การกอบกู้เอกราชของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชนั้นเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทยที่น่ายกย่องชื่นชม
เพราะท่านเป็นวีรบุรุษที่ทำให้ประเทศชาติมีถึงทุกวันนี้ได้
หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงขับไล่พวกพม่าออกไปจากกรุงศรีอยุธยาแล้ว พระองค์จึงทรงย้ายราชธานีจากกรุงศรีอยุธยาไปยังกรุงธนบุรี ซึ่งเคยเป็นเมืองหน้าด่านมาก่อน และนี่คือ 12 เหตุผลที่ทำไมกรุงธนบุรีจึงเหมาะที่จะเป็นราชธานีหรือเมืองหลวงแห่งใหม่แทนที่จะเป็นกรุงศรีอยุธยาตามเคย
1. หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและกองทัพ ได้กอบกู้เอกราชคืนมาหลังสงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 กรุงศรีอยุธยาถูกทำลายจนยากแก่การบูรณะให้ดีดังเดิม
2. เนื่องจากกรุงศรีอยุธยาเกิดจากการรวมตัวของแคว้นละโว้กับแคว้นสุพรรณภูมิ จึงทำให้มีบริเวณที่กว้างขวางมากเกินกว่าจำนวนกำลังกองทัพที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีอยู่
3. ก่อนจะเกิดสงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ไทยได้ทำสงครามกับพม่าถึง 6 ครั้ง ทำให้ข้าศึกรู้ลู่ทางภูมิประเทศและจุดอ่อนของกรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างดี ทำให้เสียเปรียบและยากในการป้องกันพระนคร
4. ถึงแม้กรุงศรีอยุธยาจะตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และยังมีแม่น้ำอื่นๆอีกมากมายไหลผ่าน แต่อยู่ห่างจากทะเลมากเกินไป ไม่สะดวกต่อการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ
5. กรุงธนบุรีเป็นเมืองขนาดเล็ก พอเหมาะกับกำลังพลของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่จะป้องกันรักษาได้
6. หากเกิดกรณีที่ข้าศึกมีกำลังที่มากกว่าจะรักษาราชธานีไว้ได้ ก็อาจย้ายไปตั้งมั่นที่เมืองจันทบุรีที่มั่นคงกว่าโดยทางเรือ เพื่อรวบรวมกำลังผู้คน อาวุธ เสบียงอาหาร
7. กรุงธนบุรีมีป้อมปราการที่สร้างไว้ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สามารถใช้ป้องกันข้าศึกได้
8. กรุงธนบุรีมีทำเลที่ตั้งเหมือนกรุงศรีอยุธยา คือ ตั้งอยู่บนเกาะ และยังมีสภาพเป็นที่ลุ่ม มีบึงน้อย บึงใหญ่อยู่รายล้อมทั่วไป ทำให้ข้าศึกไม่สามารถโอบล้อมพระนครได้โดยง่าย
9. กรุงธนบุรีอยู่ใกล้ปากน้ำ สะดวกแก่การค้าขายกับชาวต่างประเทศ เรือสินค้าต่างๆ สามารถเข้าจอดเทียบท่าได้โดยไม่ต้องขนถ่ายสินค้าลงเรือเล็กอย่างสมัยอยุธยา ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
10. กรุงธนบุรีเป็นเมืองเก่า มีวัดต่างๆ จำนวนมากที่สร้างไว้ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ทำให้ไม่จำเป็นต้องสร้างวัดขึ้นมาใหม่ให้สิ้นเปลือง เพียงแต่บูรณปฏิสังขรณ์บ้างเท่านั้น
11. กรุงธนบุรีเป็นแหล่งเกษตรกรรมที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยสภาพของพื้นที่เป็นที่ลุ่ม มีดินดี มีคลองและแม่น้ำหลายสาย มีน้ำใช้ตลอดปี เหมาะแก่การทำเกษตร ทำนา ปลูกข้าว ทำสวนผักและสวนผลไม้
12. กรุงธนบุรีมีที่ตั้งที่ไม่ห่างจากกรุงศรีอยุธยามากนัก จึงทำให้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีพระราชอำนาจปกครองกรุงศรีอยุธยาแล้ว และยังสามารถป้องกันกรุงศรีอยุธยาจากชุมนุมอื่นๆ และกองทัพพม่าได้ง่าย
“ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง”
ที่มา : รศ. ดร.ไพฑูรย์ มีกุศล และคณะ, หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ ม.2
.สาเหตุการย้ายราชธานี
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงปราบจลาจลภายในกรุงธนบุรีและสร้างความมั่น
ประเทศแล้วพระองค์ทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกมายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งนี้เนื่องด้วยสาเหตุหลายประการ ดังนี้
1. พระราชวังเดิมของกรุงธนบุรีคับแคบ มีวัดขนาบอยู่ทั้ง 2 ด้าน คือ วัดแจ้ง(วัดอรุณราชวราราม)และวัดท้ายตลาด (วัดโมลีโลกยาราม) ทำให้ไม่สามารถขยายอาณาเขตของพระราชวังให้กว้างขวางขึ้นได้
2. พระองค์ไม่ทรงเห็นด้วยที่จะให้พระนครแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาผ่ากลาง เป็นเสมือนเมืองอกแตก เพราะหากข้าศึกยกทัพเข้ามาตามลำแม่น้ำ ก็สามารถบุกตีใจกลางเมืองหลวงได้ ทำให้ยากแก่การเคลื่อนพลจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการยากลำบากมาก ดังนั้นพระองค์จึงย้ายพระนครมาอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเพียงแห่งเดียว โดยมีแม่น้ำเป็นคูเมืองทางด้านตะวันตกและใต้ ส่วนทางด้านตะวันออกและทางด้านเหนือโปรดเกล้าฯให้ขุดคลองขึ้นเพื่อเป็นคูเมืองป้องกันพระนคร
3.
พื้นที่ทางฝั่งตะวันออกเป็นที่ราบลุ่ม สามารถขยายเมืองให้กว้างออกไปได้เรื่อยๆ เพราะส่วนทางฝั่งตะวันออกของพื้นที่เป็นแหลม โดยมีแม่น้ำเป็นกำแพงกั้นอยู่เกือบครึ่งเมือง
4. ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่เป็นท้องคุ้ง น้ำกัดเซาะตลิ่งพังทลายอยู่เสมอ จึงไม่เหมาะแก่การสร้างอาคารหรือถาวรวัตถุใดๆ ไว้ริมฝั่งแม่น้ำ
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงให้สร้างเมืองใหม่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่บริเวณหัวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา คือ บริเวณพระบรมมหาราชวังในปัจจุบันและพระราชทานนามเมืองใหม่นี้ว่า กรุงเทพมหานครบวรรัตนโกสินทร์ มหินทราอยุธยามหาดิลก ภพนพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์ มหาสถานอมรพิมานอวตารสถิต สักกทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์ ต่อมาในรัชกาลที่ 3 ทรงเปลี่ยนจากคำว่า บวรรัตนโกสินทร์ เป็น อมรรัตนโกสินทร์