณาปรับปรุงและพัฒนา ในครั้งนั้นเอกอัครราชทูตอเมริกาได้รับสนองนโยบายโดยให้การสนับสนุนงบประมาณสมทบ จากนั้นศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวาง จึงได้เริ่มต้นดำเนินงานอย่างจริงจังในปี พ.ศ. 2528 จุดท่องเที่ยวในศูนย์ - ชมโรงเรือนปลูกดอกเบญจมาศหลากสีสัน ทั้งแบบดอกเดี่ยว ดอกช่อ และดอกลิเซียทัส คาร์เนชั่น ลิลลี่ - ชมแปลงปลูกชาจีนเบอร์ 12 พันธุ์หยวนจืออู่หลง ดูขั้นตอนการผลิตชาพร้อมชิมชา (ขั้นตอนการผลิตชาอยู่ในโรงผลิตชาซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่บ้านขุนแม่วาก) - ชมแปลงไม้ผล เช่น องุ่นไร้เมล็ด กีวีฟรู้ท พี้ช พลับ เครปกูสเบอรี่ เสาวรสหวาน สตรอเบอรี่ และบ๊วย - ชมแปลงปลูกผักเมืองหนาว เช่น มะเขือเทศดอยคำ บล๊อกโคโลนี ถั่วหวาน ผักกาดหวาน บล๊อคโคลี่ หอมญี่ปุ่น ฯลฯ - ชมโรงเรือนสาธิตการปลูกวานิลลา ออกฝักพร้อมเก็บเกี่ยวเดือนมีนาคม โรงเรือนเห็ดเมืองหนาว เช่น เห็ดโพโตเบลโล เห็ดแชมปิญอง จุดท่องเที่ยวชุมชน - ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) ระยะทาง 2 กม. ชมดอกไม้และพืชผักเมืองหนาว และชมดอกพญาเสือโคร่งบานสะพรั่งช่วงเดือน ธันวาคม – กุมภาพันธ์ - ชมวิถีชีวิตชาวเขาเผ่าม้งบ้านขุนวาง มีการปักผ้าม้ง และการทำการเกษตร - ชมวิถีชีวิตชาวปกาเกอญอ บ้านโป่งน้อย เรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรมความเป็นอยู่และมีบ้านพักแบบโฮมสเตยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานกรมการท่องเที่ยว จำนวน 5 หลัง บริการแก่นักท่องเที่ยว - เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกผาดำ ระยะทางจากศูนย์ 2.5 กิโลเมตร มีไกด์ท้องถิ่นนำชม ระหว่างทางไกด์จะอธิบายให้ความรู้เรื่องพืชพรรณไม้ สมุนไพร ชนิดต่าง ๆ ที่มีอยู่ในป่า - จุดชมวิวดอยผาแง่ม จุดชมวิวบนหน้าผา ระหว่างทางก็จะมีไกด์ท้องถิ่นให้ความรู้เรื่องพรรณไม้ ช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ จะมีดอกกุหลาบพันปีบานบริเวณลานผาแง่ม กิจกรรมท่องเที่ยว - ชมและเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนบนพื้นที่สูง 2 ชนเผ่าม้งและปกาเกอญอ รวมทั้งอุดหนุนสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ชม ชิม และเลือกซื้อผลผลิตสด ๆ จากแปลงของเกษตรกร - เส้นทางเดินชมธรรมชาติดอยผาแง่ม น้ำตกตะเลโพ๊ะ ศึกษาพรรณไม้ป่า และมีจุดชมวิวภูเขาที่สวยงามเดือน ธันวาคม-กุมภาพันธ์ มีดอกกุหลาบพันปีบานที่ยอดดอยผาแง่ม - นักท่องเที่ยวสามารถนำจักรยานมาปั่นชมภายในศูนย์และรอบ ๆ ชุมชนได้
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตกหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างไกลความเจริญ ชาวบ้านประกอบอาชีพเกษตรกรรมรายได้น้อยความเป็นอยู่ยากลำบาก จวบจนกระทั่ง พ.