ซื้อยาแก้ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis)…ทำไมถึงเป็น รักษาอย่างไรดี

ซื้อยาแก้ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

โรคนี้พบได้ในทุกเพศ ทุกวัย โดยทั่วไปจะพบในช่วงอายุ 20–50 ปี แต่พบบ่อยในสตรีมากกว่าผู้ชาย ทั้งนี้เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงเปิด และสั้นกว่าผู้ชายมาก และยังอยู่ใกล้ทวารหนัก แหล่งที่มีเชื้อแบคมีเรียจำนวนมาก จนมีโอกาสสูงที่เชื้อโรคจะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะจนเกิดการอักเสบ

ซื้อยาแก้ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

The Journal of the American Medical Association

อาการของโรคเป็นอย่างไร

ปัสสาวะบ่อย ครั้งละน้อยๆ ปวดแสบมากเมื่อจะสุดการปัสสาวะ บางรายอาจมีเลือด หรือหนองปนในปัสสาวะด้วย รวมถึงสีปัสสาวะจะขุ่น/สีคล้ำผิดปกติ และมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ ผู้ป่วยอาจมีไข้สูง หรือไข้ต่ำ เจ็บบริเวณเอว ปวดท้องน้อย หรือคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย

อาการมีทั้งแบบเกิดจากการอักเสบเฉียบพลัน เกิดทันที และสามารถรักษาหายได้ภายใน 2 -3 สัปดาห์ หรือเกิดจากการอักเสบเรื้อรัง อักเสบเป็น ๆ หาย ๆ แต่อาการจะรุนแรงน้อยกว่าการอักเสบเฉียบพลัน

ซื้อยาแก้ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ


สาเหตุของการเป็นโรค

เกิดจากกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อแบคทีเรียจากทวารหนัก และช่องคลอด โดยเชื้อโรคจะเข้าผ่านทางปากท่อปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ (เชื้อแบคทีเรียมีหลายชนิด แต่โดยประมาณ 75–95% มาจากเชื้อโรคอีโคไล (E.coli))

การวินิจฉัยโรค

เมื่อไปพบแพทยจะได้รับการสอบถามประวัติอาการ การตรวจร่างกาย อาจมีการวินิจฉัยตรวจปัสสาวะเพื่อหาเชื้อโรค และตรวจอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือดซีบีซี (CBC) หรือการส่องกล้องตรวจกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น ขึ้นอยู่กับอาการผู้ป่วย และดุลยพินิจของแพทย์

การรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ หรือยารักษาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดชนิดคลายการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ และผู้ป่วยควรดื่มน้ำให้มาก อย่างน้อยวันละ 8–10 แก้ว เพื่อขับเชื้อออกทางปัสสาวะ ซึ่งโดยทั่วไปอาการจะดีขึ้นนภายใน 5–7 วัน หลังรับยาแล้ว

**ถ้าได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ติดเชื้อในกระเพาะปัสสวะแบบเรื้อรังได้ รวมถึงการดื้อยาด้วย

ซื้อยาแก้ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

การดูแลตนเองขณะเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

1. ควรพบแพทย์เสมอ เพราะโรคนี้ไม่สามารถหายได้โดยการดูแลตนเองเพียงอย่างเดียว และไม่ควรซื้อยาทานเอง เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียมีหลายชนิด อาจมีการทานยาไม่ตรงกับชนิดของเชื้อโรค จนทำให้โรคไม่หาย และยังเกิดอาการดื้อยาขึ้นได้

2. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 8–10 แก้วต่อวัน กรณีไม่ได้เป็นโรคที่ต้องจำกัดน้ำ

3. ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ

4. ผู้หญิงควรทำความสะอาดอวัยวะเพศ เช็ด/ล้าง จากด้านหน้าไปด้านหลังเสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียจากทวารหนัก

5. ไปพบแพทย์ตามนัดเสมอ หากมีอาการผิดปกติ หรือพบอาการเป็นหนักกว่าเดิม เช่น ปัสสาวะปนเลือด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

การรักษาให้หายขาดจะไม่มีผลร้ายแรง ส่วนรายที่ไม่หายขาดนั้น เชื้อแบคทีเรียบางชนิดอาจมีผลทำให้การอักเสบลุกลามไปถึงส่วนอื่น ๆ ก็จะทำให้เกิดการอักเสบได้ ดังนั้นควรรับประทานยาให้ครบ แล้วจึงควรตรวจปัสสาวะซ้ำอีกสักครั้งนะคะ ^-^

ซื้อยาแก้ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

อีกหนึ่งโรคยอดฮิตของชาวออฟฟิศที่หลายคนเป็นก็คือ โรคกระเพราะปัสสาวะอักเสบ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักโรคนี้ และวิธีการสังเกตสัญญาณที่กำลังบ่งบอกว่าคุณกำลังจะเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีอะไรกันบ้างไปดูกัน

