Owari no seraph ม กะ ย ได ค ก นไหม

ใบหน้างามเนืองนองไปด้วยน้ำตา ไหล่เล็กๆสั่นอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งพอปล่อยมือจากชายเสื้อเขาแล้วนั่งกอดเข่าซบหน้าลงกับแขนยิ่งทำให้ยูจังของเขาดูตัวเล็กและเปราะบางยิ่งขึ้นไปอีกจนเขากลัวว่าถ้ามีอะไรมากระทบแรงๆอีกครั้งเขาคงจะได้เสียเธอไปจริงๆ

“มิ…ฮึกๆ…มิกะ ฮือ” เสียงเล็กที่ร้องเรียกชื่อเขาด้วยความเจ็บปวดแทบขาดใจเหมือนกันกับที่ร้องเรียกในวันที่เขาบังคับให้เธอหนีออกจากเมืองแวมไพร์ไปเมื่อตอนเด็กๆ

“ยูจัง” ร่างสูงขยับไปนั่งข้างๆหญิงสาว สองแขนรวบร่างนั้นเข้ามากอดไว้

“ยูจังยังมีผมอยู่นะ ผมจะอยู่กับยูจังตลอดไปนะ” เสียงทุ้มเอ่ยคำสัญญาที่เขาเคยทำไม่สำเร็จครั้งหนึ่งและจะไม่มีครั้งที่สอง

Owari no Seraph เป็นลิขสิทธิ์ของสยามอินเตอร์ ทุกๆอย่างในหน้านี้เกิดจากการมโนผสานกับเนื้อหาในมังงะนะคะ

****มโนล้วนไม่มีความจริงผสม****


.

“เฮ้- กุเร็น ฉัน—“

“ไม่”

“—แต่ว่า—“

“ไม่”

“—ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ! เจ้าบ้ากุเร็น!!”

“ไม่ว่านายจะถามอะไร คำตอบก็คือ ไม่”

“ชิ”

“…”

“…”

“…”

“กุเร็น..”

“เฮ้อ— ก็ได้ๆ จะถามอะไรล่ะ?”

“ฉัน… เรา เอ่อ.. เรารับเด็กมาเลี้ยงได้ไหม?”

“หา!?”

.

บทสนทนาข้างต้นทำให้กุเร็นวางงานทุกอย่างในมือลงแล้วหันไปพิจารณาคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างจริงจัง

“อยู่ๆเป็นบ้าอะไรขึ้นมา? ผลข้างเคียงของยานั้นหรือไง ฉันจำเป็นต้องส่งนายไปหาหมอตอนนี้เลยไหม?”

“ไอ้งีเง่าเอ้ย!”

ยูตอบคำพูดนั้นด้วยแก้วน้ำเปล่าๆที่ถูกโยนข้ามโต๊ะมา

กุเร็นจับมันแบบสบายๆแล้ววางไว้บนโต๊ะเช่นเดิม ดวงตาสีม่วงมองคนที่เริ่มอารมณ์ไม่ดีเพราะถูกเขาแหย่ แม้เวลาจะผ่านมานานมากแล้วแต่พวกเขาก็ยังไม่ต่างไปจากเมื่อ 5 ปีก่อนสักเท่าไร

…นอกจากระดับความสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้นมาล่ะนะ

“ฉันเอาจริงนะเจ้าบ้า..”

หลังพูดประโยคนั้นออกมายูอิจิโร่ก็นิ่งไป นัยน์ตาสีเขียวใสเต็มเปี่ยมด้วยความจริงจังจ้องมาที่เขา

เขาลองเอาสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาคิดดู อันที่จริงเขาไม่คิดอะไรมากหรอกกับการเลี้ยงเด็ก อายุก็ตั้งเท่านี้แล้วอีกอย่างก็เลี้ยงจนโตมาคนหนึ่งแล้วนี่นา แต่ที่เขางงก็คือคนตรงหน้าไปเอาความคิดนี้มาจากไหน

“ทำไมนายถึงอยากรับเลี้ยงเด็กขึ้นมาล่ะ?”

“เมื่อวันก่อนออกไปทำภารกิจกับพวกชิโนอะ…”

“แล้วก็เจอเด็กกำพร้า เห็นแล้วนึกถึงตัวเองเมื่อก่อนก็เลยสงสารงั้นสินะ?”

แค่ประโยคแรกเริ่มมาเขาก็เดาเจ้าหนูนี้ออกหมดแล้ว

อายุ 20 กว่าแล้วยังซื่อแบบนี้จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไงกัน

ยูมองเขาแบบอึ้งๆก่อนจะพยักหน้ารับว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปมันถูกต้องทั้งหมด

“เฮ้อ..”

ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาจะมีวันไหนที่เขาถอนหายใจไม่เกิน2ครั้งบ้างไหมนะ

“นายรู้ไหมว่าการเลี้ยงเด็กมันลำบากน่ะ ไหนจะเสื้อผ้า อาหาร การดูแลเอาใจใส่ เด็กอย่างนายจะทำได้เหรอ?”

“ไม่เด็กแล้วนะ! อีกอย่างตอนนายรับฉันมาเลี้ยงนายก็อายุเท่าฉันตอนนี้ไม่ใช่เหรอไง?!”

“มันต่างกัน เจ้าโง่ยู ตอนฉันอายุ20ฉันไม่ได้โง่เหมือนนายตอนนี้สักหน่อย”

“ว่าไงนะ!”

คราวนี้ยูส่งมือของตัวเองลอยข้ามโต๊ะมา เด็กหนุ่มเอื้อมสุดตัวเพื่อให้หมัดของตัวเองมาโดนตัวเขาให้ได้ ก่อนที่มือของผู้บังคับบัญชาจะดึงทั้งมือทั้งร่างเล็กๆที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เข้าหาตัวเอง จนตอนนี้ร่างของยูอิจิโร่กว่าครึ่งพาดอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาท่ามกลางเอกสาร ที่กระจัดกระจาย

โชคดีที่เขาเอาของส่วนใหญ่ไปวางที่อื่นมาตั้งแต่ต้นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเอาอะไรมาโยน ใส่เขาได้ ไม่งั้นปานนี้ข้าวของคงล้มโครมครามจนเรียกคนอื่นมาแน่

เรื่องอะไรจะให้มาขัดเขาตอนนี้กันล่ะ

กุเร็นรวบมือคนที่พยายามประทุษร้ายเขาอย่างต่อเนื่องเอาไว้- ถึงอีกฝ่ายจะแรงน้อยกว่าไม่ได้หมายความว่าเขาโดนตีแบบนี้แล้วไม่เจ็บสักหน่อย

“แค่ต่อยฉันง่ายๆแค่นี้นายยังทำไม่ได้เลย แล้วจะไปเลี้ยงเด็กไหวได้ยังไง”

..เขารู้ว่าสิ่งที่พูดออกไปมันไม่เกี่ยวกันหรอก แต่ต้องหาอะไรสักอย่างมาหยุดคนตรงหน้าไว้ก่อน

“แต่นายเลี้ยงไหวใช่ไหมล่ะ”

“หือ?”

ยูเงยหน้าขึ้นมามองเขา ใช้ดวงตาสีเขียวสวยนั้นสะกดเขาไว้อย่างง่ายดาย

“พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอไง”

ร่างของเด็กหนุ่มที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นจนระยะห่างระหว่างทั้งสองเหลือแค่คืบ

“นายจะช่วยฉันใช่ไหมล่ะ”

กุเร็นมองใบหน้าที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อม ดวงตาสีเขียวที่สะท้อนแววจริงจังและใบหูที่เริ่มขึ้นสีเรื่อ

เจ้าหนูนี้จะรู้วิธีแก้ทางเขาดีเกินไปแล้ว

“ก็ได้”

ยูอิจิโร่เผยสีหน้าดีใจออกมาอย่างไม่ปกปิดก่อนที่จะสะดุ้งวูบเมื่อโดนแขนแข็งแรงกระชับให้ร่างตัวเองแนบชิดกับกุเร็นมากขึ้น

“แต่ขอค่าตอบแทนสักนิดก็แล้วกัน”

.

หลังจากนั้นยูอิจิโร่ก็ลากเขามาที่สถานหลบภัยแห่งหนึ่ง

ที่นี้ก็เป็นเหมือนที่อื่นๆ มีซากปรักหักพังและผู้คนมากมายอาศัยอยู่เพื่อหลบหนีจากสัตว์ประหลาดข้างนอกนั้น

เพราะชุดเครื่องแบบที่พวกเขาใส่ทำให้ตกเป็นเป้าสายตาจากรอบด้าน แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่สนใจอยู่แล้ว

ยูกำลังดีใจที่บรรลุเป้าหมายจองตัวเอง ส่วนเขาก็กำลังคิดเรื่องสมาชิกใหม่ในอนาคต

ถ้าเป็นเด็กกำพร้าทั่วไปเจ้ายูคงไม่สนใจขนาดนี้แน่ๆ อย่างมากก็แค่ช่วยเหลือคงไม่มาขอให้เขารับมาเลี้ยงแบบนี้

น่าสนใจจริงๆ

เขาขอกลับคำ

ไอ้เด็กเวรนี้ไม่น่าสนใจแม้แต่นิดเดียว!

