แผนการสอนภาษาไทย ป.3 ภาษาพาที

การวเิ คราะหเรอ่ื ง เปน การพิจารณาสว นตางๆ ของเรือ่ ง เชน ขอเทจ็ จรงิ และขอ คิดเหน็ สวนดแี ละสวน

บกพรอ งของเนือ้ เรือ่ ง จุดประสงคของผูแตง ความเหมาะสมในการใชคาํ ประโยค ขอความ ฯลฯ สรปุ ขอคิดท่ีได

จากเรอื่ ง สามารถนาํ ความรูที่ไดรับไปใชประโยชนในชวี ิตประจําวัน

มาตรฐานการเรยี นรู
ท ๑.๑ ใชกระบวนการอา นสรางความรแู ละความคดิ เพ่อื นําไปตดั สนิ ใจแกปญหาในการดาํ เนนิ ชวี ิตและ

มีนสิ ยั รักการอาน

ตัวชว้ี ดั
ป.๓/๓ ตั้งคาํ ถามและตอบคาํ ถามเชิงเหตผุ ลเก่ียวกบั เรอื่ งทีอ่ าน
ป.๓/๕ สรปุ ความรูแ ละขอคดิ จากเรื่องท่อี า นเพื่อนําไปใชในชวี ติ ประจาํ วนั

จุดประสงคการเรียนรู
๑. นกั เรยี นต้ังคาํ ถาม – ตอบคาํ ถามเร่อื งทีอ่ านได
๒. นกั เรยี นแยกขอ เทจ็ จรงิ และขอคดิ เหน็ จากเรอ่ื งท่อี า นได
๓. นกั เรยี นสรปุ ขอคิดทไี่ ดจากการอานได

สมรรถนะสําคัญของผูเรยี น
๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓. ความสามารถในการแกปญ หา
๔. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต

คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค
๑. รกั ความเปนไทย
๒. ใฝเรยี นรู
๓. มีจติ สาธารณะ
๔. มีวินัย
๕. อยอู ยางพอเพียง

สาระการเรียนรู
- การตง้ั คาํ ถามและตอบคาํ ถาม
- การแยกขอเทจ็ จริงและขอ คิดเห็น

กระบวนการจัดการเรียนรู
๑. ใหนักเรยี นทบทวนเน้ือหาบทเรยี น โดยการอานคําจากบตั รคาํ
๒. นกั เรียนอานออกเสยี งเรื่อง พลงั งานเพื่อชวี ิต จากหนงั สือเรียนภาษาพาที ชั้นประถมศกึ ษาปท ี่ ๓

หนา ๗๓ – ๗๙ พรอมกนั
๓. นกั เรยี นแบง กลุมอานเสยี งจากบทเรยี นกลุมละ ๑ ยอ หนา
๔. นักเรียนชวยกนั ตอบคําถามปากเปลา จากเรือ่ งทอี่ า น
๕. นักเรยี นและครูชวยกนั สรุปบทเรียนจากเร่ืองทอ่ี า น
๖. นักเรยี นทาํ แบบฝก หดั ทักษะภาษา แบบฝก หดั ท่ี ๖ ขอ ๑ (๑ – ๖)

สือ่ / แหลงเรยี นรู
๑. หนงั สอื เรียน รายวชิ าพน้ื ฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพอ่ื ชวี ติ ภาษาพาที ช้ันประถมศึกษาปท ่ี ๓
๒. แบบฝก หัด รายวชิ าพ้ืนฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพอ่ื ชวี ติ ทักษะภาษา ชั้นประถมศกึ ษาปท ี่ ๓

การวัดผลและประเมนิ ผล รอ ยละ ๗๕ – ๘๐
๑) วธิ ีประเมิน รอยละ ๗๕ – ๘๐
- สงั เกตพฤติกรรม
- ตรวจแบบฝกหดั
๒) เครื่องมอื ประเมนิ
- แบบสังเกตพฤตกิ รรม
- แบบฝก หัด
๓) เกณฑก ารประเมนิ
- นกั เรียนผา นเกณฑก ารสงั เกตพฤตกิ รรม
- นกั เรียนผา นเกณฑการทาํ แบบฝกหัด

แผนการจัดการเรยี นรูท่ี ๔

กลุมสาระการเรียนรภู าษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ี่ ๓

หนวยการเรยี นรทู ่ี ๘ เร่อื ง พลงั งานคอื ชวี ติ เวลา ๑๐ ชัว่ โมง

เรอ่ื ง การอานเสริมบทเรยี น เวลา ๑ ชว่ั โมง

.....................................................................................

