ฝ่ายแรงงาน คณะผู้แทนถาวรฯ ณ นครเจนีวา ไม่พบว่ามีแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานที่สวิตเซอร์แลนด์ โดยตรง คนไทยที่ทำงานอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่เกิดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์หรือมีบิดามารดาและคู่สมรส หรือญาติที่มีภูมิลำเนาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และนักศึกษาที่ทำงานบางเวลา ทั้งนี้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไม่มีนโยบายนำเข้าแรงงานจากต่างชาติ และการอนุญาตให้แรงงานในสหภาพยุโรปสามารถเข้ามาทำงานได้ค่อนข้าง เป็นอิสระ จึงไม่มีความจำเป็นต้องนำเข้าแรงงานจากประเทศอื่นๆ ประกอบกับข้อบังคับด้านแรงงานและสวัสดิการ ที่เข้มงวดทำให้การส่งคนงานเข้าไปทำงานในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ทำได้ยากและมีค่าใช้จ่ายสูง ฝ่ายแรงงาน คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวาได้ติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวด้านแรงงานในสมาพันธรัฐสวิส และขอรายงานข้อมูลจากศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น ในหัวข้อ สวิตเซอร์แลนด์ปรับกฎหมายแรงงานใหม่ ดังนี้ ๑. สืบเนื่องจากผลประชามติของสมาพันธรัฐสวิส เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๗ เรื่องพัฒนาการของการแก้ไขกฎหมายของสมาพันธ์ เพื่อกำหนดให้แรงงานสวิสได้รับการพิจารณาในการจ้างงานเป็นอันดับแรกก่อน ซึ่งเห็นชอบให้จำกัดโควตาชาวต่างชาติที่มาทำงานและอยู่อาศัยในสมาพันธ์ โดยมีเป้าหมายหลักคือ การจำกัดจำนวนประชาชนจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (European Union – EU) ที่เข้ามาทำงานและอยู่อาศัยในสมาพันธรัฐสวิสเป็นจำนวนมาก รัฐบาลสมาพันธรัฐสวิสจึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการให้สอดคล้องกับผลประชามติดังกล่าว อันส่งผลกระทบต่อความตกลงว่าด้วยการเคลื่อนย้ายประชากรอย่างเสรีระหว่างสมาพันธรัฐสวิสกับสหภาพยุโรป ๒. เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ รัฐสภาสวิสได้มีมติเห็นชอบให้แก้ไขมาตรา 21a ของ Federal Act on Foreign Nationals โดยให้รัฐบาลเป็นผู้กำหนดมาตรการสนับสนุนนการจ้างแรงงานชาวสวิสอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ๓. เมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ รัฐบาลสมาพันธรัฐสวิสได้แก้ไขกฎหมายแรงงานเพิ่มเติมมาตรา 53a ของ Federal Ordinance on Employment Services and Personnel Lending โดยกำหนดแนวปฏิบัติใหม่สำหรับนายจ้างกรณีมีตำแหน่งว่างลง เพื่อส่งเสริมการจ้างแรงงานชาวสวิส และให้มาตรการดังกล่าวมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป มีสาระสำคัญดังนี้ ๔. ในการแก้ไขกฎหมายการจ้างงานของสมาพันธ์นั้น สาขาอาชีพที่ประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบ คือ ธุรกิจร้านอาหาร โดยผู้ประกอบการร้านอาหารไทยจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและขั้นตอนการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น หากต้องการจ้างแรงงานจากประเทศไทย ในขณะที่ปัจจุบันก็มีข้อจำกัดจากนโยบายของรัฐบาลสวิสที่ให้ความสำคัญลำดับแรกกับการจ้างงานชาวสวิส ตามด้วยประชากรของสหภาพยุโรป และสมาคมการค้าเสรียุโรป (European Free Trade Association – EFTA) ก่อนการจ้างงานจากประเทศที่ ๓ และกฎหมายสวิสกำหนดให้เฉพาะร้านอาหารที่มีขนาดตั้งแต่ ๕๐ ที่นั่งขึ้นไปจึงจะสามารถนำเข้าแรงงานพ่อครัวแม่ครัวจากต่างประเทศได้ โดยขึ้นอยู่กับการพิจารณาอนุญาตภายใต้โควตาของทางการท้องถิ่นระดับรัฐด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบันแรงงานไทยในร้านอาหารไทยในสวิสส่วนใหญ่เป็นชาวไทยสัญชาติสวิสหรือชาวไทยที่มีถิ่นพำนักถาวรในสมาพันธรัฐสวิสอยู่แล้ว |