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นโรคที่อยู่ในกลุ่มโรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary tract infection หรือ UTI) ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะปัสสาวะจนทำให้เกิดการอักเสบ เป็นโรคที่พบในผู้หญิงได้มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงจะสั้นกว่าและอยู่ใกล้ทวารหนัก ซึ่งเป็นบริเวณที่มีเชื้อโรคมาก และอาจเกิดการปนเปื้อนทำให้มีโอกาสติดเชื้อและเกิดโรคนี้ได้ง่ายกว่าผู้ชาย

อาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

  1. ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแบบกะปริบกะปรอย และมีอาการปัสสาวะไม่สุด

  1. ปวดท้องน้อย ปวดแสบเวลาปัสสาวะโดยเฉพาะตอนปัสสาวะสุด

  1. ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น สีขุ่น หรือมีสีแดงคล้ายเลือดปนออกมา

  1. กลั้นปัสสาวะไม่อยู่

  1. หากมีอาการของโรคกรวยไตอักเสบร่วมด้วยจะมีไข้ หนาวสั่น และปวดเอว

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นอกจากเรื่องของสรีระของผู้หญิงที่กล่าวไปแล้วนั้น ยังเกิดจากการกลั้นปัสสาวะเกิน 6 ชั่วโมงอยู่เป็นประจำ อาจเพราะต้องนั่งทำงานอยู่กับที่เป็นเวลานาน หรือการยอมกลั้นปัสสาวะเมื่อเห็นว่าห้องน้ำไม่สะอาด การดื่มน้ำน้อย รวมถึงคนที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ เช่น ผู้ที่รับประทานยากดภูมิต้านทาน หรือผู้ป่วยโรคเบาหวาน นอกจากนี้ภาวะหมดประจำเดือนในผู้หญิงทำให้ฮอร์โมนเพศที่สร้างความชุ่มชื้นบริเวณเยื่อบุช่องคลอดและเยื่อบุท่อปัสสาวะลดลง จึงง่ายต่อการติดเชื้อ ส่วนการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในผู้ชายมักพบร่วมกับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือต่อมลูกหมากโต หรือจากการคาสายสวนปัสสาวะ

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นโรคที่สามารถป้องกัน และรักษาได้ง่าย ๆ แต่หากละเลยสัญญาณเตือนของร่างกาย และไม่ได้รับการรักษา เชื้ออาจลุกลามขึ้นไปที่ไตทำให้เป็นกรวยไตอักเสบ หากปล่อยไว้จนเกิดการเรื้อรังก็อาจทำให้เกิดภาวะไตวายได้ ส่วนในผู้ชายเชื้ออาจลุกลามจนทำให้มีอาการต่อมลูกหมากอักเสบ และถ้าหากมีการติดเชื้อรุนแรงอาจนำไปสู่การติดเชื้อในกระแสเลือดจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้

วิธีการดูแลรักษาเบื้องต้นเมื่อเป็นโรคปัสสาวะอักเสบ

  1. ดื่มน้ำสะอาดวันละ 2 ลิตร หรือประมาณวันละ 6 – 8 แก้ว

  1. ควรถ่ายปัสสาวะทุกครั้งเมื่อรู้สึกปวด ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ

  1. ควรควบคุมหรือลดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มบางประเภทเช่น กาแฟ แอลกอฮอล์ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ใส่น้ำตาล

  1. พยายามเคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอแทนการนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน

  1. ทำความสะอาดอวัยวะเพศหลังขับถ่ายจากหน้าไปหลัง เพื่อป้องกันเชื้อโรคปนเปื้อนผ่านเข้ามาในท่อปัสสาวะ

  1. ไม่ควรใช้สเปรย์ หรือน้ำยาดับกลิ่นตัวกับอวัยวะเพศ เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้

  1. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำในอ่างหรือแช่น้ำนาน ๆ เพราะถ้าหากในน้ำมีเชื้อโรคก็จะมีโอกาสในการติดเชื้อได้

  1. ควรปรึกษาเภสัชกรเพื่อรับยาที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพในการรักษา รวมทั้งป้องกันการดื้อยา หรือเมื่ออาการรุนแรงขึ้นควรรีบไปพบแพทย์

แนวทางการรักษา

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ดังนั้นการรักษาคือการให้ยาปฏิชีวนะที่ตรงกับชนิดของเชื้อโรคร่วมกับยารักษาตามอาการ สำหรับยาปฏิชีวนะก็จะมีระยะเวลาในการรักษาและการทานยาที่แตกต่างกันไปตามชนิดของยา เช่น Amoxicillin จะทานวันละ 3-4 ครั้ง หลังมื้ออาหาร และก่อนนอน เป็นต้น ส่วนยารักษาตามอาการส่วนใหญ่จะเป็นยาแก้ปวด เพื่อคลายการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ อย่างไรก็ตามเมื่อมีอาการควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ไม่ควรซื้อยาทานเอง และมีวินัยในการดื่มน้ำ หรือจิบน้ำบ่อย ๆ ตลอดทั้งวัน และไม่กลั้นปัสสาวะ เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดโรคในอนาคต

แหล่งที่มาของข้อมูล

• คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล