ข อสมมต ของ แม บทการบ ญช ม ก ข อ

การบญั ชีมบี ทบาทและมีความสาคญั ในกจิ การทุกประเภท ไมว่ า่ จะดาเนินการโดยหวงั ผลกาไรหรือไม่ก็ตาม เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการนาไปปฏิบตั ิงานด้านบญั ชีหรือการ ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ บั ญ ชี แ บ บ ค รั ว เ รื อ น ต า ม แ น ว คิ ด ห ลั ก เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง จึงควรเข้าใจความหมายของการบญั ชี จุดประสงค์ของการบญั ชี ประโยชน์ของข้อมูลการบญั ชี ข้ อ แ น ะ น า ก า ร เ รี ย น วิ ช า บั ญ ชี รวมท้งั ความรู้เกี่ยวกบั แม่บทการบญั ชี เพื่อประยุกต์ใช้กบั งานดงั กล่าวข้า งต้นให้มี ประสทิ ธภิ าพยงิ่ ขน้ึ

สมาคมนกั บญั ชีและผู้สอบบญั ชีรบั อนุญาตแห่งประเทศไทย หรือ ส.บช. (The Institute of Certified Accountants and Auditor of Thailand : ICAAT) ใน ปจั จุบนั คือสภาวิชาชีพบญั ชีในพระบรมราชูปถมั ภ์ (Federation of Accounting Professions under the Royal Patronage of His Majesty the King) ได้ให้ ความหมายของการบญั ชีไวด้ งั นี้

การบญั ชี (Accounting) หมายถงึ ศลิ ปะของการเกบ็ รวบรวม บนั ทกึ จาแนกและ ทาสรุปข้อมลู อนั เกีย่ วกบั เหตุการณ์ทางเศรษฐกจิ ในรูปตวั เงิน ผลงานขน้ั สุดท้ายของ การบญั ชีก็คือการให้ข้อมูลทางการเงินซึ่งเป็ นประโยชน์แก่บุคคลหลายฝ่ าย และผู้ที่ สนใจในกจิ กรรมของกจิ การ

จากคานิยามดงั กล่าว การบญั ชี หมายถึง ศิลปะของการจดบนั ทึก การจาแนกให้ เป็ นหมวดหมู่และการสรุปผลส่ิงสาคญั ในรูปตวั เงิน รายการและเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่ง เ กี่ ย ว ข้ อ ง ด้ า น ก า ร เ งิ น ร ว ม ท้ั ง ก า ร แ ป ล ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง ผ ล การปฏบิ ตั ิ ซง่ึ เป็ นคานิยามทไี่ ดร้ บั การยอมรบั โดยท่วั ไป

การบญั ชีมคี วามหมายทสี่ าคญั 2 ประการ คือ

1. การทาบญั ชี (Bookkeeping) เป็ นหน้าทีข่ องผู้ทาบญั ชี (Bookkeeper) มี ดงั น้ี

1.1การรวบรวม (Collecting) หมายถึง การรวบรวมข้อมูลหรือรายการค้าที่ เ กิ ด ขึ้ น ป ร ะ จ า วั น และหลกั ฐานทีเ่ กยี่ วกบั การดาเนินธุรกจิ เช่น การซ้ือและขาย การรบั และจ่ายเงนิ เป็ น ตน้

1.2การบนั ทึก (Recording) หมายถงึ การจดบนั ทึกรายการคา้ ทีเ่ กิดขน้ึ แต่ละ ครง้ั ใหถ้ กู ต้องตามหลกั การบญั ชีทีร่ บั รองท่วั ไปพรอ้ มกบั บนั ทกึ ขอ้ มูลใหอ้ ยู่ในรูปของ หน่วยเงนิ ตรา

1.3การจาแนก (Classifying) หมายถึง การนาข้อมูลที่จดบนั ทึกไว้แล้วมา จาแนกใหเ้ ป็ นหมวดหมขู่ องบญั ชีประเภทต่างๆ เช่น หมวดสนิ ทรพั ย์ หนี้สิน สว่ นของ เจา้ ของ รายไดแ้ ละคา่ ใชจ้ า่ ย