สาระสาํ คัญ

การอา นเสรมิ บทเรียน ทาํ ใหผอู านไดรับความรู ความบันเทงิ และขอ คิดจากการอาน และสามารถเลือก

หนงั สอื อานไดตรงตามความตองการ นอกจากนี้ทส่ี ําคญั คอื สามารถนาํ ความรูทไี่ ดร ับจากการอานมาปรบั ใชใ ห เป

นประโยชนใ นชวี ติ ประจาํ วันได

มาตรฐานการเรียนรู
ท ๑.๑ ใชกระบวนการอานสรางความรแู ละความคิดเพ่ือนําไปตดั สินใจแกปญหาในการดาํ เนินชวี ิตและ

มนี ิสัยรักการอาน

ตวั ช้วี ัด
ป.๓/๑ อานออกเสียงคาํ ขอ ความ เร่อื งสั้นๆ และบทรอยกรองงา ยๆ ไดถกู ตอ งคลองแคลว

จดุ ประสงคก ารเรยี นรู
๑. นกั เรียนอา นและจับใจความสําคญั ของเรอ่ื งได
๒. นกั เรยี นสรปุ และบอกขอ คดิ จากเรอ่ื งท่ีอาน

สมรรถนะสาํ คญั ของผูเรยี น
๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓. ความสามารถในการแกป ญหา
๔. ความสามารถในการใชทักษะชวี ติ

คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค
- รกั ความเปนไทย
- ใฝเรยี นรู
- มีจติ สาธารณะ
- มีวนิ ัย
- อยอู ยางพอเพียง

สาระการเรียนรู

- การอานเสริม “เร่อื งใชโ ทรทศั น ใหป ระหยดั คา ไฟฟา ”

กระบวนการจดั การเรยี นรู
๑. ทบทวนเนอ้ื หาท่เี รียนในชวั่ โมงท่แี ลวดวยการเลา เรอื่ งพลังงานคอื ชีวิต
๒. นักเรยี นอา นออกเสยี งเรอื่ ง พลังงานคอื ชีวิต จากหนังสอื เรยี นภาษาพาที ชั้นประถมศกึ ษาปท่ี ๓ หนา

๗๓ – ๗๙ พรอ มกนั
๓. นักเรียนอา นออกเสยี ง อา นเสริม “เรื่องใชโ ทรทศั น ใหประหยัดคาไฟฟา” จากหนังสือเรยี นภาษาพา ที

ชั้นประถมศกึ ษาปท ี่ ๓ หนา ๘๐ พรอ มกัน
๔. นักเรยี นพดู คยุ สนทนา เก่ยี วกบั “เรื่องใชโทรทัศน ใหประหยัดคาไฟฟา” จากความรทู ไี่ ดอ านโดยตง้ั

คาํ ถามใหนักเรยี นตอบ
๕. นักเรยี นรวมกันสรุปความรูและขอ คิดทไี่ ดจากการอา น “เร่อื งใชโ ทรทศั น ใหประหยดั คาไฟฟา”

ส่ือ / แหลงเรียนรู
- หนงั สือเรียน รายวิชาพน้ื ฐาน ภาษาไทย ชดุ ภาษาเพอื่ ชีวติ ภาษาพาที ชน้ั ประถมศึกษาปที่ ๓

การวดั ผลและประเมนิ ผล รอยละ ๗๕ – ๘๐
๑. วธิ ีประเมิน
- สังเกตพฤตกิ รรม
๒. เครื่องมือประเมิน
- แบบสังเกตพฤติกรรม
๓. เกณฑก ารประเมนิ
- นักเรยี นผานเกณฑก ารสังเกตพฤติกรรม

แผนการจัดการเรียนรูที่ ๕

กลุม สาระการเรยี นรภู าษาไทย ชั้นประถมศึกษาปที่ ๓

หนวยการเรียนรทู ่ี ๘ เรือ่ ง พลงั งานคอื ชวี ติ เวลา ๑๐ ชวั่ โมง

เร่ือง การอา นคาํ ทเ่ี ปน อกั ษรควบกล้ํา เวลา ๒ ชว่ั โมง

.....................................................................................

สาระสําคญั

คาํ ควบกลาํ้ คือคําทีอ่ อกเสียงพยัญชนะตนพรอ มกันท้งั ๒ คาํ หรอื ออกเสยี งเปนเสยี งพยัญชนะตัวอื่น

ผเู รียนตองเรียนรูเรื่องการออกเสยี งและการเขียนคําควบกล้าํ ที่ถูกตองเพ่ือเปน พ้ืนฐานในการใชภาษาและทาํ ใหการ

ส่ือสารมีประสทิ ธภิ าพ

มาตรฐานการเรยี นรู
ท ๔.๑ เขาใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิ

ปญ ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ ปนสมบัติของชาติ

ตวั ชี้วัด
ป.๓/๑ เขียนสะกดคําและบอกความหมายของคํา

จดุ ประสงคก ารเรียนรู
๑. นกั เรยี นอานออกเสยี งคําควบกลาํ้ ไดถูกตอง
๒. เขียนคําควบกล้าํ ไดถกู ตอง
๓. นกั เรยี นใชค ําควบกลํ้าไดถ ูกตองตามสถานการณ

สมรรถนะสาํ คญั ของผูเ รยี น
๑. ความสามารถในการส่ือสาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓. ความสามารถในการแกปญหา
๔. ความสามารถในการใชท ักษะชีวติ

คุณลักษณะอันพงึ ประสงค
๑. รักความเปนไทย
๒. ใฝเ รียนรู
๓. มีจิตสาธารณะ
๔. มวี นิ ยั
๕. อยอู ยา งพอเพียง