กุเร็นมองเด็กคนที่ยูอิจิโร่เดินเข้าไปหา เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมยูถึงได้ติดใจเจ้าหนูนี้นักหนา

ผมหยักศกสีทองอ่อนและดวงตาสีฟ้า

หน้าแบบนี้เหมือนไอ้เด็กแวมไพร์ตอนนั้นไม่มีผิด ไม่สิ มองอีกทีก็แค่คล้ายๆ สีผมก็อ่อนกว่ามากด้วย

แต่ก็ไม่สบอารมณ์อยู่ดีแหะ

กุเร็นพยายามเก็บอารมณ์ขุ่นมัวของตัวเองให้มากที่สุดเมื่อยูหันมาแนะนำเด็กคนนั้นให้รู้จัก

“เจ้าหมอนั้นชื่อกุเร็น ถึงจะดูเป็นคุณลุงน่ากลัวแต่หมอนั้นไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก เข้าไปแนะนำตัวสิ”

คิ้วเขากระตุกเล็กๆกับคำพูดของอีกคนแต่ก่อนที่เขาจะได้เขกหัวคนพูด เด็กชายคนนั้นก็เดินเข้ามาหาเขาซะก่อน

“เอ่อ สวัสดีครับ ผมชื่อราเอล ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

พูดเสร็จเด็กชายก็ก้มหัวให้เขา ก่อนจะใช้ดวงตาสีฟ้าสดมองตรงมาที่เขาโดยไม่หลบตา

เห- กล้าดีเหมือนกันนี่หว่า

“ฉันอิจิโนเสะ กุเร็น นอกนั้นนายคงได้ยินจากยูแล้ว ยินดีที่ได้รู้จัก”

– ? –


ชวนคุย: สวัสดีวันหยุดค่า

ต้องบอกก่อนเลยว่าฟิคนี้มาแบบชั่ววูบมาก555 เกิดขึ้นได้เพราะไปนั่งเล่นทวิตกับบอทกุเร็นกันแล้วอยู่ๆฟิคนี้ก็เกิดขึ้นมาค่ะฮาา

ถ้าผู้ดูแลบอทกุเร็นผ่านมาเห็นก็ขอบอกว่าขอบคุณมากนะคะที่ทนความติ่งและมโนของเราได้555

แล้วก็ขอบคุณแนวร่วมอย่างคุณด้วยนะคะ เมื่อวานสนุกดีจริงๆ555 #ผิด

อันที่จริงพอคุยๆกันในทวิตนี่พล็อตมาเยอะจริงๆ เราเองก็อยากลองเขียนให้พันโทเป็นแวมไพร์เหมือนที่มโนเอาไว้กับคุณเหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังคิดพล็อตไม่ได้เลยค่ะฮาาา//แต่พันโทชุดแวมไพร์ต้องเลอค่าแน่ๆฟฟฟ

เข้าเรื่องฟิค หลายๆคนอาจสงสัย(หรืออาจจะไม่) ว่าทำไมบนหัวบล็อกกับตอนจบถึงเป็นเครื่องหมาย ? คืออย่างที่บอกค่ะว่ามันเป็นฟิคชั่ววูบ เพราะงั้นเราเลยตัดสินใจไม่ได้ว่าจะต่อมันดีไหม หรือจะเขียนแค่นี้ดี ;w; แต่อีกหน่อยถ้ายังไม่ลืมเราคงเขียนตอนต่อออกมานั้นแล555

เพราะงั้นจนกว่าจะตัดสินอนาคตได้ฟิคนี้จะเป็น ? ต่อไปนะคะ Orz //แลดูเอาแต่ใจยังไงไม่รู้ขอโทษด้วยนะคะ

ส่วนชื่อราเอลเราเอามาจากรากูเอลที่เป็นทูตสวรรค์ค่ะ

เห็นในทัมป์ชอบเอามิกะ ยูจัง กุเร็นไปเปรียบกับมิคาเอล ลูซิเฟอร์ กาบริเอลเหลือเกิน พอมีตัวOCโผล่มาในฟิคเลยต้องหามาให้เข้ากันซะหน่อยค่ะ55

เทวทูตแห่งโลกมืดมีกี่ซีซั่น

ไม่แล้วครับ อนิเมะทำแค่ 2 ภาค

เทวทูตแห่งโลกมืดเป็นอนิเมะแนวไหน

แนว ต่อสู้, ดาร์กแฟนตาซี, ดรามา มังงะ

นิยายเทวทูตแห่งโลกมืด มีกี่เล่ม

[แยกเล่ม] เทวทูตแห่งโลกมืด Seraph of the end (ฉบับนิยาย) เล่ม 1-7.