1.4การสรุปข้อมูล (Summarizing) เป็ นการนาข้อมูลที่ได้จาแนกให้เป็ น หมวดหมแู่ ล้วมาสรุปเป็ นรายงานทางการเงิน (Accounting Report) ซึ่งแสดงถงึ ผล การดาเนนิ งานและฐานะการเงนิ ของธุรกจิ ตลอดจนการไดม้ าและใช้ไปของเงินสดใน

กจิ การประเภทต่างๆ ทีป่ ระกอบธุรกจิ รา้ นคา้ เจา้ ของคนเดียวตา่ งก็มงุ่ หวงั ผลกาไร ในกิจการของตนเองท้งั สิ้น ดงั น้นั จึงจาเป็ นต้องจดั ทาบญั ชีเพื่อวตั ถุประสงค์หลกั ดงั ตอ่ ไปน้ี

1. เพอื่ ชว่ ยใหเ้ จา้ ของกจิ การสามารถควบคมุ รกั ษาสนิ ทรพั ย์ของตนเองได้ 2. เพือ่ ช่วยใหท้ ราบผลการดาเนนิ งานของกจิ การ ในรอบระยะเวลาใดเวลาหนึ่งวา่ ผลการดาเนนิ งานทีผ่ า่ นมา กจิ การมกี าไรหรอื ขาดทนุ เป็ นจานวนเทา่ ใด 3. เพื่อช่วยให้ทราบฐานะการเงินของกิจการ ณ วนั ใดวนั หน่ึงว่ากิจการมี สนิ ทรพั ย์ หน้ีสนิ และทุนซง่ึ เป็ นสว่ นของเจา้ ของกจิ การเป็ นจานวนเทา่ ใด 4. การทาบญั ชีเป็ นการรวบรวมสถติ ิอย่างหน่ึงที่ช่วยในการบริหารงาน และให้ ข้ อ มู ล อั น เ ป็ น ป ร ะ โ ย ช น์ ในการวางแผนการดาเนินงานและควบคุมกิจการให้ประสบผลสาเร็จตามความมุ่ง หมาย 5. เพื่อบนั ทึกรายการค้าที่เกิดขึ้นตามลาดบั ก่อนหลงั และจาแนกประเภทของ รายการคา้ ไว้ 6. เพอื่ ใหถ้ กู ตอ้ งตามพระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยการทาบญั ชีของกจิ การตา่ งๆ

เมื่อมีการจดั ทาบญั ชีอย่างถูกต้องตามวตั ถุประสงค์แล้ว ก็จะส่งผลทา ให้กิจการ ไดร้ บั ประโยชน์ของขอ้ มลู การบญั ชีมากมาย ดงั ตอ่ ไปนี้

1. เพื่อเป็ นเครื่องมือวดั ความสาเร็จในการดาเนินธุรกิจ การทาบญั ชีจะทาให้ กิจการทราบผลการดาเนินงาน ฐานะทางการเงิน และความม่นั คงของธุรกิจ โดยใน การจดั ทาบญั ชีนน้ั จะบนั ทกึ บญั ชีรายการตา่ งๆ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในการดาเนนิ ธุรกจิ

2. เพื่อช่วยในการวางแผนและตดั สินใจของธุรกิจ โดยประเมินจากข้อมูล เหตุการณ์ในอดีต ปจั จุบนั และอนาคต ซ่งึ อาจจะอยูใ่ นรูปของรายงานวเิ คราะหต์ ่างๆ อนั เป็ นเครอื่ งมอื ช่วยใหผ้ บู้ ริหารงานสามารถดาเนินงานอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ

3. เพือ่ ช่วยในการวางแผนกาไร และควบคมุ คา่ ใช้จ่ายของกจิ การ เมอื่ ข้อมลู ทาง บญั ชีถูกต้อง จะทาใหท้ ราบจานวนต้นทุนและคา่ ใช้จ่ายทีเ่ กิดขึ้น และคานวณต้นทุน ของสินค้าและบริการได้ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยในการตดั สินใจกาหนดราคาสินคา้ หรือ บริการของธุรกิจ ช่วยควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้เป็ นไปตามที่ กาหนดไว้ และนาไปวิเคราะห์ ปรบั ปรุงรายจ่ายที่ไม่จาเป็ นออกรวมถึงช่ว ยวาง แผนการดาเนินงานไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมกบั ทรพั ยากรทกี่ จิ การมีอยู่