สาระการเรียนรู
๑. คําควบแท
๒. คาํ ควบไมแ ท
๓. การอานเขียนคําควบกลํา้

กระบวนการจดั การเรยี นรู
๑. นักเรยี นแตล ะกลุม รับแจกกระดาษเปลา จากครูกลุม ละ ๑ แผน ครใู หเ วลา ๓ นาที ใหท กุ กลมุ

หาคาํ ควบกล้ําท้ังควบแทแ ละคําควบกล้าํ ไมแท จาก เรอ่ื ง “พลังงานคือชวี ติ ” ใหไดมากท่ีสุดพอหมดเวลาใหแต ละ
กลุมนบั ดคู าํ ศพั ทท ่เี ขยี นได วา มีทัง้ หมดกค่ี าํ สง ตวั แทนออกมาอานหนา ชนั้ เรียน

๒. ครแู ขวนแผนภมู ิ “คําควบกลํ้า” ไวบ นกระดาน นกั เรียนอานพรอมกัน ครนู าํ นกั เรียนฝกอานตาม
จากนั้นนักเรยี นอา นกันเอง

๓. ใหน กั เรียนศึกษาเร่ือง คาํ ควบกลาํ้ จากหนังสือเรียน จากน้ันครูเขียนควบกลาํ้ บนกระดานใหนกั เรยี น อ
านทลี ะคน คนละ ๕ คํา โดยมหี วั หนา กลมุ เปนผูดูแลควบคมุ และสมาชิกในกลมุ รว มกันประเมนิ การอา นของ แต
ละคน

๔. นกั เรียนทําแบบฝกหัดท่ี ๖ ขอ ๓ (๑ – ๒)

สือ่ / แหลง เรียนรู
๑. หนังสือเรียน รายวชิ าพนื้ ฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพือ่ ชีวิต ภาษาพาที ช้นั ประถมศึกษาปที่ ๓
๒. แบบฝกหดั รายวิชาพืน้ ฐาน ภาษาไทย ชดุ ภาษาเพ่ือชีวิต ทักษะภาษา ชน้ั ประถมศกึ ษาปท่ี ๓

การวดั ผลและประเมินผล
๑. วิธปี ระเมิน

- สังเกตพฤติกรรม รอยละ ๗๕ – ๘๐
- ตรวจแบบฝก หดั รอยละ ๗๕ – ๘๐
๒. เคร่ืองมือประเมนิ
- แบบสังเกตพฤตกิ รรม
- แบบฝก หัด
๓. เกณฑการประเมนิ
- นกั เรยี นผานเกณฑก ารสงั เกตพฤตกิ รรม
- นักเรยี นผานเกณฑการทาํ แบบฝกหดั

แผนการจัดการเรียนรูที่ ๖

กลุมสาระการเรยี นรภู าษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปท่ี ๓

หนว ยการเรียนรทู ี่ ๘ เรอื่ ง พลังงานคือชีวิต เวลา ๑๐ ชั่วโมง

เรือ่ ง การอานคาํ ท่เี ปนอักษรนํา เวลา ๑ ชัว่ โมง

.....................................................................................

สาระสาํ คญั

อกั ษรนาํ คอื กฎเกณฑทางหลกั ภาษาอีกประเภทหน่ึง ทีท่ ําใหก ระบวนการอานเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจาก

รปู ลักษณอักษรทป่ี รากฏ ผเู รียนตองเรยี นรูก ฎเกณฑเ หลานี้อยา งละเอยี ด เพ่อื เพม่ิ ประสิทธิภาพในการสือ่ สาร

มาตรฐานการเรียนรู
ท ๔.๑ เขา ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภมู ิ

ปญ ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเปน สมบตั ิของชาติ

ตวั ชีว้ ัด
ป.๓/๑ เขียนสะกดคําและบอกความหมายของคํา
ป.๓/๔ แตง ประโยคงายๆ

จดุ ประสงคการเรียนรู
๑. นกั เรยี นอา นเขียนคําทม่ี ีอักษรนาํ ไดถ ูกตอ ง
๒. นกั เรียนบอกกฎเกณฑทางหลกั ภาษาเกย่ี วกบั อักษรนาํ ได

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค
๑. มรี ะเบยี บวนิ ยั ในตนเอง
๒. เปน ผนู ําและผูต ามทีด่ ไี ด
๓. มีความรกั และภูมิใจในเอกลกั ษณไทย
๔. รูจกั ประหยัดอดออม

สาระการเรยี นรู
๑. การอา นอกั ษรนาํ
๒. การเขียนอักษรนาํ

กระบวนการจดั การเรยี นรู
๑. นกั เรียนดูบตั ร ห นํา ติดไวบ นกระเปา ผนังใหนกั เรียนอานออกเสยี งคํา นกั เรยี นนาํ คํามาแตง ประโยค

จากคาํ ท่ีครกู าํ หนดให และเปลยี่ นกนั ตรวจผลงาน
๒. นักเรียนและครรู วมกนั สรุปหลกั เกณฑก ารอา นคาํ ท่เี ปน อักษรนํา

๓. ใหนกั เรียนแตละกลมุ ชว ยกันหาคําท่เี ปนอักษรนาํ เรื่อง พลังงานคือชวี ติ ใหไ ดมากที่สดุ เขียนใส แผน กระ
ดาษแลว สงตัวแทนรายงานหนา ช้นั เรียน

๔. นักเรียนทําแบบฝก หดั ที่ ๔ หนา ๔๔ ขอ ๓ (๒ – ๔)

สอ่ื / แหลงเรียนรู
๑. บัตรคาํ
๒. หนงั สอื เรยี น รายวชิ าพื้นฐาน ภาษาไทย ชดุ ภาษาเพ่ือชวี ติ ภาษาพาที ช้ันประถมศกึ ษาปท่ี ๓
๓. แบบฝกหัด รายวชิ าพื้นฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพือ่ ชวี ิต ทกั ษะภาษา ชั้นประถมศึกษาปท ี่ ๓

การวัดผลและประเมินผล
๑. วิธปี ระเมนิ

- สังเกตพฤตกิ รรม รอยละ ๗๕ – ๘๐
รอ ยละ ๗๕ – ๘๐
- ตรวจแบบฝก หัด
๒. เครื่องมอื ประเมิน

- แบบสงั เกตพฤตกิ รรม

- แบบฝก หดั
๓. เกณฑการประเมิน

- นกั เรียนผานเกณฑการสังเกตพฤตกิ รรม
- นักเรยี นผา นเกณฑการทาํ แบบฝก หัด

แผนการจดั การเรียนรูที่ ๗

กลุม สาระการเรยี นรภู าษาไทย ชัน้ ประถมศึกษาปท่ี ๓

หนว ยการเรียนรทู ี่ ๘ เรือ่ ง พลังงานคอื ชีวติ เวลา ๑๐ ชั่วโมง

เรื่อง การแตง คําขวัญ เวลา ๑ ชั่วโมง

.....................................................................................

สาระสาํ คัญ

คาํ ขวัญเปนขอ ความที่ใชคาํ สนั้ กะทดั รดั มักนิยมใหคลอ งจองกันเพ่ือใหจ าํ ไดงาย มีความหมายที่ดี จงู ใจ ใหข 

อคิด มคี ติเตอื นใจในเรื่องใดเรอ่ื งหนง่ึ ซ่ึงนําไปใชป ระกอบไดท้งั การพดู และการเขยี น

มาตรฐานการเรยี นรู
ท ๔.๑ เขา ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมิ

ปญ ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ ปนสมบตั ิของชาติ

ตวั ชว้ี ดั
ป.๓/๕ แตงคําคลองจอง และคาํ ขวัญ

จดุ ประสงคการเรียนรู
๑. นักเรยี นอานคําขวัญไดถกู ตอง
๒. นกั เรียนบอกกฎเกณฑท างหลักภาษาเก่ยี วกบั การแตงคาํ ขวญั และแตง คาํ ขวญั ได

คุณลักษณะอนั พึงประสงค
๑. มีระเบียบวนิ ยั ในตนเอง
๒. เปน ผนู าํ และผูตามทด่ี ีได
๓. มีความรกั และภมู ิใจในเอกลักษณไ ทย
๔. รูจกั ประหยัดอดออม

สาระการเรยี นรู
๑. การอา นคําขวญั
๒. การแตง คาํ ขวญั

กระบวนการจัดการเรียนรู

๑. นักเรียนดูตัวอยา งคําขวัญ บนกระดานดาํ แลว สนทนาคําคลอ งจองในคําขวญั นน้ั ๆ เชน

พลงั งานคือชีวติ รูจ กั คดิ รจู กั ใช ไดคุณคา

เดก็ ดเี ปน ศรแี กชาติ เด็กฉลาดชาตเิ จรญิ

๒. นกั เรียนอา นคําขวัญ พรอมกนั และชว ยกนั ขดี เสนใตคําสมั ผัสและขดี แบงจังหวะการอาน

๓. นกั เรยี นฝก อา นคาํ ขวญั จากหนังสอื เรยี นภาษาพาที แลว อภิปรายสรุปความหมายจาก พรอมทง้ั หาคํา
คลอ งจองจากคําขวัญ

๔. นักเรยี นฝก การแตงคาํ ขวัญแลวนาํ เสนอ เพื่อแลกเปล่ียนเรียนรซู ่งึ กนั และกนั พรอมท้งั ชวยกนั ปรับปรุง
แกไ ขใหถกู ตอ ง

๕. นกั เรยี นและครูสรุปบทเรียนการแตงคําขวญั

๖. นักเรยี นทําแบบฝก หัดที่ ๖ ขอ ๓ (๕) และขอ ๔

ส่ือ / แหลง เรียนรู
๑. ตวั อยางคาํ ขวัญ
๒. หนงั สอื เรยี น รายวิชาพืน้ ฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพอ่ื ชวี ติ ภาษาพาที ช้นั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๓
๓. แบบฝกหดั รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพอื่ ชีวิต ทกั ษะภาษา ชนั้ ประถมศกึ ษาปท ่ี ๓

การวัดผลและประเมินผล
๑. วธิ ปี ระเมิน

- สังเกตพฤติกรรม รอ ยละ ๗๕ – ๘๐
รอยละ ๗๕ – ๘๐
- ตรวจแบบฝกหดั
๒. เคร่อื งมือประเมนิ

- แบบสงั เกตพฤติกรรม

- แบบฝกหดั
๓. เกณฑการประเมิน

- นกั เรยี นผา นเกณฑก ารสังเกตพฤติกรรม
- นกั เรียนผานเกณฑก ารทําแบบฝก หดั

แผนการจัดการเรียนรูที่ ๑

กลุมสาระการเรียนรภู าษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๓

หนวยการเรยี นรทู ่ี ๙ เรือ่ ง เด็กเอยเดก็ นอ ย เวลา ๕ ช่ัวโมง

เร่ือง การอานออกเสยี งบทเรยี น เวลา ๑ ชั่วโมง

……………………………………………………………………………………………………...…………..

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชกระบวนการอานสรา งความรแู ละความคิดไปใชต ัดสินใจแกป ญหา และสรา งวิสยั ทัศนใ น

การดาํ เนนิ ชวี ิต และมนี สิ ยั รักการอา น

ตวั ชี้วัด
ท. ๑.๑ ป.๓/๑ อา นออกเสยี งบทรอยแกวและบทรอยกรองไดถูกตอ ง

สาระสาํ คญั
การอานออกเสียง คือ การอา นเปลงเสยี งตามตัวอักษร ถอยคาํ และเคร่อื งหมายตางๆ ทีเ่ ขยี นออกมาให

ถูกตอ งชดั ถอ ยชัดคํา เพื่อใหเขา ใจและสามารถสรปุ ตอบคําถามจากเรื่องทอ่ี า นได

จุดประสงคการเรยี นรู
๑. นกั เรยี นอา นออกเสียงจากบทเรียน เรอ่ื ง เดก็ เอย เด็กนอ ย ไดถ ูกตอ งตามเกณฑท ก่ี ําหนด
๒. นักเรียนตอบคาํ ถามจากเรอื่ งได
๓. มมี ารยาทในการอานและการเขยี น

คุณลักษณะอนั พึงประสงค
๑. รกั ความเปน ไทย
๒. ใฝเรียนรู
๓. มีจิตสาธารณะ
๔. มีวนิ ัย
๕. อยอู ยา งพอเพยี ง

สาระการเรยี นรู
๑. การอา นออกเสียงจากบทเรียน เร่ือง เดก็ เอย เดก็ นอ ย
๒. การตอบคาํ ถามจากเร่อื งทีอ่ าน

กระบวนการจัดการเรียนรู
๑. นกั เรยี นดภู าพประกอบจากหนังสอื เรยี น รายวชิ าพน้ื ฐาน ภาษาไทย ชุดภาษาเพอื่ ชีวิต วรรณคดลี าํ นาํ

ช้นั ประถมศึกษาปท ี่ ๓ บทท่ี ๒ เรื่อง “เด็กเอยเดก็ นอ ย” โดยรว มกันอภปิ รายแสดงความคิดเห็นจากภาพตาม
ประเดน็ ดงั ตอไปนี้

- มีบคุ คลใดบางที่อยใู นภาพ และนักเรียนคิดวาบคุ คลในภาพมคี วามสมั พนั ธก นั อยางไร จง
อธิบายตามความเขาใจ

- บุคคลในภาพกําลงั ทํากจิ กรรมใด อยา งไรบา ง
- ใหนกั เรียนลองชว ยกันคิดบทสนทนาของบคุ คลในภาพ วามเี รอื่ งราวเก่ยี วกับอะไร อยางไรบา ง

๒. ครูใหนักเรยี นอานออกเสยี งบทเรียน เรื่อง เดก็ เอย เดก็ นอย จากหนังสอื หนังสือเรยี น รายวชิ าพ้ืนฐาน
ภาษาไทย ชุด ภาษาเพือ่ ชวี ติ วรรณคดีลํานาํ ชั้นประถมศกึ ษาปที่ ๓ (หนาที่ ๕๐-๕๘ ) พรอ มกัน ๑ รอบ

๓. นักเรียนอานออกเสียงบทเรยี น เรื่อง “เดก็ เอยเดก็ นอ ย” จากหนงั สือหนังสอื เรยี น สลบั กนั ทีละแถว โดย
ครสู ังเกตลักษณะการอานออกเสียงของนกั เรียนอยางครา วๆ ตามประเดน็ พจิ ารณาดังตอไปนี้

- พจิ ารณาจากความถูกตอ งชดั เจน
- พจิ ารณาจากการเวนวรรคตอน
- พิจารณาจากความคลอ งแคลว ในการอาน
- พิจารณาจากการใชนํา้ เสยี งแลจังหวะในการอานไดถ ูกตองเหมาะสม
- พิจารณาจากความถกู ตอ งในการอา นออกเสยี งคาํ ควบกลา้ํ ร ล
๔. เมอื่ อา นจบแลวครนู าํ นักเรียนรวมกันสนทนาเก่ยี วกับเนอ้ื หาในบทเรียน โดยตั้งเปน ประเด็นคาํ ถาม เพ่อื
กระตุนใหน กั เรียนแสดงความคดิ เห็น
๕. นักเรยี นตอบคําถามจากเรอ่ื ง เด็กเอยเดก็ นอ ย ลงในสมุด โดยครเู ปนผูต้งั ประเดน็ คาํ ถาม ดงั ตอไปน้ี

