เครื่องกรองน้ำ วิทยาศาสตร์

น้ำสำคัญกับชีวิตเรามาก โดยเฉพาะตอนเข้าป่า ตั้งแคมป์ เดินทางไปยังถิ่นทุรกันดารที่ไม่มีน้ำสะอาดใช้ ถ้าขาดอาหาร เราอยู่ได้นานถึง 1 อาทิตย์ แต่ถ้าขาดน้ำ แค่ 2 - 3 วันก็ไม่รอดแล้ว ถ้าในยามฉุกเฉินหรือไปลำบากห่างไกลความเจริญแล้วไม่มีน้ำสะอาด ต้องหาน้ำดื่มน้ำใช้ ก็ต้องรู้จักวิธีการกรองสิ่งสกปรกที่อาจทำคุณป่วยไข้ได้ บทความวิกิฮาวนี้เลยจะแนะนำวิธีการทำเครื่องกรองน้ำเฉพาะหน้าให้คุณเอง

  1. เครื่องกรองน้ำ วิทยาศาสตร์

    1

    รวบรวมอุปกรณ์. เครื่องกรองน้ำของเราอาศัยการจัดเรียงวัสดุต่างๆ เป็นชั้นๆ ใช้กรองน้ำสกปรกให้สะอาดขึ้นได้ แต่ถ้าจะนำไปดื่ม กรองเสร็จก็ต้องต้มน้ำซะก่อน (อ่านขั้นตอนที่ 6 ส่วนที่ 2)[1] สิ่งของที่ต้องใช้ในการทำเครื่องกรองน้ำก็มี

    • ขวดพลาสติกที่มีฝาปิด
    • คัตเตอร์
    • ค้อนกับตะปู
    • กระดาษกรองกาแฟ
    • ถ้วยหรือแก้วมัคใบใหญ่ (มีอันไหนใช้อันนั้น)
    • ถ่านกัมมันต์ (Activated charcoal)
    • ทราย
    • กรวด
    • ภาชนะรองน้ำที่กรองแล้ว (จะใช้ขวดโหล ถ้วย แก้วมัค หรืออะไรก็แล้วแต่)

  2. 2

    ใช้คัตเตอร์ตัดก้นขวดออกสัก 2.5 เซนติเมตร (1 นิ้ว). โดยจรดปลายคัตเตอร์ที่ข้างขวด แล้วค่อยๆ ตัดไป ถ้าหั่นไปมาเร็วๆ (เหมือนเลื่อยไม้) จะง่ายกว่า

    • ถ้าน้องๆ หนูๆ อ่านบทความนี้อยู่ ให้ผู้ปกครองช่วยทำขั้นตอนนี้จะปลอดภัยกว่า
    • ทำหูหิ้วหรือที่จับด้วย จะได้แขวนไว้ระหว่างกรองน้ำ เริ่มจากเจาะ 2 รูแถวๆ รอยตัด รูที่ว่าต้องอยู่ตรงข้ามกัน จากนั้นรอยเชือกผ่าน 2 รูนี้ แล้วผูกปม

  3. 3

    ใช้ค้อนตอกตะปูเจาะรูที่ฝาขวด. รูนี้จะช่วยให้น้ำไหลช้าลง กรองน้ำได้ละเอียดยิ่งขึ้น ถ้าไม่มีค้อนกับตะปู ให้ใช้คัตเตอร์กรีดเป็นรูปตัว X แทน

  4. 4

    เอากระดาษกรองกาแฟปิดปากขวด แล้วปิดฝาทับให้แน่น. กระดาษกรองกาแฟจะกักถ่านกัมมันต์ไว้ในขวด ไม่ให้หล่นออกมา ส่วนฝาขวดก็ช่วยยึดกระดาษกรองกาแฟไว้

  5. 5

    คว่ำขวดเอาฝาลง แล้วใส่ในถ้วยหรือแก้วมัค. ขวดจะได้ไม่เอียงตอนคุณเทสารพัดวัสดุกรองน้ำลงไป ถ้าไม่มีถ้วยหรือแก้วมัค ก็วางขวดลงตรงๆ ที่โต๊ะ แต่ต้องคอยเอามือประคองแทน

  6. 6

    ใส่ถ่านกัมมันต์ลงไป 1/3 ของขวด. ถ้าถ่านมาเป็นก้อนใหญ่ๆ ต้องทำให้เป็นเศษเล็กๆ ก่อน โดยเอาใส่ถุงแล้วทุบด้วยของแข็ง (เช่น ค้อน) จนได้เศษถ่านขนาดไม่เกินเมล็ดถั่ว

    • บอกเลยว่าถ่านก็ดำสมชื่อ เพราะฉะนั้นขั้นตอนนี้ต้องสวมถุงมือตลอดเวลา

  7. 7

    เททรายใส่ตาม ให้เป็นชั้นกลาง. จะใช้ทรายชนิดไหนก็ได้ แต่อย่าใช้ทรายสีๆ สำหรับทำงานฝีมือ เพราะสีจะปนเปื้อนไปในน้ำได้ เวลาเททรายต้องให้ได้ชั้นหนาเท่าชั้นถ่าน เสร็จแล้ววัสดุกรองน้ำจะเกินครึ่งขวดมาหน่อยแล้ว