ศ. 2524 สายพระเนตรที่ทรงห่วงใยราษฎรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 300,000 บาท เพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์ในการก่อตั้งศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก โดยมีเป้าหมายให้เป็นศูนย์สาธิตและส่งเสริมการเพาะเห็ดและกาแฟพันธุ์อาราบิก้า ให้แก่ราษฎรนอกเหนือจากการปลูกเมี่ยง การรับรู้รับฟังตลอดจนสร้างความเข้าใจให้กับชาวบ้าน ร่วมสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ ในการดำรงชีวิต ทำให้ชาวบ้านก้าวสู่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามลำดับ กิจกรรมการท่องเที่ยว เป็นแหล่งผลิตกาแฟอราบิก้าคุณภาพดีของโครงการหลวง ล้อมรอบด้วยธรรมชาติป่าไม้ และลำน้ำจากน้ำตก มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำโครงการหลวงแห่งแรก และชุมชนคนเมืองมีชื่อเสียงในด้านการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน “บ้านแม่กำปอง” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันมากว่าบริการที่พักแบบ Home Stay ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศไทย จุดท่องเที่ยวในศูนย์ - มีมุมนั่งเล่นพักผ่อนริมสายธารน้ำ กิจกรรมให้อาหารปลา - ชมสวนกาแฟใต้ร่มเงาต้นไม้ ช่วงเดือนธันวาคม จะเห็นเมล็ดกาแฟสุกสีแดงสด พร้อมเก็บเกี่ยวส่งไปยังโรงงานแปรรูปในศูนย์ ผ่านขั้นตอนกะเทาะเปลือก ตากแห้ง และคั่ว ให้เป็นเมล็ดกาแฟคุณภาพ - โรงเรือนกล้วยไม้ฟาแลนนอปซิสหลากสีให้ชื่นชม จุดท่องเที่ยวชุมชน - หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านแม่กำปอง ชมวิถีชีวิตชาวพื้นเมือง การทำสวนเมี่ยง หมัก-นึ่งเมี่ยงแบบดั้งเดิม และเส้นทางศึกษาธรรมชาติ สวนสมุนไพร โดยสามารถติดต่อให้ไกด์ท้องถิ่นนำชมหมู่บ้านได้รับรองได้ว่าได้ทั้งความรู้และสนุก นอกจากนี้ยังมีที่พักแบบโฮมสเตย์ที่ได้รับรองมาตรฐาน บริการนักท่องเที่ยว ตลอดจนได้เรียนรู้เรื่องสมุนไพรพื้นถิ่น และชมขั้นตอนการทำหมอนใบชา - จุดชมวิวดอยม่อนล้าน ชมธรรมชาติป่าไม้ ต้นกฤษณา กล้วยไม้ป่า และจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งบานและทะเลหมอก ช่วงฤดูหนาว และเส้นทางนี้ยังเชื่อมไปถึงอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปาง - โบสถ์กลางน้ำ ในเชียงใหม่มี 2 แห่งคือที่ อ.แม่แจ่ม และที่วัดแม่กำปอง (วัดคันธาพฤกษา) - ยังมีวิหารที่ทำด้วยไม้สักทอง แกะสลักลวดลายวิจิตรงดงาม เป็นงานสถาปัตยกรรมที่สำคัญของชุมชน เป็นโบสถ์ที่ใช้ประกอบพิธีกรรม ทางศาสนา โดยปลูกไว้กลางน้ำและมีน้ำเป็นใบเสมา กิจกรรมท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวสามารถนำจักรยานมาปั่นชมธรรมชาติตามเส้นทางลัดเลาะไปตามแนวเขา ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริงศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2521 โดยน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปฏิบัติเพื่อดำเนินการส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมให้มีความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพที่เหมาะสม ที่อย่างน้อยทำให้มีรายได้พอกินควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ผืนป่าต้นน้ำ ทดแทนการทำลายพื้นที่ป่าจาก การทำไร่เลื่อนลอย ปัจจุบันเป็นศูนย์เรียนรู้ผักอินทรีย์และการปลูกอะโวคาโดที่สำคัญของโครงการหลวง อีกทั้งทางศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริงยังได้เข้าไปส่งเสริมพื้นที่ว่างเปล่าภายในหมู่บ้านห้วยผักไผ่ โดยเผยแพร่หลักวิชาการปลูกกุหลาบเมืองหนาวให้คนในพื้นที่อีกด้วย ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริงตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาและแมกไม้ ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเขตพื้นที่อำเภอหางดง อากาศปลอดโปร่งเหมาะแก่การพักผ่อนดับความว้าวุ่นของสังคมคนเมืองเป็นอย่างดี ในอดีตพื้นที่ศูนย์แห่งนี้ถือเป็นแหล่งทดลองดอกไม้เมืองหนาวที่สำคัญ โดยเฉพาะกุหลาบ แต่ในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนแนวทางโดยเน้นผักในการเกษตรเป็นหลัก จุดท่องเที่ยวในศูนย์ - ชมสวนกุหลาบห้วยผักไผ่ เป็นหน่วยย่อยที่อยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์ฯ ทุ่งเริง สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยแปลงกุหลาบ กว่า 200 สายพันธุ์ อาทิ แดงมินิเจส (Miniature Roses) มิดไนท์บลู (Midnight Blue Rose) พิงค์พีช (Pink Peach Rose) บีเวอรี่ (Bevery Rose) เป็นต้น ซึ่งมีทั้งกุหลาบทั่วไป กุหลาบเลื้อย หรือกุหลาบแบบไม้ประดับสวน กุหลาบกระถางให้เลือกซื้อนำไปปลูก ภายในสวนมีร้านกาแฟ อาหารว่างไว้จำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว - แปลงสาธิตการปลูกอาโวคาโดหลากสายพันธุ์ ซึ่งเป็นไม้ผลหลักที่ปลูกเยอะในพื้นที่ ช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม ชิมไอศกรีมเสิร์ฟในผลอาโวคาโด - ชมแปลงผักอินทรีย์ ที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี ทั้งผักกาด กวางตุ้ง ผักกาดฮ่องเต้ ถั่วแขก ซาโยเต้ จุดท่องเที่ยวชุมชน - ชมวิถีชีวิตชาวพื้นเมืองที่บ้านแม่ขนิลเหนือ ภูมิปัญญาการเคี่ยนไม้เป็นภาชนะสำหรับใช้ในครัวเรือน โดยนำไม้เป็นท่อนมายึดกับแกนหมุนแล้วใช้การแกะ ถากให้เป็นรูปทรงต่างๆ ที่นี่ยังมีประเพณีสู่ขวัญควายที่จะจัดก่อนฤดูกาลทำนาเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณของควายที่ใช้งานไถนาทำให้มีข้าวกิน - ชมวิถีชีวิตชาวเขาเผ่าม้ง - เส้นทางศึกษาธรรมชาติถ้ำตั๊กแตน เป็นโพรงถ้ำขนาดกลางมีหินย้อย และเป็นจุดชมวิว
- ชมและเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนบนพื้นที่สูง 2 ชนเผ่า รวมทั้งอุดหนุนสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ชม ชิม และเลือกซื้อผลผลิตสดๆจากแปลงของเกษตรกร ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอยปี พ.ศ.2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเยี่ยมราษฎรหมู่บ้านหนองหอย ทรงมีพระราชดำริว่าควรจะมีการส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตร จากนั้นกรมป่าไม้ได้จัดส่งหน่วยงานร่วมกับหน่วยพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จนกระทั่งปี พ.ศ. 2527 หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ทรงเห็นว่าบ้านหนองหอยมีประชากรเพิ่มมากขึ้น และมีการขยายหมู่บ้านออกเป็น 2 หมู่บ้าน คือ บ้านหนองหอยใหม่และหนองหอยเก่า อีกทั้งยังมีการปลูกฝิ่นเป็นจำนวนมาก จึงได้จัดตั้งศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอยขึ้น เพื่อให้มีบทบาทในการแก้ปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะพืชเสพติด
ม่อนแจ่มเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของโครงการหลวงหนองหอย ที่นี่มีจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเห็นทะเลหมอก วิวพระอาทิตย์ขึ้น-ตก ตอนค่ำจะเห็นแสงไฟจากบ้านเรือนด้านล่าง และเป็นที่ดูดาวสวยงามแห่งหนึ่ง ช่วงฤดูหนาวมีแปลงสตรอเบอรี่ให้นักท่องเที่ยวเก็บและชิม จากม่อนแจ่มไปอีก 3 กิโลเมตร ฝั่งตรงข้าม จะเป็นยอดหน้าผาม่อนล่อง เป็นจุดชมวิวในมุมสูงและมีตำนานเล่าขานทางประวัติศาสตร์ของขุนหลวงวิลังคะทุกๆ ปีจะมีการจัดงานไหว้สาขุนหลวงวิลังคะที่ดอยม่อนล่อง จุดท่องเที่ยวในศูนย์ - ม่อนแจ่ม เป็นจุดชมวิวบนสันเขาสามารถมองวิวภูเขาได้
360 องศา สามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตก ทะเลหมอกช่วงฤดูหนาว มีบริการร้านอาหาร มุมนั่งจิบกาแฟ และชาสมุนไพรสด 7 ชนิด ด้านหน้าทางเข้าม่อนแจ่มมีร้านค้าของที่ระลึกชุมชนจำหน่ายสินค้าผลผลิตตามฤดูกาล งานหัตถกรรมชาวเขา และรถล้อเลื่อนไม้ (ฟอมูล่าม้ง)ให้นักท่องเที่ยวได้ลองขับ - สถานีวิจัยพัฒนาพืชผักโครงการหลวง มีผักหลากหลายชนิดหมุนเวียนปลูกตามฤดูกาลเพื่อทำงานวิจัยเก็บข้อมูล เช่น อาติโช๊ค เรดโอ๊ค มะเขือเทศโครงการหลวง พืชสุมนไพร และผักไฮโดรโพนิคส์ปลูกโดยไม่ใช้ดิน - แปลงผักแบบขั้นบันได เนื่องจากพื้นที่เป็นภูเขาลาดชัน ชาวบ้านก็เลยทำแปลงผักแบบขั้นบันไดเพื่อให้ง่ายกับการปลูกผัก ช่วงที่สวยที่สุดจะเป็นกลางฤดูฝนจนถึงกลางฤดูหนาว (สิงหาคม-ธันวาคม) มีผักหลากชนิด เช่น ผักกาดหอมห่อ ผักกาดขาว กะหล่ำปลี จุดท่องเที่ยวชุมชน - ชมวิถีชีวิตชาวเขาเผ่าม้ง ที่ยังมีการปักผ้าลวดลายต่างๆ มีการละเล่นต่างๆ เช่น การเป่าแคน โยนลูกช่วง ยิงหน้าไม้ ลูกข่างม้ง แข่งล้อเลื่อนไม้ ช่วงเทศกาลงานปีใหม่ม้งจัดช่วงเดือน ธันวาคม-มกราคม ชาวบ้านจะแต่งกายชุดประจำเผ่าสวยงามมาร่วมกิจกรรม บริเวณลานหมู่บ้าน - จุดชมวิวดอยม่อนล่อง มีลักษณะเป็นหน้าผามองไปไกลๆจะเห็นถึงเมืองลำพูนเป็นที่ตั้งของศาลขุนหลวงวิลังคะตามตำนาน - แปลงสตรอเบอรี่พันธุ์พระราชทาน (ออกผลผลิตช่วง ธันวาคม-มีนาคม ) มีหลากหลายแปลงให้นักท่องเที่ยวได้สนุกเพลิดเพลินกับการเก็บ-ชิม สตรอเบอรี่สดๆ ตลอดจนมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสตรอเบอรี่จำหน่าย เช่น น้ำสตรอเอบรี่ สตรอเบอรี่อบแห้ง - สวนอีเดน ตั้งอยู่ซ้ายมือก่อนถึงม่อนแจ่ม 1.5 กิโลเมตร เป็นสวนองุ่นไร้เมล็ดของเกษตรกรที่ปลูกในโรงเรือนมีกิจกรรมให้เก็บองุ่นเอง และจำหน่ายองุ่นสดและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากองุ่น เช่น น้ำองุ่นสด องุ่นอบแห้ง กิจกรรมท่องเที่ยว - เส้นทางเดินชมสวนบริเวณในสถานีฯ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงป่าเมี่ยงปี พ.ศ. 2524 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินตรวจเยี่ยมราษฎรในพื้นที่บ้านโป่ง ทรงทราบถึงความเดือดร้อนของการประกอบอาชีพทำสวนเมี่ยงที่ตกต่ำ จึงทรงมีพระเมตตาพระราชทานค่าใช้จ่ายเป็นเงินประมาณ 300,000 บาท สำหรับการปลูกสร้างศูนย์พัฒนาโครงการหลวงป่าเมี่ยง บนพื้นที่ 60 ไร่ในเขตหมู่บ้านปางบง โดยศูนย์พัฒนาโครงการหลวงป่าเมี่ยง จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์สาธิตและส่งเสริมการเพาะเห็ดและกาแฟแก่เกษตรกรในพื้นที่การท่องเที่ยวเชิงเกษตร - ชมแปลงวิจัยเกษตรภายในศูนย์ฯ เช่น หน้าวัว กล้วยไม้กระถาง เฟินหนัง เฟินนาคราช รองเท้านารี พลับ วนิลา ฯลฯ - ชมสวนกาแฟอาราบิก้าพันธุ์ดีของโครงการหลวงและเกษตรกร รสนุ่ม ชวนให้ลิ้มลอง และมีบริการกาแฟสดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ลาน้อยในปี พ.ศ. 2513 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยี่ยมราษฎรชาวบ้านป่าแป๋และบ้านห้วยห้อม เป็นครั้งแรก ได้พระราชทานทุนทรัพย์จำนวน 20,000 บาท จัดตั้งธนาคารข้าวแห่งแรกของโลก ต่อมาในปี พ.ศ. 2546 ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมราษฎรทั้งสองหมู่บ้านเป็นครั้งที่ 2 และทรงรับสั่งให้ประธานมูลนิธิโครงการหลวง เข้าช่วยเหลือพัฒนาอาชีพแก่ชาวเขา โดยเฉพาะด้านเกษตรกรรม สังคมและสาธารณสุข เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ต้นน้ำแม่ลาน้อยและแม่น้ำแม่สะเรียง มีการปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอยอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2523 ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ลาน้อยได้ก่อตั้งขึ้น โดยใช้พื้นที่บ้านดงเป็นที่ทำการ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเคยทอดพระเนตรเห็นพื้นที่แล้ว ประกอบกับเป็นที่ตั้งของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (สมเด็จย่าฯ ทรงก่อตั้งขึ้นในนามของสมาคมศิษย์เก่าสิริราชพยาบาล เมื่อปี พ.ศ. 2516) ซึ่งเป็นศูนย์กลางพัฒนาการศึกษาแก่เยาวชนในท้องถิ่น โดยมีพื้นที่รับผิดชอบ 91.75 ตารางกิโลเมตร หรือ 57,368 ไร่ ครอบคลุม 14 หมู่บ้าน ประกอบด้วยชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงและเผ่าลั๊วะ การท่องเที่ยวเชิงเกษตร - ชมวิวความสวยงามของนาข้าวแบบขั้นบันได ระหว่างทางก่อนถึงศูนย์ - ชมการทอผ้าขนแกะของกลุ่มแม่บ้านห้วยห้อม มีทั้งผ้าทอขนแกะล้วน และผ้าทอขนแกะผสมฝ้ายที่ย้อมสีจากธรรมชาติ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์พ.ศ.2522 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรชาวเขาในเขตหมู่บ้านวัดจันทร์ ทรงทราบถึงความทุกข์ยากของชาวเขาในพื้นที่ ตลอดจนเส้นทางคมนาคมก็ไม่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิต จึงมีพระราชดำริให้มีการพัฒนาบ้านวัดจันทร์และหมู่บ้านใกล้เคียง จัดตั้งศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ขึ้นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของราษฎรในพื้นที่ ส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมปลูกพืชผักและผลไม้เมืองหนาว อำเภอกัลยาณิวัฒนา ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ เดิมเป็นกลุ่มตำบลในอำเภอแม่แจ่ม ก่อนจะแยกตัวมาตั้งเป็น “อำเภอวัดจันทร์เฉลิมพระเกียรติ” ใน ปี พ.