- จากเรอื่ ง เด็กเอย เดก็ นอ ย ใหน กั เรียนลองพิจารณาดวู านักเรียนเคยประสบเหตุการณ ดงั เชน
ในเรือ่ งหรือไม อยา งไร

- เม่อื อานเร่อื ง เดก็ เอย เด็กนอ ย แลวนกั เรียนไดขอคดิ อะไรจากเรื่องน้บี าง
๖. ครูสุมตวั แทนนักเรียนออกมานาํ เสนอผลงานหนาชัน้ เรียน
๗. ครแู ละนกั เรยี นชว ยกนั เฉลยแนวคําตอบและตรวจใหค ะแนน
๘. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมการรว มกจิ กรรมในชั้นเรยี นของนกั เรยี น และบันทึกลงในแบบประเมิน
๙. ครแู ละนกั เรยี นรว มกันสรปุ บทเรียน เร่ือง เด็กเอย เด็กนอ ย พรอมกนั อีกคร้ังและชวยกันแสดงความ
คิดเห็นเกยี่ วกับขอคดิ ที่ไดจากเรื่อง และแนวทางการนําไปประยุกตใชในชีวิตประจาํ วนั

สือ่ / แหลงเรียนรู
- หนังสือเรยี น รายวชิ าพนื้ ฐาน ภาษาไทย ชดุ ภาษาเพ่ือชวี ิต วรรณคดีลาํ นํา ช้ันประถมศกึ ษาปท่ี ๓

วดั ผลประเมนิ ผล
๑. วิธกี ารประเมิน
- สงั เกตพฤตกิ รรม
- ตรวจผลงานนกั เรียน
๒. เครอื่ งมอื ทีใ่ ชใ นการประเมิน
- แบบการสงั เกตพฤติกรรม
- แบบบันทึกการประเมินผลงานนักเรยี น
๓. เกณฑการประเมนิ
- นกั เรียนผา นเกณฑการสังเกตพฤติกรรม รอยละ ๗๕ – ๘๐

- นกั เรยี นผา นเกณฑป ระเมินผลงาน รอ ยละ ๘๐

แผนการจัดการเรียนรูท่ี ๒

กลุมสาระการเรียนรภู าษาไทย ชั้นประถมศึกษาปที่ ๓

หนว ยการเรียนรทู ี่ ๙ เรอื่ ง เด็กเอยเดก็ นอ ย เวลา ๕ ชั่วโมง

เรอ่ื ง คาํ ศัพทยากในบทเรยี น เวลา ๑ ช่วั โมง

……………………………………………………………………………………………………...…………..

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชกระบวนการอานสรางความรแู ละความคิดไปใชตดั สนิ ใจแกป ญหา และสรา งวิสยั ทศั นใ น
การดาํ เนนิ ชวี ติ และมนี สิ ัยรกั การอาน

ตวั ช้ีวัด
ท. ๑.๑ ป.๓/๒ อธบิ ายความหมายของคําและขอความทอี่ า

สาระสําคญั

คาํ ศัพทใหมหรือคาํ ศพั ทย ากในบทเรียน คือ คําศัพททม่ี ีความเกย่ี วโยงกบั เน้ือหาสาระในบทเรียนท

ผเู รยี นควรรจู กั และความเขาใจเก่ยี วกับความหมาย ๒. นักเรียนเขียนคาํ ศพั ททีก่ ําหนดให

ของศัพทการอานออกเสียงคาํ ศัพทต ลอดจนการนําคาํ ๓. นกั เรยี นนําคาํ ศพั ทใ หมใ นบทเรียนไปแตง เป
นประโยค
ศพ จริงในสถานการณตา งๆ ไดอยา งเหมาะสม

จุดประสงคการเรียนรู กระบวนการจดั การเรียนรู
๑. นักเรยี นอานออกเสียงคาํ ศพั ทใ หมใน
บทเรยี นไดถูกตอ ง
๒. นกั เรียนเขียนคาํ ศพั ทท ก่ี าํ หนดใหไดถกู ตอง
๓. นักเรยี นนาํ คําศัพทใ หมในบทเรยี นไปแตงเป
นประโยคได

คณุ ลักษณะอันพึงประสงค
๑. รกั ความเปนไทย
๒. ใฝเรยี นรู
๓. มีจติ สาธารณะ
๔. มวี นิ ัย
๕. อยอู ยางพอเพียง

สาระการเรียนรู
๑. นกั เรยี นอานออกเสยี งคําศัพทใหมใน
บทเรียน

ทไ ปใช
๑. ครนู าํ นกั เรียนสนทนาเกี่ยวกับเนือ้ เรอ่ื งในบทเรียนรวมกนั เพอื่ ทบทวนความรจู ากชั่วโมงทผี่ า นมา
๒. ครนู ําบ รคําศัพทย ากในบทเรียนมาติดไวบ นกระดาน แลวใหนกั เรยี นอานออกเสียงคําศพั ทจ ากบตั ร

คําทคี่ รตู ิดไวพรอมๆ กนั ทลี ะคาํ เชน คาํ วา ความเพียร เรข าย เยาะเยย เปน ตน

๓. น เรยี นแบง กลมุ ออกเปน ๒ กลมุ จากนักเรยี นทง้ั หมดในหองเรียน โดยในแตล ะกลุมจะมนี ักเรียนท

มีระดบั ผลการเรยี น ดี ปานกลาง และออ น อยูรวมกัน

๔. ครใู หนกั เรียนเขียนคาํ ศัพท โดยมกี ติกาในการแขงขนั ดังนี้

- ใหน กั เรียนแตล ะกลมุ สง ตัวแทนออกมาแขงขันเขยี นคาํ ศพั ทกลมุ ละ ๑ คน ตอ คําศพั ท ๑ คาํ

จะหมุนเวียนสลับกันไป โดยทท่ี กุ คนในกลุมจะไดอ อกมาเขียนคําศัพทครบทุกคน

- นกั เรยี นคอยฟง สญั ญาณจากครู โดยครจู ะบอกคาํ ศัพทน ัน้ ๒ ครงั้ แลวใหน กั เรียนเขียน

คาํ ศัพทท คี่ รูบอกไดทันที กลุมใดเขียนไดถ ูกตองและเสร็จกอ นกลมุ นน้ั จะเปน ผูไ ดคะแนน ใน

กรณีทีเ่ ขยี นเสรจ็ พรอมกันและเขยี นไดถกู ตองจะไดค ะแนนทั้ง ๒ กลมุ

๕. เมอื่ แขงขนั เกมจบแลว ครสู รุปผลคะแนนใหน ักเรียนทราบ และชวยกนั แสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกับ ประ

โยชน และขอ ดีขอ เสยี ของกิจกรรม

๖. นกั เรยี นแตละคนเลือกคําศพั ทยากจากบทเรยี น จาํ นวน ๑๐ คํา ไปแตง ประโยคลงในสมดุ แลว สงครู

เพอื่ ตรวจใหค ะแนน

๗. ครสู ังเกตพฤตกิ รรมการรวมกิจกรรมในชั้นเรยี นของนกั เรยี น และบันทกึ ลงในแบบประเมนิ

๘. ครูและนักเรียนรว มกนั สรปุ บทเรยี นและ - นักเรียนผานเกณฑก ารสงั เกต
ความหมายของคําศัพทในบทเรียนอีกครั้งในประเด็นเกย พฤติกรรม รอยละ ๗๕ – ๘๐
การนําไปใชในชวี ิตประจาํ วัน - นักเรียนผานเกณฑป ระเมินผลงาน
รอ ยละ ๘๐
สอื่ / แหลงเรยี นรู

๑. หนงั สือเรยี น รายวชิ าพืน้ ฐาน ภาษาไทย
ชดุ ภาษาเพ่อื ชวี ติ วรรณคดีลาํ นํา ช้ันประถม
ศกึ ษาปท

๒. พจนานุกรมภาษาไทย

๓. บตั รคาํ ศพั ทย ากในบทเรียน

วัดผลประเมนิ ผล
๑. วธิ ีการประเมนิ
- สงั เกตพฤตกิ รรม
- ตรวจผลงานนักเรียน
๒. เครือ่ งมือท่ีใชในการประเมิน
- แบบการสังเกตพฤติกรรม
- แบบบนั ทึกการประเมินผลงาน
นักเรยี น
๓. เกณฑก ารประเมนิ

วกบ
่ี ๓

แผนการจัดการเรยี นรูที่ ๓

กลุมสาระการเรยี นรภู าษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปท่ี ๓

หนวยการเรยี นรทู ่ี ๙ เรอ่ื ง เด็กเอยเดก็ นอ ย เวลา ๕ ชั่วโมง

เรอื่ ง การแตง คําขวญั เวลา ๒ ชวั่ โมง

……………………………………………………………………………………………………...…………..

มาตรฐาน ท ๔.๑ เขาใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลงั ของภาษา

ภมู ิปญ ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ ปน สมบตั ิของชาติ

ตวั ช้วี ดั
ท. ๔.๑ ป.๓/๓ เขยี นสะกดคาํ และบอกความหมายของคาํ

สาระสาํ คญั
คาํ ขวัญ คือ คําพดู หรือขอความทม่ี งุ ใหกําลงั ใจ มกั จะมีขอคดิ ทีผ่ อู า นสามารถนาํ ไปใชเ ปน แนวทางในการ

ดําเนินชวี ิตได

จดุ ประสงคการเรยี นรู
๑. นกั เรยี นเขาใจและบอกความหมายและหลกั การของการแตง คําขวัญได
๒. นกั เรยี นยกแตง คาํ ขวญั ได
๓. น เรยี นนาํ คาํ ขวญั ท่ีแตง ไปประยุกตใชในชีวติ ประจาํ วนั ได

คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค
๑. รกั ความเปน ไทย
๒. ใฝเ รยี นรู
๓. มีจติ สาธารณะ
๔. มีวินยั
๕. อยอู ยางพอเพยี ง