    • ให้ใช้ทราย 2 ชนิด คือทรายละเอียดกับทรายหยาบ ให้ใส่ทรายละเอียดลงไปบนชั้นถ่านก่อน ตามด้วยทรายหยาบอีกที ชั้นกรองที่น้ำไหลผ่านจะได้เยอะขึ้น น้ำที่ได้ยิ่งสะอาด

  8. 8

    ชั้นสุดท้ายคือกรวด. โดยให้ชั้นกรวดสูงห่างจากรอยตัดประมาณ 2.5 ซม. (1 นิ้ว) ขึ้นไป อย่าเทกรวดใส่จนเต็มขวด เพราะน้ำจะล้นได้ถ้าชั้นกรองละเอียดเป็นพิเศษ

    • ให้ใช้กรวด 2 ชนิด คือกรวดละเอียดกับกรวดหยาบ โดยเทกรวดละเอียดลงไปบนชั้นทรายก่อน แล้วตามด้วยกรวดหยาบอีกที

    โฆษณา

  1. เครื่องกรองน้ำ วิทยาศาสตร์

    1

    เลือกขวดโหลที่ใช้รองน้ำหลังกรองเสร็จ. ขวดโหลต้องสะอาดและใหญ่พอจะใส่น้ำทั้งหมดที่กรองได้ ถ้าไม่มีขวดโหล ให้ใช้ชาม ถ้วย หม้อ หรือแก้วมัคแทน

  2. เครื่องกรองน้ำ วิทยาศาสตร์

    2

    จ่อขวดกรองน้ำที่ภาชนะ. ให้ฝาขวดชี้ไปทางก้นภาชนะ ถ้าใช้ขวดโหลปากกว้างก็วางขวดลงไปข้างในได้เลย ไม่ต้องคอยถือขวด แต่ถ้าทำที่จับหรือที่ห้อยไว้ ก็แขวนขวด จ่อด้านฝาไปที่ขวดโหลหรือภาชนะรองน้ำได้เลย

  3. 3

    เทน้ำลงในขวดกรอง. ค่อยๆ เท อย่ารีบ น้ำจะได้ไม่ล้นหรือกระฉอกออกมา ถ้าน้ำเริ่มปริ่มมาถึงรอยตัด ให้รอจนน้ำลดระดับลงไป พอกรวดโผล่พ้นน้ำค่อยเทเพิ่ม

  4. เครื่องกรองน้ำ วิทยาศาสตร์

    4

    รอจนน้ำที่กรองแล้วไหลลงขวดโหล. ประมาณ 7 - 10 นาที เพราะน้ำต้องค่อยๆ ไหลผ่านสารพัดชั้นกรองจนออกมาใสสะอาด

  5. 5

    เทน้ำที่กรองแล้วกลับลงในขวดกรองอีกรอบ ถ้ายังไม่ใสหรือสะอาดพอ.[2] พอน้ำหยุดไหล ก็หยิบขวดโหลออกจากใต้ขวดกรองได้เลย จากนั้นเปลี่ยนขวดโหลใหม่ แล้วเทน้ำที่กรองแล้วกลับลงในขวดกรอง อาจจะต้องกรองซ้ำ 2 - 3 รอบ กว่าน้ำจะใสสะอาดสมใจ

  6. 6

    ต้มน้ำอย่างน้อย 1 นาที ดื่มแล้วจะได้ยิ่งปลอดภัยหายห่วง. เพราะน้ำยังอาจมีแบคทีเรียร้ายหลงเหลือ รวมถึงสารเคมี และจุลินทรีย์ตกค้าง ก็ต้องกำจัดออกโดยต้มน้ำอย่างน้อย 1 นาที[3]

    • ถ้าบ้านคุณอยู่เหนือระดับน้ำทะเลมากกว่า 1,000 เมตร (5,000 ฟุต) ต้องต้มน้ำนาน 3 นาทีขึ้นไป[4]

  7. เครื่องกรองน้ำ วิทยาศาสตร์

    7

    รอจนน้ำเย็น แล้วกรอกใส่ภาชนะสะอาด มีฝาปิดมิดชิด. อย่าทิ้งน้ำไว้ข้างนอกนานเกินไป เพราะแบคทีเรียจะย้อนกลับไปได้

    โฆษณา

  1. 1

    กรองน้ำขุ่นให้ใส โดยเทใส่กระดาษกรองกาแฟ. คว่ำกระดาษกรองกาแฟรูปถ้วยกลมๆ ให้ครอบถ้วยหรือแก้วเหมือนฝาปิด จากนั้นเอาหนังยางรัดปากแก้วยึดกระดาษกรองไว้ ค่อยๆ เทน้ำขุ่นลงไปในกระดาษ กรองเสร็จก็ต้มน้ำจะได้ดื่มอย่างสบายใจ

