การออกกําลังกายแบบคาร์ดิโอเหมาะกับใคร

6 ท่าคาร์ดิโอ ลดน้ำหนัก เบิร์นเน้นๆ ไขมันหาย แถมได้หน้าท้องแบน!

การออกกําลังกายแบบคาร์ดิโอเหมาะกับใคร

Show
Faii_Natnista

1 กันยายน 2565 ( 14:30 )

791.2K

31

     ถ้าจะมองหาท่าออกกำลังกายที่ช่วยเบิร์นไขมันได้ดี ลดน้ำหนัก ได้เร็ว เราขอแนะนำการออกกำลังกายแบบ คาร์ดิโอ (Cardio) เลยค่ะ แต่ใครที่กำลังสงสัยและสับสนว่าคาร์ดิโอคืออะไร และต่างกับการออกกำลังกายแบบปกติยังไง ตามเรามาเลยค่า เรามีคำตอบ!

 

 

     คาร์ดิโอ (Cardio) นั้น เป็นการออกกำลังกายที่เน้นการเผาผลาญไขมันเป็นหลักค่ะ โดยจะเน้นการขยับเขยื้อนร่างกายให้อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น ซึ่งเมื่อระบบไหลเวียนโลหิตมีการสูบฉีด ร่างกายจะต้องการออกซิเจนมากขึ้น ในขณะเดียวกันร่างกายก็ต้องการน้ำตาลมากขึ้น ทั้งนี้น้ำตาลที่อยู่ตามกล้ามเนื้อจะถูกนำมาใช้ ลดการแปรเปลี่ยนน้ำตาลไปเป็นไขมัน ซึ่งนั่นจะถือเป็นการลดการสะสมไขมันในส่วนต่างๆ ของร่างกายนั่นเองค่า

     ซึ่งนอกจากการปั่นจักรยาน การวิ่ง หรือว่ายน้ำ ที่ถือเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอแล้ว นี่ก็เป็นท่าออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่นอกจากจะช่วยเบิร์นได้ดีแล้ว ยังช่วยลดพุง ลดห่วงยางรอบเอวของสาวๆ ได้ดีอีกด้วย! อ่ะรู้แบบนี้แล้วจะรออะไรกันอยู่ล่ะคะ มาทำท่าคาร์ดิโอเหล่านี้กันเลย!

 

ท่าคาร์ดิโอ ลดน้ำหนัก : ท่าที่ 1 Warm Up ด้วยท่า Jumping Jack

 

 

1.1 ยืนตรงเท้าชิด มือ 2 ข้างแนบข้างลำตัว

1.2 กระโดดพร้อมแยกขาออกจากกัน ส่วนมือทั้งสองข้างยกขึ้นเหนือศีรษะ

1.3 กระโดดกลับที่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำจนครบ 1-2 นาที

 

ท่าคาร์ดิโอ ลดน้ำหนัก : ท่าที่ 2 Bicycle Crunch

 

 

2.1 นอนราบกับพื้น ยกขาทั้งสองข้างขึ้นตั้งฉาก ยกศีรษะขึ้นจากพื้น มือทั้งสองข้างแตะไว้ที่ด้านหลังศีรษะ

2.2 ยกลำตัวด้านบนขึ้นเอียงไปด้านซ้าย ให้ศอกขวาแตะที่เข่าซ้าย พร้อมกับเหยียดขาขวาตรงไปด้านหน้า

2.3 สลับข้าง บิดลำตัวเอียงไปด้านขวา ให้ศอกซ้ายแตะที่เข่าขวา พร้อมกับเหยียดขาซ้ายตรงไปด้านหน้า นับเป็น 1 ครั้ง ทำซ้ำจนครบ 15-20 ครั้ง

 

ท่าคาร์ดิโอ ลดน้ำหนัก : ท่าที่ 3 Mountain Climber

 

 

3.1 นอนคว่ำ อยู่ในท่าคล้ายวิดพื้น แขนทั้งสองข้างเหยียดตึง

3.2 งอเข่าขวา ทแยงไปทางซ้าย

3.3 สลับข้าง งอเข่าซ้าย ทแยงไปทางขวา นับเป็น 1 ครั้ง ทำซ้ำจนครบ 8-10 ครั้ง

 

ท่าคาร์ดิโอ ลดน้ำหนัก : ท่าที่ 4 Squat Jump

 

 

4.1 ยืนตรง แยกเท้าห่างจากกันเล็กน้อย มือทั้งสองข้างแตะไว้ด้านหลังศีรษะ จากนั้นย่อตังลง ทิ้งก้นไปด้านหลัง

4.2 ดันตัวขึ้น พร้อมกระโดด ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง

 

ท่าคาร์ดิโอ ลดน้ำหนัก : ท่าที่ 5 Lunge Jump

 

 

5.1 ยืนตรง มือทั้งสองข้างแนบข้างลำตัว กระโดดก้าวเท้าซ้ายออกไปด้านหน้า ย่อเข่าลงจนเข่าด้านหลังเกือบติดพื้น แขนทั้งสองข้างเหยียดไปด้านหลัง

5.2 ดันตัวขึ้น พร้อมกระโดด ชูมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ

5.3 สลับข้าง กระโดดก้าวเท้าขวาออกไปด้านหน้า ย่อเข่าลงจนเข่าด้านหลังเกือบติดพื้น แขนทั้งสองข้างเหยียดไปด้านหลัง นับเป็น 1 ครั้ง ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ Cardio เป็นความรู้ที่เกี่ยวโยงกับวิทยาศาสตร์การกีฬา ซึ่งทุกอย่างจะต้องคำนวนและวัดผลได้แม่นยำ เป็นที่นิยมในกลุ่มของนักเพาะกาย ฟิตเนส และผู้ที่ต้องการลดความอ้วน ถือว่าเป็นการวางแผนการลดไขมันส่วนเกินที่ดีทีเดียว วงการออกกำลังกายเข้าแล้วออกง่ายถ้าใจไม่นิ่งพอ ช่วงนี้เทรนด์การออกกำลังกายมาแรงอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นเรื่องดีที่คนหันมาใส่ใจสุขภาพ แต่สำหรับมือใหม่อาจจะเคยได้ยินการออกกำลังกายฮิตๆ ทั้ง 2 แบบ คือ Cardio กับ Weight Training อาจจะฟังดูเหนื่อยเหมือนกัน แต่สองอย่างนี้มีอะไรแตกต่างกันบ้าง มาดูความแตกต่างของการออกกำลังกายแบบ Cardio และ Weight Training จะได้รู้ว่าเราเหมาะจะเป็นคนฟิต ออกกำลังกายทั้ง 2 แบบควบกันได้ หรือควรโฟกัสแบบไหนให้เหมาะกับตัวเองCardio

คาร์ดิโอเป็นการออกกำลังกายที่เน้นการเผาผลาญ กระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจ และระบบไหลเวียนเลือด มีหลายระดับ ตามอัตราการเต้นของหัวใจ

  • การเผาผลาญแคลอรี่ : Cardio จะเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่า Weight Training เมื่อออกกำลังกายในระยะเวลาเท่ากัน 
  • ลดน้ำหนัก : เหมาะกับการลดน้ำหนัก 
  • สร้างกล้ามเนื้อ : เน้นการลดน้ำหนักมากกว่าสร้างกล้ามเนื้อ
  • ประโยชน์ : 
    • ช่วยเผาผลาญไขมัน
    • กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต
    • หัวใจและปอดแข็งแรง
    • ลดความเครียดและซึมเศร้า
  • เหมาะกับใคร : คนที่ต้องการลดน้ำหนัก เผาผลาญไขมัน
  • Cardio มีกีฬาอะไรบ้าง : 
    • วิ่ง : 1ชม. เผาผลาญ 500-700 kcal.
    • กระโดดเชือก : 1ชม. เผาผลาญ 500-700 kcal.
    • ปั่นจักรยาน : 1ชม. เผาผลาญ 400-500 kcal.
    • เต้นซุมบ้า : 45 นาที เผาผลาญ 500 kcal.

Weight Training

เวท เทรนนิ่ง เป็นการออกกำลังกายที่ฝึกฝนความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ มักจะใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย

  • การเผาผลาญแคลอรี่ : เผาผลาญอย่างต่อเนื่องแม้จะอยู่ในช่วงพัก
  • ลดน้ำหนัก : เน้นกระชับสัดส่วน 
  • สร้างกล้ามเนื้อ : เน้นการสร้างกล้ามเนื้อมากกว่า Cardio 
  • ประโยชน์ 
    • กล้ามเนื้อกระชับ
    • เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  • เหมาะกับใคร : คนที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ กระชับหุ่น
  • Weight Training มีกีฬาอะไรบ้าง
    • ยกดัมเบล
    • ซิทอัพ
    • สควอท
    • แพลงก์

สำหรับคนที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อความแข็งแรง ลดน้ำหนัก และกระชับสัดส่วนไปพร้อมกัน สามารถออกกำลังกายทั้งสองอย่างควบคู่กันไปได้ ที่สำคัญคือควรทำอย่างต่อเนื่่อง 45-60 นาทีต่อครั้ง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง

ออกกําลังกายคาร์ดิโอ ช่วยอะไร

คาร์ดิโอ (Cardio Exercise) เป็นการออกกำลังกายที่เน้นการเสริมความแข็งแรงของหัวใจและปอดให้สามารถนำออกซิเจนมาใช้ได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต ช่วยในการเผาผลาญแคลอรี่ และช่วยในการลดน้ำหนักได้อีกด้วย

การออกกําลังกายแบบคาร์ดิโอ กับ เวทเทรนนิ่งมีความแตกต่างกันอย่างไร

คาร์ดิโอ คือ การออกกำลังกายแบบใช้ความอดทนที่ช่วยเสริมระบบไหลเวียนโลหิตของร่างกาย ทั้งหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่ การวิ่ง ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิค ในขณะที่เวทเทรนนิ่ง คือ การออกกำลังกายที่ใช้การต้านทานต่อกล้ามเนื้อหดตัวเพื่อเพิ่มความแข็งแรง เพิ่มความทนทาน และสร้างกล้ามเนื้อโครงร่าง ได้แก่ พิลาทิส โยคะ และบอดี้เวท เช่น ...

คาร์ดิโอ ดีไหม

ร่างกายมีความยืดหยุ่นมากขึ้น – การออกกำลังกายแบบนี้จะช่วยให้ร่างกายมีความยืดหยุ่นกว่าที่ควรจะเป็น ลดอาการปวดเมื่อยต่างๆ ตามร่างกายได้ดี ช่วยลดความดันโลหิต – การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอจะช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้เป็นอย่างดี

การออกกําลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง คืออะไร

Weight training หรืออาจะเรียกอีกอย่างว่า Resistance training หรือ การออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน เช่น การยกน้ำหนักที่เราสามารถใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นดัมเบลล์ บาร์เบล ยางยืด หรือน้ำหนักตัวของเราเอง