ในปัจจุบันปัญหาน้ำเน่าเสียมีจำนวนมากและส่งผลกระทบต่อบ้านเมืองและการใช้ชีวิตของมนุษย์ที่อยู่ใกล้บริเวณใกล้แม่น้ำมีกลิ่นเหม็นเนื่องจากเกิดมาจากความมักง่ายและเห็นแก่ตัวของมนุษย์เราจึงนำเหตุผลหรือปัญหานี้มาศึกษาเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำให้มีประสิทธิภาพและหาวิธีแก้ปัญหาแหล่งน้ำโดยวิธีการต่างๆที่สอดคล้องกับปัญหานี้ แหล่งน้ำบ้านแม่ใสซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้บ้านของ ณิชารีย์ ซึ่งในแต่ละเดือนมีขยะจำนวนมากที่อยู่ในบริเวณแหล่งน้ำและในแม่น้ำ บริเวณนั้นส่งกลิ่นเหม็นมากและทำให้ชาวบ้านบริเวณนั้นได้รับความเดือดร้อนและส่งผลต่อการปลูกพืชของชาวบ้านแถวนั้นที่ต้องการใช้น้ำและทำให้สัตว์น้ำในแหล่งน้ำบริเวณนั้นเน่าตายเป็นจำนวนมาก และอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้แหล่งน้ำเน่าเสียก็เกิดมาจากการทิ้งขยะและการใช้เคมีลงสู่แหล่งน้ำ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสีย ซึ่งจากปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวนั้นกลุ่มของกลุ่มข้าพเจ้าจึงเกิดกระบวนการคิดของสมาชิกในกลุ่มและขอคำชี้แนะของครูผู้สอนมาพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้าง Eliminate น้ำเสีย โดยการนำหลักของมหาวิทยาลัยมหิดล มาเป็นแบบอย่าง เพื่อเป็นการศึกษาแนวทางในการสร้าง Eliminate น้ำเสีย ซึ่งผู้จัดทำคาดว่าเรื่อง Eliminate น้ำเสีย ที่จะสร้างขึ้นนี้จะช่วยให้แม่น้ำบริเวณแม่ใสสะอาดและน่าใช้มากขึ้น ตลอดจนเป็นการนำความรู้ ทักษะวิชาชีพและอื่นๆที่ได้ศึกษาตามหลักสูตรมาบูรณาการ วัตถุประสงค์ของการศึกษา 1. เพื่อศึกษาพฤติกรรมของประชาชนในชุมชนบ้านแม่ใส 2. เพื่อศึกษาหาสาเหตุที่ทำให้แม่น้ำบริเวณหน้าวัดชุมชนบ้านแม่ใสเน่าเสีย 3. เพื่อรณรงค์ให้ชาวบ้านเห็นถึงความสำคัญของแม่น้ำเน่าเสียบริเวณหน้าวัดบ้านแม่ใส สมมุติฐาน 1.สาเหตุการที่แม่น้ำบริเวณหน้าวัดชุมชนบ้านแม่ใสเน่าเสียและมีกลิ่นเหม็น เพราะมีขยะอยู่ในแม่น้ำ 2.ไม่มีถังขยะอยู่ใกล้บริเวณแม่น้ำ ทำให้ชาวบ้านทิ้งขยะลงไปในแม่น้ำ 3.พฤติกรรมของคนในชุมชนที่ทิ้งขยะลงไปในแม่น้ำโดยไม่มีการบำบัดก่อนทิ้ง ขอบเขตการศึกษา 1. แหล่งน้ำชุมชนบ้านแม่ใส 2. มีบ้านเรือนที่สำรวจบริเวณนั้นประมาณ10หลัง 3. ใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าในเรื่องนี้ ประชากรในชุมชน จำนวน 50 คน ซึ่งเป็นครอบครัวที่อยู่ภายในบริเวรบ้านแม่ใส ประโยชน์ที่ได้รับจากการศึกษาค้นคว้า 1. ทำให้แหล่งน้ำสะอาดและน่าใช้ยิ่งขึ้น 2. รู้วิธีการศึกษาแหล่งน้ำ 3. ทำให้รู้ถึงสาเหตุของการเกิดแหล่งน้ำเน่าเสีย นิยามศัพท์เฉพาะ Eliminate คือ การกำจัดในภาษาอังกฤษแต่ภายในโครงงานนี้หมายถึงการกำจักหรือบำบัดน้ำเสีย เพื่อหาสาเหตุของน้ำเน่าเสียทำให้เป็นประโยชน์ต่อชุมชนบ้านแม่ใส บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ในการศึกษาเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ ความคิดเห็นของคนในชุมชนบ้านแม่ใสที่มีต่อแหล่งน้ำที่ใช้ประกอบอาชีพและใช้ในชีวิตประจำวัน ผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้าเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาน้ำเน่าเสีย โดยลำดับเนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญดังต่อไปนี้ 1. สภาพทั่วไปของชุมชนบ้านแม่ใส 2. ความหมายของการพัฒนาแหล่งน้ำในบริเวณนั้นๆ 3. แนวคิด/ทฤษฎีในเรื่อง Eliminate น้ำเสีย 4. ความสำคัญของ Eliminate น้ำเสีย 5. องค์ประกอบของการพัฒนาน้ำเน่าเสีย 6. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 6.1 งานวิจัยในมหาวิทยาลัย 6.2 งานวิจัยในชุมชน 6.3 งานวิจัยในโรงเรียน สภาพทั่วไป ชุมชนบ้านแม่ใสสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ในแหล่งน้ำมีความสกปรก ไม่น่าใช้ และส่งกลิ่นเหม็นทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นได้รับความเดือดร้อน สรุป แหล่งน้ำบ้านแม่ใส มีความสกปรกและมีกลิ่นเหม็นควรได้รับการพัฒนา ความหมายหมายของ การพัฒนาแหล่งน้ำเน่าเสียมีผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเน่าเสียจึงได้ปรึกษาทำเรื่องบำบัดน้ำเน่าเสียแต่ไม่สามารถทำสำเร็จได้ เพราะคนในชุมชนต่างไม่รับฟังความคิดเห็นและยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่อแหล่งน้ำซึ่งตรงกับทาง โครงงาน IS ที่พวกนักเรียนได้จัดทำ จึงมีแนวทางนำหลักมหาวิทยาลัยมหิดลมา เป็นแบบอย่างในการทำโครงงานครั้งนี้ สรุป ผู้จัดทำมีความคาดหวังเป็นอย่างยิ่งในการทำโครงงานเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อชุมชุนและเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ขึ้นตลอดจนนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน แนวคิด/ทฤษฎีในเรื่อง การพัฒนาแหล่งน้ำเน่าเสียเพื่อพัฒนา Eliminate น้ำเสีย ให้มีประสิทธิภาพและน่าใช้มากยิ่งขึ้นและสำรวจเพื่อนำมาทำโครงงานให้เกิดประโยชน์ต่อยอดถึงการนำมาเป็นแนวทางการประกอบอาชีพที่สามารถทำให้ชุมชนน่าอยู่ตลอดจนนำมาเป็นความรู้ให้คนในชุมชนในหมู่บ้านร่วมแรงร่วมใจในการพัฒนาแหล่งน้ำ สรุป แหล่งน้ำจะน่าใช้ยิ่งขึ้น ตลอดจนเป็นการนำความรู้ทักษะวิชาชีพที่ได้ศึกษาตามหลักสูตรมาบูรณาการ เพื่อสร้างเป็นนวัตกรรมใหม่และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและเป็นแนวในการประกอบอาชีพต่างๆ ความสำคัญ Eliminate น้ำเสียเพื่อพัฒนา Eliminate น้ำเสีย ให้มีประสิทธิภาพและน่าใช้มากยิ่งขึ้นและสำรวจเพื่อนำมาทำโครงงานให้เกิดประโยชน์ต่อยอดถึงการนำมาเป็นแนวทางการประกอบอาชีพที่สามารถทำให้ชุมชนน่าอยู่ตลอดจนนำมาเป็นความรู้ให้คนในชุมชนในหมู่บ้านร่วมแรงร่วมใจในการพัฒนาแหล่งน้ำ สรุป ผู้จัดทำมีความคาดหวังเป็นอย่างยิ่งในการทำโครงงานเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อชุมชุนและเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ขึ้นตลอดจนนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน องค์ประกอบEliminate น้ำเสีย วัตถุประสงค์ของการศึกษา 1. เพื่อพัฒนา Eliminate น้ำเสีย ให้มีประสิทธิภาพและน่าใช้มากขึ้น 2. เพื่อสำรวจและนำมาทำโครงงาน เป้าหมาย 1. พฤติกรรมการทิ้งขยะลงแหล่งน้ำของมนุษย์ 2. เทน้ำเสียลงแม่น้ำโดยไม่มีการบำบัดน้ำก่อนทิ้ง ขั้นตอน/วิธีการดำเนินงาน 1. ตั้งวัตถุประสงค์ 2. ตั้งสมมุติฐาน 3. ค้นหารวบรวมข้อมูล 4. ลงสำรวจพื้นที่จริง/สอบถาม 5. สรุปทำสถิติ 6. แก้ไข/นำเสนอ ผลคาดว่าที่จะได้รับ 1. ทำให้แหล่งน้ำสะอาดและน่าใช้ยิ่งขึ้น 2. รู้วิธีการศึกษาแหล่งน้ำ 3. ทำให้รู้ถึงสาเหตุของการเกิดแหล่งน้ำเน่าเสีย
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง Eliminate น้ำเสีย งานวิจัยในประเทศ รุ่งศักดิ์ หอมศรี (2537) ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมของระบบตะกอนเร่ง ในการบำบัดน้ำเสียในชุมชนที่มีความเข้มข้นของค่าบีโอดีและค่าซีอีโอต่ำ แต่มีค่าไนโตรเจนสูงภายใต้สภาวะที่มีเวลากักตะกอนต่างๆ โดยนำน้ำเสียมาเจือจางทำให้ความเข้มข้นของบีโอดีและค่าซีโอดีและไนโตรเจนประมาณ 78.6, 157.1และ33.9 มิลลิกรัม/ลิตร ตามลำดับ โดยควบคุมให้มีเวลากักน้ำคงที่เท่ากับ 4 ชั่วโมงทุกการทดลอง และการควบคุมอายุตะกอนของระบบให้มีค่าอยู่ในช่วง 2-22.7 วัน ปรากฏว่าระดับของแข็งแขวนลอยในน้ำตะกอน (MLSS) มีค่าอยู่ในช่วง 586-3,402 มิลลิกรัม/ลิตร โดยปริมาตรตะกอนและดัชนีปริมาณตะกอนมีค่าสูงสุดถึง 970 และ 1,225 มิลลิกรัม/ลิตร ตามลำดับ การนำถังคัดพันธุ์มาใช้ร่วมกับระบบตะกอนเร่ง สามารถช่วยป้องกันและแก้ไขได้และให้ค่าปริมาตรตะกอนและดัชนีปริมาตรมีค่าลดลง เมื่อเกิดปัญหาตะกอนไม่จมตัวลงเนื่องจากมีแบคทีเรียชนิดที่มีเส้นใยเกิดขึ้น
งานวิจัยต่างประเทศ งานวิจัยนี้เป็นของทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลันเพนน์ซิลวาเนียสเตท (Pennsylvania State University) สหรัฐฯ หรือ เพนน์สเตท (Penn State) โดยรายละเอียดของงานวิจัยนี้ได้เผยแพร่ลงวารสารไซน์ (Science) ซึ่งบีบีซีนิวส์ระบุว่าก่อนหน้านี้ 2-3 ปีนักวิทยาศาสตร์จากเนเธอร์แลนด์ได้เริ่มพิสูจน์แนวคิดในการสร้างพลังงานหมุนเวียนจากบริเวณแนวชายฝั่งของประเทศซึ่งน้ำจืดจากแม่น้ำไหลมาบรรจบกับน้ำเค็มในทะเล บทที่ 3 วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า วิธีการดำเนินการวิจัยเรื่อง Eliminateน้ำเสีย ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยโดยมีการดำเนินการตามขั้นตอนสำคัญดังนี้ 1. ประชากร 2. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล 4. การวิเคราะห์ข้อมูล ประชากร ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ประชาชนในชุมชนบ้านแม่ใสและนักเรียนโรงเรียนบริเวณนั้นจำนวน 50 คน สุ่มอย่างง่าย ตารางที่ 1 แสดงจำนวนประชากรที่ใช้ในการศึกษาจำแนกตามสภาพ สถานภาพของประชากร จำนวน (คน) 1. เพศ 1.1 ชาย 1.2 หญิง 21 29 รวม 50 2. อาชีพ/สถานะ 2.1 นักเรียน 2.2 รับราชการ 2.3 พ่อค้า แม่ค้า 2.4 อื่นๆ 12 10 15 13 รวม 50 เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการศึกษาดังนี้ 1. เครื่องคอมพิวเตอร์จากการสืบค้นในเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ศึกษาค้นคว้า ตำรา เอกสาร บทความและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคที่เกิดจากขยะและรายละเอียดวัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างแบบสอบถาม ศึกษาวิธีการสร้างแบบสอบถาม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างแบบสอบถามของตน ศึกษาความหมาย ทฤษฎี หลักการ แนวคิด องค์ประกอบเพื่อทำเป็นนิยามเชิงปฏิบัติการ (นิยามศัพท์เฉพาะ) และนำนิยามศัพท์เชิงปฏิบัติการมาเป็นแนวทางในการสร้างข้อคำถาม พัฒนาแบบสอบถามปลายปิดใช้ในการรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นของประชากรนำเสนออาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อปรับปรุงแก้ไขแบบสอบถามแล้วนำไปจัดพิมพ์เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลต่อไป การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยวิธีการสร้างแบบสอบถามซึ่งมีขั้นตอนในการดำเนินงานดังนี้ 1. ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยวิธีนำแบบสอบถามไปสอบถามประชาชนและเก็บรวบรวมข้อมูลกลับด้วยการกรอกข้อมูลและตอบแบบสอบถามที่ให้ 3. ได้รับแบบสอบถามกลับคืนและตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบบสอบถามแล้ว มีความสมบูรณ์จำนวน 50 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 100 4. นำแบบสอบถามมาตรวจให้คะแนนดังนี้ (ในกรณีของแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า) มีความคิดเห็น มากที่สุด ให้ 5 คะแนน มีความคิดเห็น มาก ให้ 4 คะแนน มีความคิดเห็น ปานกลาง ให้ 3 คะแนน มีความคิดเห็น น้อย ให้ 2 คะแนน มีความคิดเห็น น้อยที่สุด ให้ 1 คะแนน 5. นำคะแนนที่ได้จัดพิมพ์ลงเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อเตรียมการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลดังนี้ 1. วิเคราะห์สภาพของประชากรจำแนกตามเพศและสถานะอาชีพใช้ความถี่และค่าร้อยละ 2. วิเคราะห์แบบสอบถามโดยการหา ค่าเฉลี่ย, ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานโดยรวมและรายข้อ 3. นำผลที่ได้จากการวิเคราะห์ทางสถิติมาแปลผลแบ่งคะแนนเป็นช่วง ๆ มีความหมายดังนี้ ค่าเฉลี่ย 4.50-5.00 แปลความหมายว่า มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 3.50-4.49 แปลความหมายว่า มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 2.50-3.49 แปลความหมายว่า มีความคิดเห็นอยู่ในระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ย 1.50-2.49 แปลความหมายว่า มีความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อย ค่าเฉลี่ย 1.00-1.49 แปลความหมายว่า มีความคิดเห็นอยู่ในระดับน้อยที่สุด สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล แบบสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามวิเคราะห์ด้วย สถิติพื้นฐาน ดังนี้ บุญสม ศรีสะอาด (2545 :105) 2. ค่าเฉลี่ย (Mean) 3. ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน(Standard Deviation) 4. ค่าความถี่ (Frequency) บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การนำเสนอผลการวิเคราะห์ประเมินความพึงพอใจของประชาชนในชุมชนบ้านแม่ใสที่มีต่อแม่น้ำบริเวณแม่น้ำชุมชนบ้านแม่ใสผู้วิจัยได้นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลและการการแปรผลที่ได้จากการวิเคราะห์ตามลำดับดังนี้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบดังต่อไปนี้
ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ตารางที่2 ตารางวิเคราะห์จำนวนและร้อยละของนักเรียนจำแนกตามเพศและห้องเรียน สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน (คน) ร้อยละ 1. เพศ 1.1 ชาย 1.2 หญิง 21 29 42 58 2. อาชีพ 2.1 นักเรียน/นักศึกษา 2.2 รับราชการ 2.3 พ่อค้า/แม่ค้า 2.4 อื่นๆ 12 10 15 13 24 20 30 26 รวม 50 100
ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของประชาชนในชุมชนบ้านแม่ใส ที่มีต่อแม่น้ำบริเวณแม่น้ำชุมชนบ้านแม่ใส ตารางที่ 3 ตารางวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของความพึงพอใจของประชาชนในชุมชนบ้านแม่ใส ที่มีต่อแม่น้ำบริเวณแม่น้ำชุมชนบ้านแม่ใส |