เทคนิคการขาย รถจักรยานยนต์

หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้างเมื่อต้องการขายรถ ยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการจะขายรถครั้งแรกอาจเกิดความสับสนและมึนงงได้

เราเข้าใจว่าการขายรถของคุณอาจมีความยุ่งยากซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องทำงานในวันธรรมดาตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และกำลังมองหาที่จะขายรถของคุณอย่างรวดเร็ว การลงประกาศขายรถของคุณผ่านเว็บไซต์ประกาศซื้อ-ขาย (Classifieds) ก็อาจไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อมากนัก (แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับรถที่คุณกำลังจะขายด้วย)

มีหลายวิธีที่คุณสามารถขายรถของคุณได้ ในขณะที่ผู้ซื้อโดยตรงอาจเป็นผู้ซื้อในอุดมคติ วิธีแบบดั้งเดิมมักจะนำมาซึ่งการขายรถของคุณด้วยการพิมพ์ประกาศขายและการประกาศซื้อ-ขายออนไลน์ หรือเดินเข้าไปหาดีลเลอร์จำหน่ายรถยนต์มือสองเพื่อรับใบเสนอราคา

หรือ คุณอาจทำให้ชีวิตของคุณนั้นง่ายยิ่งขึ้นด้วยการขายรถผ่าน Carsome ซึ่งการขายรถของคุณผ่านเรานั้นรวดเร็ว และไม่ยุ่งยากเพราะเราจะแนะนำคุณตลอดขั้นตอนในการขายอย่างทีละขั้นตอน เพราะหากคุณต้องรับมือกับขั้นตอนในการขายด้วยตัวเอง มันอาจใช้เวลามาก และ จำเป็นต้องติดต่อกรมการขนส่งทางบก เพื่อรับเอกสารและการโอนกรรมสิทธิ์ตามลำดับอีกด้วย

และไม่ว่าคุณกำลังจะขาย รถยนต์ Honda Civic ที่ผ่านการใช้งานมา 5 ปี หรือ รถยนต์ Proton Wira ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมา 20 ปี การขายรถยนต์ของคุณกับ Carsome ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานถึงเดือนในการหาเวลาเพื่อที่จะเจรจากับผู้ซื้อและเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆเพื่อดำเนินการทำธุรกรรม นอกจากนี้แล้วยังรวมไปถึงความซับซ้อนของเอกสาร ข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบสำหรับผู้ขายที่มีข้อมูลน้อย และขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการขายรถยนต์

แต่คุณไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะบทความนี้เรามีรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารที่คุณจำเป็นต้องใช้เมื่อจะขายรถของคุณผ่าน Carsome ทั้งนี้เรายังได้รวบรวมเอกสารที่คุณจำเป็นต้องใช้หากคุณขายรถกับผู้ซื้อโดยตรงอีกด้วย

เอกสารที่จำเป็นสำหรับผู้ขายส่วนตัว เมื่อขายรถให้กับ Carsome กรณีขายรถที่จดเป็นชื่อบุคคลธรรมดาและไม่ติดไฟแนนซ์

• สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (National Registration Identity Card: NRIC) (หรือหนังสือเดินทางสำหรับผู้ที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทย)
• ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ (เล่มสีฟ้า)
• สำเนาทะเบียนบ้าน
• หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
• ประกันภัย (ถ้ามี)
• กุญแจสำรอง (ถ้ามี)
• ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ (หากเป็นประกันชั้น 1)
• แบบคำขอโอนและรับโอนจากกรมการขนส่งทางบก (ถ้ามี)

เอกสารที่จำเป็นสำหรับผู้ขายส่วนตัวให้กับผู้ซื้อทั่วไป กรณีขายรถที่จดเป็นชื่อบุคคลธรรมดาและไม่ติดไฟแนนซ์

• บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถยนต์ ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
• แบบคำขอโอน 1 ใบ ผู้ขายเซ็นตรงผู้โอน
• หนังสือมอบอำนาจ 1 ใบ – “ใช้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์เลขทะเบียน…..เท่านั้น”
• สมุดคู่มือจดทะเบียน (เล่มสีฟ้า)
• สัญญาซื้อขาย สำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย

และนี่ก็คือลิสต์เอกสาทั้งหมดที่คุณควรเตรียมไว้เมื่อต้องการขายรถ เราหวังว่าคุณจะสามารถขายรถได้อย่างราบรื่นและได้ราคาสูงอย่างที่ต้องการ!

อ่านบทความต่อ: เทคนิคขายรถมือสองให้ได้ราคาสูง  หรือ คู่มือการขอสินเชื่อรถยนต์ พร้อมเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยฉบับสมบูรณ์

หากคุณกำลังสนใจจะ ซื้อรถ หรือ ขายรถ แล้วล่ะก็… ที่ Carsome เสนอราคาให้คุณได้ดีที่สุด! เรามีขั้นตอนการชำระเงินที่รวดเร็ว และไม่มีขั้นตอนยุ่งยากใด ๆ 