    • ถ้าไม่มีกระดาษกรองกาแฟ ให้ใช้ทิชชู่หนาๆ แบบซับน้ำมัน หรือผ้าคอตตอนแทน แต่ต้องขนาดใหญ่พอจะครอบปากแก้วได้ ถ้าใช้ทิชชู่หรือผ้าสีขาวไม่มีลายได้จะดีที่สุด เพราะแบบมีลายจะมีสีย้อม อาจจะซึมลงน้ำได้

  2. 2

    กรองน้ำด้วยเปลือกกล้วย. เปลือกผลไม้สามารถดูดซับแบคทีเรียได้ ให้ปอกกล้วยแล้วเอาเปลือกไปปั่นในเครื่อง ส่วนเนื้อกล้วยจะกินเลยหรือเก็บไว้ทำอาหารอย่างอื่นก็แล้วแต่ พอปั่นเปลือกกล้วยเสร็จ ก็เทลงกระดาษกรองได้เลย จากนั้นเอากระดาษกรองไปจ่อที่ถ้วย เทน้ำลงไปในกระดาษกรอง เปลือกกล้วยที่ใส่ไปจะกักแบคทีเรียไว้ ส่วนกระดาษกรองกาแฟก็จะกรองน้ำขุ่นให้ใสสะอาดสมใจคุณ[5]

  3. 3

    กรองน้ำด้วยเนื้อเยื่อลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ (xylem) ของพืช โดยใช้ขวดน้ำกับกิ่งสน. กระพี้ (sapwood) ของต้นไม้ เช่น ของต้นสน จะมี xylem ใช้ดูดซับและกรองสิ่งสกปรกกับแบคทีเรียได้ เรียกว่ากรองแบคทีเรียจากน้ำได้มากถึง 99.9% เลยทีเดียว แต่ดักไวรัส เช่น ไวรัสตับอักเสบ (hepatitis) กับไวรัสโรต้า (rotavirus) ไม่ได้[6] [7] หลังกรองน้ำด้วยวิธีนี้ต้องต้มน้ำก่อน ถึงจะปลอดภัยพอดื่มได้ ขั้นตอนการกรองน้ำด้วย xylem ก็คือ[8]

    • ตัดกิ่งสนให้ได้ยาวประมาณ 10 ซม. (4 นิ้ว)
    • ลอกเปลือกไม้ แล้วตัดให้ได้ขนาดพอที่จะยัดลงในคอขวดได้ ถ้ากิ่งใหญ่ไป ให้ขัดด้วยกระดาษทรายหรือริดกิ่งด้วยมีดพก
    • สอด 2.5 ซม. (1 นิ้ว) แรกของกิ่งลงไปในขวด
    • ตัดก้นขวดออก แล้วคว่ำขวดลง
    • เติมน้ำลงในขวด แล้วปล่อยให้น้ำไหลผ่านกิ่งสน
    • อย่าปล่อยให้กิ่งแห้ง เพราะจะกรองน้ำได้ไม่มีประสิทธิภาพพอ[9]

    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • แทนที่จะทำชั้นกรอง 3 ชั้นหนาๆ จากถ่าน ทราย และกรวด ให้เปลี่ยนเป็นชั้นบางๆ แต่สลับกันไปเรื่อยๆ จนใกล้รอยตัดของขวดแทน
  • ถ้าอยากกรองน้ำให้แน่ใจว่าสะอาดปลอดภัยแน่ ก็ต้องซื้อขวดกรองน้ำสำเร็จรูปแบบที่ใช้เวลาออกค่ายตั้งแคมป์แทน เพราะดักจับแบคทีเรียและจุลินทรีย์ต่างๆ ได้ดีกว่าขวดกรองน้ำแก้ขัดของเราแน่นอน
  • ถ้าหากระดาษกรองกาแฟไม่ได้ ให้ขยำผ้าคอตตอนหรือใช้นุ่นยัดหมอน/ตุ๊กตาแทน
  • ถ้าต้มน้ำแล้วรสกร่อย ให้ลองเติมเกลือลงไป 1 หยิบมือ หรือเทน้ำไปมาระหว่าง 2 ภาชนะสัก 2 - 3 รอบ[10]

โฆษณา

คำเตือน

  • ถึงกรองน้ำแล้วบางทีก็ไม่ปลอดภัยพอจะดื่ม ต้องต้มหรือฆ่าเชื้อก่อนนำไปอุปโภค บริโภค และปรุงอาหาร
  • ต้องต้มน้ำก่อนใช้บ้วนปากแปรงฟัน ใช้ดื่ม ปรุงอาหาร หรือชงเครื่องดื่ม (เช่น ชา กาแฟ) กระทั่งล้างจาน[11]

โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 29,193 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม