กระเพาะปัสสาวะอักเสบควรใช้ยาอะไร

โรคคืออะไร? 
     เกิดจากติดเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดการอักเสบ เช่น การกลั้นปัสสาวะ เป็นปัจจัยที่พบบ่อยของการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ บางคนที่กลั้นปัสสาวะเพราะเห็นว่าห้องน้ำไม่สะอาด มีโอกาสเกิดการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะได้

อาการ
ปวดท้องน้อย ปัสสาวะไม่สุด ปวดปัสสาวะบ่อยแต่ปัสสาวะได้ครั้งละเล็กน้อย กดที่หน้าท้องจะเจ็บ ปัสสาวะมีสีเข้มหรือมีสีแดงคล้ายเลือดปนออกมา

     ปัจจัยเสี่ยง 

  • ผู้ที่มีความผิดปกติในระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ท่อปัสสาวะ ตีบ ,นิ่ว หรือเนื้องอกในระบบทางเดินปัสสาวะ
  • ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ช่องคลอดจะแห้ง เชื้อแบคทีเรียจะกระจายไปสู่ท่อปัสสาวะได้ง่าย
  • การมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์ทำให้เชื้อโรคกระจายเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะได้ง่ายขึ้น 
  • คนที่เคยมีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบแล้วมีโอกาสเป็นได้อีกบ่อยๆ แต่ไม่ควรมากกว่า 2 ครั้ง ในเวลา 6 เดือน หรือ มากกว่า 3 ครั้งต่อปี

คำแนะนำในการดูแลไม่ให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

  • ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม 6 -10 แก้ว แล้วแต่ความต้องการของร่างกายของ
    

แต่ละคน

  • ห้ามกลั้นปัสสาวะ ถ้าต้องเดินทางเป็นเวลานานไม่ควรดื่มน้ำมาก ทำให้ต้องกลั้นนปัสสาวะนาน ๆ ซึ่ง  เสี่ยงต่อการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ง่ายขึ้น
  • ปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง 
  • ถ้ามีอาการเพียงเล็กน้อยให้ดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ เพื่อให้ปัสสาวะบ่อยขึ้นร่างกายก็จะกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้เอง

เกร็ดความรู้

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

กระเพาะปัสสาวะอักเสบควรใช้ยาอะไร
       เป็นโรคที่พบบ่อย พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นและอยู่ใกล้ทวารหนักซึ่งเป็นแหล่งที่เชื้อโรคมาก เชื้อโรคจึงสามารถเข้าทางท่อปัสสาวะของผู้หญิงง่ายกว่าผู้ชาย

       ผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ตั้งแต่วัยเด็ก วัยรุ่น หรือคนที่ชอบกลั้นปัสสาวะนานๆ

อาการ
       อาการปัสสาวะกะปริดกะปรอย (ออกทีละน้อย แต่บ่อยครั้ง) รู้สึกปวดขัดหรือแสบร้อนเวลาปัสสาวะ อาจมีอาการปวดที่ท้องน้อยร่วมด้วย ปัสสาวะอาจมีกลิ่นเหม็น ขุ่น หรือมีเลือดปน

การรักษาเบื้องต้น
การปฏิบัติตัว
       ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยขับเชื้อโรคออก และช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนเวลาปัสสาวะ
ให้ยารักษาตามอาการ
1.ถ้าปวดไม่มากให้ ยาพาราเซตามอล
2.ถ้าปวดมากให้ ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ไอบูโพรเฟน เมเฟนามิก  หรือให้ยาลดอาการปวดเกร็งท้อง(แอนติสปาสโมดิก) เช่น ไฮออสซิน
3.ควรส่งต่อสถานพยาบาลเนื่องจากต้องให้ยาปฏิชีวนะ

การป้องกัน
1.พยายามดื่มน้ำมากๆ และอย่ากลั้นปัสสาวะ ควรฝึกถ่ายปัสสาวะในห้องน้ำนอกบ้าน (ที่โรงเรียน) หรือระหว่างเดินทางได้ทุกที่
2.หลังถ่ายอุจจาระ ควรใช้กระดาษชำระเช็ดทำความสะอาดจากข้างหน้าไปข้างหลัง เพื่อป้องกันมิให้นำเชื้อโรคจากบริเวณทวารหนักเข้าสู่ท่อปัสสาวะ

       เอกสารอ้างอิง
1. มูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา. คู่มือตู้ยาโรงเรียนและแนวทางการรักษาโรคที่พบบ่อย. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: มูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา; พ.ศ. 2553. หน้า 67 2553. หน้า 67.

  • หน้าหลัก
  • ออกกำลังกาย
  • สุขภาพดี
  • อาหารสุขภาพ
  • สุขภาพจิต
  • สุภาพสตรี
  • ตรวจสุขภาพ
  • การแปรผลเลือด
  • โรคผิวหนัง
  • แพทย์ทางเลือก
  • โรคต่างๆ
  • วัคซีน
  • health calculator
  • อาการของโรค

การรักษาโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ

ยาปฏิชีวนะเป็นยาหลักที่รักษาโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ นอกจากยาปฏิชีวนะแล้วยังต้องใช้ยาบรรเทาอาการเช่น ยาแก้ปวด ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน ยาลดอาการปวดแสบเวลาปัสสาวะ

ยาปฏิชีวนะ

  1. Co-trimoxazole ซึ่งประกอบด้วยยา trimethoprim 80 mg ,sulfamethoxazole 400 mg สามารถรักษาทางเดินปัสสาวะอักเสบจากเชื้อต่างๆได้ยกเว้นเชื้อ pseudomonase ขนาดทีใช้คือ 2 เม็ดวันละ 2 ครั้ง ถ้าเป็นทางเดินกระเพาะปัสสาวะอักเสบที่ไม่มีโรคแทรกซ้อนใช้เวลารักษา 3 วันแต่ถ้าเป็นกรวยไตอักเสบใช้เวลารักษา 10-14 วัน ข้อห้ามใช้คือผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้ยา sulfa ข้อควรระวังไม่ควรใช้ยาตัวนี้ร่วมกับยา warfarin, dapsone ,diuretics ,phenytoin , methotrexate, sulfonylureas, zidovudineซึ่งจะทำให้เกิดผลข้างเคียงจากยา ควรหยุดยาเมื่อ มีผื่น ซีด น้ำตาลในเลือดต่ำ
  2. Ciprofloxacin รักษาเชื้อได้หลายชนิดโดยเฉพาะ pseudomonase ขนาดที่ใช้ 200-500 mg วันละ 2 ครั้ง กระเพาะปัสสาวะใช้เวลารักษา 3 วัน กรวยไตอักเสบใช้เวลา 10-14 วันการกินยาโรคกระเพาะอาหาร ธาตุเหล็ก ธาตุสังกะสี จะลดการดูดซึมของยาทำให้รักษาไม่ได้ผล เมื่อใช้ร่วมกับยา theophyllin,digoxin จะทำให้ยาสองตัวออกฤทธิ์เพิ่มมากขึ้น
  3. Cephalexin ใช้ขนาด 250-1000มิลิกรัมวันละ 4 ครั้ง ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่แพ้ยา cephalosporin
  4. Co-amoxiclav ขนาดที่ใช้ 625 มิลิกรัมวันละ 2 ครั้งหรือ 375 มิลิกรัม วันละ 3 ครั้งห้ามใช้ในคนที่แพ้ยา
  5. Nitrofurantoin (Macrodantin, Furadantin, Macrobid)ขนาดที่ใช้ 50-100 มิลิกรัมวันละ 4 ครั้งห้ามใช้ในคนที่ไตวาย หรือแพ้ยา
  6. ยาฉีดที่นิยมใช้ได้แก่ Aminoglycoside และ ceftriazone

ยาที่รักษาอาการ

Phenazopyridine เป็นยาลดอาการปวดแสบ อาการปัสสาวะบ่อยขนาดที่ใช้ 200 มิลิกรัมวันละ 3 ครั้ง ไม่เกิน 2 วัน

ผู้ป่วยที่ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล

ผู้ป่วยทางเดินปัสสาวะอักเสบที่แข็งแรง และไม่มีโรคแทรกซ้อนไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลผู้ป่วยต่อไปนี้ควรที่จะรับไว้ในโรงพยาบาลได้แก่

  • ผู้ป่วยที่มีโครงสร้างผิดปกติเช่น นิ่วในไต ผู้ป่วยที่คาสายสวนปัสสาวะ หรือท่อปัสสาวะตีบ
  • ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคเบาหวาน โรคไตวาย
  • ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดี เช่น โรคมะเร็ง เอดส์ ผู้ป่วยที่ได้ยากดภูมิ
  • ผู้ป่วยที่สัญญาณชีพไม่คงที่
  • ผู้ป่วยที่ปวดมาก
  • ผู้ป่วยที่มีสภาพขาดน้ำอย่างมาก
  • ผู้ป่วยที่ไม่มีคนดูแล