ศ. 2551 และเปลี่ยนชื่อเป็น “อำเภอกัลยาณิวัฒนา” ตามนามพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จากการขอพระราชทานโดยกระทรวงมหาดไทย จุดเด่นสำคัญของ อำเภอกัลยาณิวัฒนา คือ ที่นี่มีป่าสนธรรมชาติอันกว้างใหญ่กว่าแสนไร่ ถือเป็นป่าสนผืนใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ป่าสนแห่งนี้คนทั่วไปรู้จักกันดีในนาม “ป่าสนวัดจันทร์” หรือ “ป่าสนบ้านวัดจันทร์” จุดท่องเที่ยวในศูนย์ - แปลงสาธิตผัก แปลงผักของเกษตรกร เช่น ฟักทองมินิ ผักกาดขาว ซุกินี่ ไม้ผลเมืองหนาวตามฤดูกาล เช่น พลับ พลัมพี้ช จุดท่องเที่ยวชุมชน - อ่างเก็บน้ำห้วยอ้อกรมชลประทาน ชมภูมิทัศน์โดยรอบป่าสนสวยงาม - น้ำตกห้วยฮ่อม ลักษณะเป็นกิ่วน้ำ ต้นกำเนิดลำน้ำแม่แจ่มและลำน้ำปาย - เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าสนวัดจันทร์ ผืนดินแห่งนี้ชาวกะเหรี่ยง มูเสคี (หมายถึงต้นน้ำแม่แจ่ม) ได้อาศัยมานับร้อยปีพวกเขาช่วยกันดูแลป่าอย่างดีตามธรรมเนียมกะเหรี่ยง เมื่อมีเด็กเกิดใหม่จะนำสะดือของเด็กไปผู้ไว้กับต้นไม้ กำหนดว่าเป็นต้นไม้ของครอบครัว ใครจะมาตัดไม่ได้ สนที่นี่เป็นสนเขาทั้งสองใบและสามใบ ขึ้นในเฉพาะที่สูง 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล - บ้านห้วยฮ่อม เครือข่ายการท่องเที่ยวชุมชนหล่อชอ เกิดจากการรวมตัวกัน 3 หมู่บ้าน คือ ห้วยฮ่อม บ้านดอยตุง และบ้านห้วยครก เป็นชนเผ่าปกาเกอญอ มีเรื่องราวชุมชนที่อยู่คู่กับธรรมชาติมีวิถีชีวิต อาหารการกินแบบดั้งเดิม ประเพณี วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา เปิดให้นักท่องเที่ยวมาเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชน ทำกิจกรรมร่วมกับชาวบ้านและมีโฮมสเตย์ กิจกรรมท่องเที่ยว - เดินป่าศึกษาธรรมชาติป่าสนวัดจันทร์สองใบสนสามใบ ป่าไผ่หกที่มีลำใหญ่ชาวบ้านนิยมมาสร้างบ้าน ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะก่อตั้งขึ้นปี พ.ศ. 2528 โดยหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง
จากการรับสั่งให้เจ้าหน้าที่เดินทางสำรวจสภาพพื้นที่ ซึ่งมีชาวเขาเผ่าม้งอาศัยอยู่ด้วยการถางพื้นที่ป่าเพื่อทำไร่เลื่อนลอย ปลูกฝิ่นและพืชอื่นๆ แผนพัฒนาจึงได้ถูกกำหนดขึ้นให้สอดคล้องกับความต้องการของชาวเขาด้วยการส่งเสริมให้ปลูกพืชทดแทนฝิ่น โดยได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานจุดท่องเที่ยวในศูนย์ - แปลงส่งเสริมปลูกพืชผัก ได้แก่ ฟักทองญี่ปุ่น หอมญี่ปุ่น กระเทียมต้น กะหล่ำหัวใจ บ้านผาหมอน (กิ่วป่าหอบ) - แปลงปลูกชาจีน กาแฟ บ้านปงตอง บ้านออบ บ้านก๋ายน้อย และบ้านเมืองก๋าย - แปลงปลูกไม้ผล บ้านกิ่วป่าหอบ บ้านม่อนเงาะ บ้านเมืองก๋าย บ้านออบ บ้านเหล่า-ห้วยน้ำเย็น และบ้านสบก๋าย จุดท่องเที่ยวชุมชน - จุดชมวิวดอยม่อนเงาะ จากลานจอดรถเดินเท้าไปอีก 300 เมตรก็จะพบกับวิวสวยงามของชั้นเขาแบบ 360 องศา สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,400 เมตรเป็นจุดชมวิวพระอาทิพย์ขึ้น-ตก วิวทะเลหมอกที่สวยงาม หน้าผามีหินงอกออกมาลักษณะคล้ายนางเงือก ชาวบ้านเรียกกันว่าเงือกผา - หมู่บ้านม้งม่อนเงาะ ชมอดีตบ้านชาวเขาเผ่าม้งที่มีผมยาวที่สุดในโลก ได้บันทึกในกินเนสบุ๊ค ด้วยความยาว 5 เมตร สาเหตุที่ต้องไว้ผมยาวเพราะว่าเคยตัดผมแล้วทำให้เจ็บป่วย จึงไว้ผมยาวตลอด - ไร่ชาสวนลุงเดช เกษตรกรดีเด่นที่ปลูกชาจีนและทำการเกษตรแบบผสมผสาน เรียนรู้ขั้นตอนการปลูกชา ชิมชา - หมู่บ้านสบก๋าย หมู่บ้านท่ามกลางป่าเขาสายน้ำ เป็นจุดล่องแพยาง แพไม้ไผ่ในลำน้ำแม่แตงชมวิวธรรมชาติป่าเขาลัดเลาะโขดหิน ระยะทาง 4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ติดต่อล่องแพได้ที่ 089-4337880 กิจกรรมท่องเที่ยว |