การเรียนวิชาบญั ชีน้นั ต้องยึดถือ และปฏิบตั ิตามหลกั การบญั ชีที่รับรองกนั โดยท่วั ไป ไมว่ ่าจะเป็ นมาตรฐานการบญั ชี แมบ่ ทการบญั ชี ประกาศจากกรมพฒั นา ธรุ กจิ การคา้ เป็ นตน้ โดยมขี อ้ แนะนาดงั น้ี

1. ควรอา่ นหนงั สือวิชาบญั ชีแต่ละบทอย่างละเอยี ดอยา่ งน้อย 2 ครง้ั เรือ่ งใดอา่ น แลว้ ไมเ่ ขา้ ใจใหถ้ ามครูผูส้ อนหรือผรู้ ู้

2. ควรทาแบบประเมินผลหรือแบบฝึ กหดั ทุกข้อด้วยตนเอง อย่างสม่าเสมอ รวดเร็วและถกู ตอ้ ง

3. การเขยี นตวั หนงั สอื และตวั เลขตอ้ งใหอ้ า่ นงา่ ย ชดั เจน สะอาด และเรียบรอ้ ย 4. การเขยี นตวั เลขนน้ั ควรใหต้ รงหลกั เสมอ เช่น หลกั หน่วยก็เขียนใหต้ รงกบั หลกั หน่วย เหลา่ น้ี เป็ นตน้ ตวั เลขทุกๆ 3 ตวั ใหใ้ ช้เครือ่ งหมาย “,” โดยนบั จากจุดทศนิยม ไ ป ท า ง ซ้ า ย มื อ ทุ ก 3 ตั ว แ ล ะ ถ้ า ไ ม่ มี เ ศ ษ ส ต า ง ค์ ใหใ้ ช้เครอื่ งหมาย “- ” เชน่ 5,250.75 หรอื 15,000.- 5. ถ้าเขียนตวั เลขผิดใหข้ ีดเส้นฆ่าตวั เลขที่ผิด แล้วเขียนตวั เลขใหม่ที่ถูกต้องไว้ ข้ า ง บ น ตั ว เ ล ข ผิ ด และลงชื่อย่อกากบั ไว้ ไม่ควรขูดลบตวั เลขที่ผิดหรือเขียนตวั เลขอืน่ ทบั ตวั เลขที่ผิด ตั ว อ ย่ า ง เ ช่ น ตั ว เ ล ข ที่ ถู ก ต้ อ ง

กรอบแนวคิดหรบั การรายงานทางการเงิน กาหนดข้อสมมติของงบการเงิน (Underlying Assumption) ซ่ึงระบุไว้เพียงการดาเนินงานต่อเนื่อง (Going Concern)

เกณฑ์คงค้าง (Accrual Basis) การบนั ทึกรายการทางบญั ชี จะบนั ทึกก็ต่อเมื่อ รายการนน้ั ได้เกดิ ขึน้ แลว้ โดยบนั ทกึ ถูกต้องตรงตามงวดบญั ชีทีเ่ กีย่ วข้อง นอกจากจะ ใ ห้ ข้ อ มู ล แ ก่ ผู้ ใ ช้ ง บ ก า ร เ งิ น เ กี่ ย ว กั บ ร า ย ก า ร ค้ า ใ น อ ดี ต ทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั การรบั และจ่ายเงินสดแล้ว ยงั ใหข้ ้อมูลเกยี่ วกบั ภาระผูกพนั ทีก่ จิ การตอ้ ง จ่ า ย เ ป็ น เ งิ น ส ด ใ น อ น า ค ต และข้อมูลเกี่ยวกบั ทรพั ยากรทีจ่ ะได้รบั เป็ นเงินสดในอนาคตด้วย ดงั น้นั จึงให้ข้อมูล รายการและเหตุการณ์ทางบญั ชีในอดีตซึ่งเป็ นประโยชน์แก่ผู้ใช้งบการเงินในการ ตดั สนิ ใจเชิงเศรษฐกจิ

ท้งั น้ี ข้อมูลผลการดาเนินงานตามเกณฑ์คงค้างถูกนาเสนอในงบกาไรขาดทุนและกาไร ข า ด ทุ น เ บ็ ด เ ส ร็ จ อื่ น ข อ ง กิ จ ก า ร โดยข้อสมมตขิ องการดาเนินงานต่อเนือ่ ง เพือ่ ให้ผู้ใช้หลกั สามารถทราบผลตอบแทนจากการใช้ ท รั พ ย า ก ร ข อ ง ฝ่ า ย บ ริ ห า ร รวมทง้ั สามารถใช้ในการพยากรณ์ผลตอบแทนในอนาคตจากการใช้ทรพั ยากรของ

ขณะทีข่ อ้ มลู ผลการดาเนินงานทีถ่ กู สะทอ้ นดว้ ยกระแสเงนิ สดในอดีตถูกนาเสนอใน

งบกระแสเงนิ สดของกจิ การ เพอื่ ใหผ้ ใู้ ชห้ ลกั สามารถทราบขอ้ มลู เกยี่ วกบั กระแสเงนิ สด

ระหว่างรอบระยะรายงานสาหรบั กิจกรรมดาเนินงาน กิจกรรมลงทุน และกิจกรรม

จดั หาเงนิ ตลอดจนสามารถใชป้ ระเมนิ สภาพคลอ่ งของกจิ การได้

ข้อสมมตใิ นการจดั ทางบการเงนิ คอื การดาเนินงานตอ่ เนือ่ ง (Going Concern)

ก ล่ า ว คื อ ง บ ก า ร เ งิ น

ทีจ่ ดั ทาขน้ึ ตามกรอบแนวคดิ สาหรบั การรายงานทางการเงนิ ตอ้ งมขี อ้ สมมติทีว่ ่ากจิ การ

จะดาเนินงานอย่างต่อเนือ่ งและดารงอยู่ตอ่ ไปในอนาคต หรือสามารถกลา่ วอีกนยั หน่ึง

ว่ า กิ จ ก า ร ไ ม่ มี เ จ ต น า ห รื อ ค ว า ม จ า เ ป็ น ที่ จ ะ เ ลิ ก กิ จ ก า ร

หรอื ลดขนาดการดาเนินงานอยา่ งมีสาระสาคญั อย่างไรก็ตามหากกจิ การมีเจตนาหรือ

มี ค ว า ม จ า เ ป็ น ดั ง ก ล่ า ว

งบการเงินตอ้ งจดั ทาขน้ึ โดยใช้เกณฑ์อืน่ และตอ้ งเปิ ดเผยหลกั เกณฑ์ทีใ่ ช้ในหมายเหตุ

ประกอบงบการเงนิ ดว้ ย

องค์ประกอบของงบการเงนิ องค์ประกอบของงบการเงิน หมายถงึ ประเภทของรายการทางบญั ชีที่แยกแสดง ตามลกั ษณะเน้ือหาเชิงเศรษฐกจิ ซง่ึ สามารถแบง่ องค์ประกอบของงบการเงนิ ไดเ้ ป็ น 2 ประเภท ดงั น้ี 1. องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องโดยตรงกบั ฐานะการเงิน ได้แก่ สนิ ทรพั ย์ หนี้สิน แ ล ะ ส่ ว น ข อ ง เ จ้ า ข อ ง ซง่ึ กรอบแนวคดิ ทางการเงิน ไดใ้ หค้ านิยามของแตล่ ะองค์ประกอบทีเ่ กยี่ วข้องโดยตรง กบั ฐานะการเงนิ ดงั น้ี

สนิ ทรพั ย์ หมายถงึ ทรพั ยากรทีอ่ ยู่ในความควบคมุ ของกจิ การ ซึ่งเป็ นผลมาจาก เ ห ตุ ก า ร ณ์ ใ น อ ดี ต ไ ม่ ว่ า มาจากการซื้อ การผลิต หรือการรบั บริจาคก็ตาม แต่ต้องไม่รวมถึงรายการและ เ ห ตุ ก า ร ณ์ ท า ง บั ญ ชี ที่ ค า ด ว่ า จะเกดิ ขนึ้ ในอนาคต เช่น การทาสญั ญาซื้อสนิ คา้ ลว่ งหน้า เป็ นตน้

หนี้สนิ หมายถงึ ภาระผูกพนั ในปจั จบุ นั ของกจิ การ ซง่ึ เป็ นผลมาจากเหตุการณ์ในอดีต เช่น ก า ร ซื้ อ สิ น ค้ า ห รื อ บริการเป็ นเงินเชื่อ การกู้ยืมเงินจากสถาบนั การเงิน การขายสินค้าพร้อมกับการ

2. องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องโดยตรงกบั ผลการดาเนินงาน ได้แก่ รายได้และ

ค่ า ใ ช้ จ่ า ย ซึ่ ง ก ร อ บ แ น ว คิ ด

สาหรบั การรายงานทางการเงิน ได้ให้คานิยามของแต่ละองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง

โ ด ย ต ร ง กั บ ผ ล ก า ร ด า เ นิ น ง า น

ในงบกาไรขาดทุนเบด็ เสร็จอนื่ ดงั นี้

รายได้ หมายถึง การเพ่ิมข้ึนของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบระยะเวลา

รายงานในรูปของกระแสเขา้ หรอื การเพม่ิ คา่ ของสนิ ทรพั ย์ หรือการลดลงของหนี้สนิ อนั

สง่ ผลให้สว่ นของเจา้ ของเพิ่มขึ้น แต่ไมร่ วมถงึ เงนิ ทุนที่ได้รบั จากผู้มีสว่ นร่วมในส่วน

ของเจ้าของ เช่น รายได้จากการขายสินค้า รายได้ค่าธรรมเนียม รายได้ดอกเบี้ย

รายได้เงินปนั ผล รายได้ค่าเช่า เป็ นต้น รายได้รวมถึงรายการที่เป็ นรายได้ และผล

กาไร

ค่าใช้จ่าย หมายถึง การลดลงของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบระยะเวลา

รายงานในรูปของกระแสออกหรือการลดคา่ ของสนิ ทรพั ย์ หรือการเพิม่ ขึ้นของหน้ีสนิ

อั น ส่ ง ผ ล ใ ห้ ส่ ว น ข อ ง เ จ้ า ข อ ง ล ด ล ง แ ต่ ต้ อ ง ไ ม่ ร ว ม ถึ ง

การแบ่งปนั สว่ นทุนให้กบั ผูม้ ีสว่ นร่วมในสว่ นของเจ้าของ เช่น การลดทุนการจ่ายเงิน

ปั น ผ ล เ ป็ น ต้ น ท้ั ง นี้ ตั ว อ ย่ า ง

ข้อสมมติตามแม่บทการบัญชี มีอะไรบ้าง

กำหนดไว้ แม่บทการบัญชีได้กำหนดข้อสมมติไว้ 2 ข้อ คือ - เกณฑ์คงค้าง คือ รับรู้ตามงวดบัญชี - กิจการต้องมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ ลด-ไม่เลิกกิจการ 3. ลักษณะเชิงคุณภาพของงบการเงิน

ขอบเขตของแม่บทการบัญชี มีอะไรบ้าง

ขอบเขตของแม่บทการบัญชี ครอบคลุมเรื่องต่างๆ ดังนี้ 1. วัตถุประสงค์ของงบการเงิน 2. ลักษณะเชิงคุณภาพของงบการเงิน 3. การรับรู้และการวัดมูลค่าขององค์ประกอบต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นงบการเงิน

การบัญชีมี5ขั้นตอนอะไรบ้าง

กระบานการทางบัญชีจะประกอบด้วย 6 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การวิเคราะห์ (Analyzing) การบันทึก (Recording) การแยกหมวดหมู่ (classifying) การสรุปผล (Summarizing) การรายงาน (Reporting) และการแปลความหมาย (Interpreting)

หมวดบัญชี 5 หมวด มีอะไรบ้าง

องค์ประกอบของบัญชีสามารถจัดแบ่งเป็น 5 หมวดดังนี้ 1. สินทรัพย์(Assets) 2. หนี้สิน (Liabilities) 3. ส่วนของเจ้าของ (Owner's Equity) 4. รายได้(Income or Revenue) 5. ค่าใช้จ่าย (Expenses)