ใกล้จะถึงงาน Motor Expo 2018 หรือมหกรรมยานยนต์ ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 35 ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “ขับสนุก ! ก่อนยุคไร้คนขับ” หรือ “ENJOY DRIVING! BEFORE DRIVERLESS ERA” จึงทำให้หลายคนที่มีรถคันเก่า อยากเปลี่ยนมาใช้รถคันใหม่ เพราะด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย วัสดุอุปกรณ์เกรดพรีเมี่ยม และมีดีไซน์หรูหรา ทำให้น่าซื้อมาขับใช้เสียจริง แต่จะขายคันเก่าอย่างไรให้ทันก่อนงาน Motor Expo ที่จะจัดขึ้นภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ เราขอแนะนำเคล็ดลับดี ๆ ในการขายรถยนต์มือสองเบื้องต้น และสิ่งที่คุณต้องเตรียมพร้อมขาย เพื่อช่วยให้คุณได้เงินไปซื้อรถคันใหม่ รับรองได้ว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

1. จัดเตรียมเอกสาร พร้อมขาย

คุณควรเตรียมเอกสารสำคัญให้กับผู้ซื้อได้มั่นใจว่าเป็นรถถูกกฎหมาย และเป็นคุณเป็นเจ้าของรถ เช่น มีเล่มทะเบียนที่ถูกต้อง เสียภาษีรถยนต์ประจำปีแล้ว (แต่ถ้าภาษีรถขาด ก็ควรบอกให้ผู้ซื้อ) บัตรประชาชนยังไม่หมดอายุ เพื่อจะได้โอนรถไปยังเจ้าของใหม่ได้ กับ พรบ. รถยนต์ รวมถึงเอกสารประกันภัยรถยนต์ อีกทั้งต้องมีเอกสารการโอนรถ เอกสารการซื้อ-ขายให้ผู้ซื้ออย่างถูกต้อง และลงรายละเอียดให้เรียบร้อย

2. ประวัติการซ่อมแซม

ถ้าเป็นไปได้ คุณควรจะเก็บประวัติการซ่อมแซม (เช่น Book Service หรือใบเสร็จรับเงิน จากอู่ หรือศูนย์บริการ ที่เคยไปใช้บริการหรือซ่อมแซม) และแจ้งข้อมูลเหล่านั้นให้กับผู้ที่ดูรถ เพื่อแสดงถึงความจริงใจในการขาย เพื่อให้ผู้ซื้อมีการตัดสินใจในการซื้อง่ายขึ้น เพราะถ้าคุณเก็บประวัติพวกนี้ไว้ แสดงว่าคุณต้องเป็นคนใส่ใจ และดูแลรถอย่างดีนั่นเอง

3. เช็กสภาพตัวรถเบื้องต้น

คุณสามารถเช็กสภาพรถดูก่อนว่ามีจุดบกพร่องตรงไหนบ้างหรือไม่? อย่างเช่น ด้านนอกรถพยายามเช็กดูว่าตัวรถประตูข้างมีรอยบุบ หรือรอยขีดข่วนไหม ? ส่วนบริเวณภายในตัวรถนั้นต้องตรวจสอบระบบเสียง เบาะที่นั่ง แผงหน้าปัดรถ เครื่องปรับอากาศ (เหมาะสำหรับรถที่ไม่ได้ดูแลหรือใช้งานทุกวัน) หรือนำเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็กสภาพเบื้องต้น เพื่อจะได้นำข้อมูลไปแจ้งให้ผู้ซื้อทราบ ทำให้เพิ่มความมั่นใจ และสามารถเรียกราคาเพิ่มขึ้นได้

4. เช็กราคา รุ่น ยี่ห้อ ปีรถ เดียวกัน

ก่อนคุณจะลงขายรถ ควรเช็กราคาตลาดของรถรุ่นคุณดูก่อน โดยขั้นตอนการเช็กสามารถหาดูจากเว็บไซต์ขายรถยนต์มือสอง เปรียบเทียบดูกับรถรุ่นเดียวกัน ปีเดียวกัน กับคันอื่น ๆ ว่าตั้งราคาไว้ประมาณที่เท่าไหร่ หรืออาจใช้วิธีเอารถเข้าไปเต็นท์รถตีราคา

5. ตั้งราคาตามสภาพรถจริง

หลังจากดูราคาจากเว็บรถมือสองต่างๆ เมื่อเปรียบเทียบจากรถปีเดียวกัน รุ่นเดียวกันแล้ว สามารถคิดและตั้งราคาในใจเอาไว้ ถ้ารถเราสภาพดีจริง และยังไม่ได้เร่งรีบขาย ก็อาจตั้งราคาไว้สูงหน่อย ซึ่งถ้าเป็นรถตลาดส่วนใหญ่ สภาพดี และเป็นสียอดนิยมอย่าง สีชาว สีบรอนซ์ สีทอง จะใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถขายออกได้ ส่วนค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ จะลดลงทุกปีตามอายุของรถ ตราบใดที่ยังมีรถรุ่น ยี่ห้อเดียวกัน ผลิตออกมาใหม่เรื่อยๆ โดยราคาตกลงมาอยู่ที่ประมาณ 1-2 หมื่นบาท/คัน

6. รูปสวย มีชัยไปกว่าครึ่ง

อย่างแรกคุณต้องทำความสะอาดรถจะล้างเอง หรือเข้าคาร์แคร์ก็ได้ ตามความสะดวก และหลังจากการทำความสะอาดรถ อย่าลืม เคลียร์ของที่ไม่จำเป็นออกนอกรถให้เรียบร้อย หาสถานที่ถ่ายรูปที่ทำให้รถยนต์ดูเด่น และมีองค์ประกอบอื่นให้น้อยที่สุด เพื่อให้คนซื้อสนใจแต่รถของคุณ