ในชีวิตประจำวันเราอาจจะได้ยินคำว่า AI (Artificial Intelligent) จนคุ้นหู คิดไปถึง หุ่นยนต์ที่ทำงานได้เหมือนคน การที่ AI จะทำให้เครื่องมีความสามารถเหมือนมนุษย์ได้นั้น ยังจำเป็นต้องมีศาสตร์อีกอย่าง ที่เรียกว่า Machine Learning หรือ แปลตรงๆว่า “การเรียนรู้ของเครื่อง” คือการวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็น big data เพื่อหา pattern และลักษณะเฉพาะของข้อมูลที่มี Show คลิกที่นี่เพื่อดูความหมายของ Machine Learning ว่ากันลึกลงไปอีกถึงหลักการของ Machine Learning คือการนำหลักการทางคณิตศาสตร์ และ สถิติ มาหา Pattern หลากหลายรูปแบบในข้อมูลหรือที่เราเรียกว่า Algorithm เพื่อนำไปทำนายผลลัพธ์ในอนาคต หลักการของ Machine Learning มีอยู่มากมายที่เราพบเห็นได้ในชีวิตประจำวันของเรา เช่น การแนะนำภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้รับชมแต่ละคนใน Youtube และ Netflix หรือ การนำมาวิเคราะห์ใบหน้าเพื่อแยกรูปถ่ายของเรากับของคนอื่นๆในโทรศัพท์ หรือแม้แต่การสั่งงานอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยเสียงเช่น Siri ของ Apple หรือ Alexa ของแอมะซอน ในปัจจุบันสำหรับประเทศไทย หากพูดถึงการนำ Machine Learning มาใช้ในองค์กร อาจจะดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่จริงๆ แล้วหลักการของ Machine learning สามารถนำมาใช้ในธุรกิจต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ทันกับความต้องการในท้องตลาดที่พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ตัวอย่างการนำ Machine learning มาใช้ในธุรกิจต่างๆ เช่น ธุรกิจธนาคาร การเงินสามารถใช้ Machine learning มาสร้างโมเดลเพื่อจัดเกรดลูกค้า (Credit scoring) ก่อนจะอนุมัติสินเชื่อหรือบัตรเครดิตได้ หรือวิเคราะห์พฤติกรรมการฉ้อโกงของผู้ใช้บัตรเครดิต(Fraud detection) สำหรับธุรกิจติดตามหนี้ (Debt collection) ก็สามารถสร้างโมเดลการทำนายในหลากหลายรูปแบบเพื่อติดตามหนี้ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนธุรกิจประกันภัยสามารถนำ Machine Learning มาสร้างโมเดลวิเคราะห์มูลค่าการเคลมประกันของลูกค้าเพื่อคำนวณค่าเบี้ยประกันให้เหมาะสมกับลูกค้าได้ (Overwriting) นอกจากนี้ยังนำ machine learning มาใช้ด้านการตลาดได้อีกด้วย เช่น ธุรกิจธนาคารสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละรายได้ (Cross selling) เป็นต้น ยิ่งองค์กรใดเริ่มนำข้อมูลที่มีอยู่มาวิเคราะห์และต่อยอดทางธุรกิจด้วย machine learning ก่อนใคร ก็จะช่วยให้องค์กรนั้นรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคได้ทันเวลา ธุรกิจขององค์กรก็จะยิ่งก้าวนำคู่แข่งต่อไปได้ Machine Learning คือ ส่วนการเรียนรู้ของเครื่อง ถูกใช้งานเสมือนเป็นสมองของ AI (Artificial Intelligence) เราอาจพูดได้ว่า AI ใช้ Machine Learning ในการสร้างความฉลาด มักจะใช้เรียกโมเดลที่เกิดจากการเรียนรู้ของปัญญาประดิษฐ์ ไม่ได้เกิดจากการเขียนโดยใช้มนุษย์ มนุษย์มีหน้าที่เขียนโปรแกรมให้ AI (เครื่อง) เรียนรู้จากข้อมูลเท่านั้น ที่เหลือเครื่องจัดการเอง Machine Learning เรียนรู้จากสิ่งที่เราส่งเข้าไปกระตุ้น แล้วจดจำเอาไว้เป็นมันสมอง ส่งผลลัพธ์ออกมาเป็นตัวเลข หรือ code ที่ส่งต่อไปแสดงผล หรือให้เจ้าตัว AI นำไปแสดงการกระทำ Machine Learning เองสามารถเอาไปใช้งานได้หลายรูปแบบ ต้องอาศัยกลไกที่เป็นโปรแกรม หรือเรียกว่า Algorithm ที่มีหลากหลายแบบ โดยมี Data Scientist เป็นผู้ออกแบบ หนึ่งใน Algorithm ที่ได้รับความนิยมสูง คือ Deep Learning ซึ่งถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย และประยุกต์ใช้ได้หลายลักษณะงาน อย่างไรก็ตาม ในการทำงานจริง Data Scientist จำเป็นต้องออกแบบตัวแปรต่างๆ ทั้งในตัวของ Deep Learning เอง และต้องหา Algorithm อื่นๆ มาเป็นคู่เปรียบเทียบ เพื่อมองหา Algorithm ที่เหมาะสมที่สุดในการใช้งานจริง
สรุปว่า AI จะกระทำอะไรต่อมิอะไรได้ต้องอาศัยส่วนสมองอย่าง Machine Learning ที่เรียนรู้จากสิ่งที่เราส่งไปและส่งผลออกมาเป็นชุดข้อมูล โดยอาศัยโปรแกรม Algorithm ในการประมวล
Machine Learning ในชีวิตประจำวัน
บอกได้เลยว่าเจ้า Machine Learning อยู่ในชีวิตประจำวันของเราอย่างแนบเนียนมากๆ เราเชื่อว่าหากเอ่ยถึงเรื่องราวต่อไปนี้คุณจะต้องร้องอ๋อแน่ๆ
Apple Siri ที่มี Speech Recognition หรือการฟังเสียงและถอดความ Face ID ของ Apple ที่เราสงสัยกันว่าเราเปลี่ยนลุคหรือเมคอัพแล้ว มันยังจะเวิร์คอยู่หรือไม่ Google Assistant ที่สามารถรับคำสั่งด้วยเสียง ข้อเสนอที่แฝงตัวบน YouTube การแนะนำหนังที่เราน่าจะสนใจโดย Netflix เหล่านี้ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจาก Machine Learning ทั้งสิ้น กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็รุกคืบมาแบบไม่ให้เรารู้เนื้อรู้ตัว ทีนี้พอเราเริ่มมีประสบการณ์ในการใช้งานโดยตรงแล้ว เห็นได้ว่ามันจะถูกพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะการให้บริการผ่านแอปพลิเคชันผ่านอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆนั้น มีมาให้ได้ใช้กันอยู่เรื่อยๆ เรียกว่าอัพเดทกันตลอด เพื่อให้ถูกมือถูกใจของเรามากขึ้น
Baidu ยักษ์ใหญ่จากจีนเน้นพัฒนา AI และ Machine Learning ให้สอดคล้องกับชีวิตของผู้คนในปัจจุบันมากขึ้น
เนื่องจากรัฐบาลจีนมีการจำกัดการเข้าใช้งานของอินเตอร์เน็ตและเว็ปไซต์ต่างๆ เช่น Facebook Google Line ฯลฯ ฉะนั้นก่อนหน้านี้ผู้ที่เริ่มต้น Search Engine ก่อนจึงเป็นผู้ได้เปรียบ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ Baidu ผู้ช่วยค้นหาข้อมูลที่เป็นที่นิยมที่สุดในประเทศจีน ได้เปิดเว็ปไซต์เพื่อใช้ในการค้นหาข้อมูล โดยมี Andrew Ng อดีตผู้อำนวยการ AI Lab ของมหาวิทยาลัย Stanford ในสหรัฐอเมริกา และผู้ก่อตั้งทีมผู้คิดค้น Google Brain ทั้งยังเคยเป็นหัวหน้าทีม Baidu Research ซึ่งเป็นทีมหลักที่เน้นการพัฒนา Machine Learning และใช้ AI เข้ามาใช้งานในหลายๆด้าน เราลองมาดูกันว่า Baidu ทำอะไรบ้างแล้วกับการพัฒนา เพื่อสร้างประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ถือเป็นอีกบริษัทยักษ์ใหญ่อีกบริษัทของโลกที่น่าจับตามองมากๆ ไม่แพ้ฝั่งตะวันตกเลยทีเดียว Search Engine Open Source Augmented Reality Health Care Smart Home รถยนต์ไร้คนขับ ที่มา: http://www.forbes.com/sites/bernardmarr/2017/02/13/how-chinese-internet-giant-baidu-uses-ai-and-machine-learning/
ประเด็นของ AI และ Machine Learning ในปีนี้โดดเด่นและมาแรง และถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในแทบทุกวงการ เหตุเพราะสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งฝั่งธุรกิจและฝั่งผู้บริโภค แถมยังจะใช้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอาชีพนำข้อมูลและเครื่องมือเหล่านี้ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นเทคโนโลยีใหม่นี้ย่อมส่งผลต่อเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ใครเข้าวงในได้ความเข้าใจไปก่อน สามารถปรับและรับเอาความเป็นไปได้มาใช้งานได้ โอกาสใหม่ๆทางธุรกิจจะวิ่งเข้าหาแน่นอนค่ะ |