สาระการเรยี นรู
๑. นักเรยี นเขา ใจและบอกความหมายและหลกั การของการแตง คาํ ขวญั
๒. นกั เรียนยกแตง คาํ ขวัญ
๓. นกั เรยี นนําคําขวญั ท่ีแตง ไปประยกุ ตใชในชวี ติ ประจําวนั

กระบวนการจดั การเรียนรู แลว สนทนากบั นักเรยี นเก่ียวกับ
(ชั่วโมงที่ ๑)

๑. ครสู มุ ตัวแทนนักเรียน ๒–๓ คนทองคาํ ขวญั ทีน่ กั เรียนจาํ ได

ประเดน็ ดังตอ ไปน้ี

- คาํ ขวัญที่นกั เรียนยกตวั อยา งมาน้ันเปน คาํ ขวญั ประเภทใหขอคดิ หรือเตือนสติในเรือ่ งใด
- นักเรียนสามารถฟง พบเห็น หรอื อานคําขวญั เหลานไี้ ดจ ากทีใ่ ดบา ง อยางไร จงชวยกนั

อธบิ าย
๒. นกั เรยี นใหนกั เรยี นออกเสียงคําท่สี ะกดดวยมาตรตัวสะกดแม ก กา ตามครู และครรู วมกนั สนทนา เก่ียว
กบั ประเดน็ ดงั ตอ ไปน้ี

- นกั เรียนเคยไดย ิน หรือพูดคาํ ทีส่ ะกดดวยมาตรตัวสะกดแม ก กา หรือไม
- นกั เรยี นคิดวา คําทส่ี ะกดดวยมาตรตวั สะกดแม ก กา คืออะไร ใหอธิบายมาพอเขา ใจ
๓. ครูอธิบายความหมาย ของคาํ ขวญั เพือ่ ใหน กั เรยี นเกดิ ความรูค วามเขาใจ และบันทึกความรูลงใน
สมุด ๔. นักเรยี นยกตัวอยางคาํ ขวัญ มา พิจารณาวา คาํ ขวัญ

คนละ ๑ คําขวัญ ครเู ขยี นบน
กระดานแลว ชวยกน

แตละบทน้ันใหข อคดิ และคติเตือนใจในเร่อื งใดบา ง
๕. นักเรียนแบง กลมุ กลุม ละ ๕ คน ครูมอบหมายใหน กั เรียนไปคนควาคําขวัญจากสอ่ื และแหลง ตางๆ

รอบตัว พรอ มท้ังจดบนั ทึกมาใหมากท่ีสดุ
๖. นักเรยี นออกมานาํ เสนอคาํ ขวัญทสี่ ามารถรวบรวมและคน ความาไดหนาช้นั เรยี น ครูและนักเรยี น ชว

ยกนั พิจารณาถึงความหมายและคณุ คาของคําขวญั ในแตคาํ ขวัญวาสง่ั สอนหรอื ใหขอคิดคตเิ ตือนใจอยา งไรบา ง
๗. นกั เรยี นบันทกึ คาํ ขวัญทค่ี น ควา ไดล งในสมดุ และอานออกเสียงพรอ มกนั อกี ครง้ั
๘. ครูสงั เกตพฤติกรรมการรวมกิจกรรมในชัน้ เรียนของนักเรยี น และบนั ทกึ ลงในแบบประเมิน
๙. นกั เรยี นชวยกนั สรปุ เรอื่ ง คาํ ขวัญอีกครง้ั แลว จดบันทึกลงสมดุ

(ชว่ั โมงท่ี ๒)
๑. ครสู นทนารวมกับนักเรียนเกยี่ วกบั ความหมาย หลกั และวิธีการการแตงคําขวัญ
๒. ครอู ธบิ ายความหมายหลักและวิธกี ารแตง คําขวัญ ใหน กั เรียนเขา ใจและจดบันทึกลงในสมุด
๓. ครูยกตัวอยางคาํ ขวัญ และสาธติ การแตงคําขวญั ใหเพ่อื เปนตวั อยางใหนกั เรยี นสามารถแตง คาํ ขวญั ได ถกู

ตองตามหลักและวิธกี าร
๔. นกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ ๓ คน และชว ยกนั แตงคาํ ขวญั เก่ียวกบั การรณรงคใ หร ักและเชิญชวนให อา

นหนงั สอื มากลุมละ๑ คาํ ขวญั
๕. นักเรียนนําเสนอผลงานหนา ชน้ั เรยี น

๖. ครูสงั เกตพฤตกิ รรมการรวมกิจกรรมในช้นั เรียนของนักเรยี น และบันทกึ ลงในแบบประเมิน
๗. ครแู ละนกั เรียนรวมกันสรุปบทเรียนอกี คร้งั และชี้แจงเนือ้ หาท่ีจะเรียนในรายช่ัวโมงตอ ไป

ส่ือ/ แหลงเรียนรู
๑. หองสมดุ

๒. หนงั สอื พิมพ วารสาร นติ ยสารหรอื หนังสอื อื่น ๆ
๓. หนงั สือเรยี น รายวชิ าพื้นฐาน ภาษาไทย ชดุ ภาษาเพ่อื ชีวติ วรรณคดีลาํ นํา ช้นั ประถมศึกษาปท ่ี ๓

วดั ผลประเมนิ ผล

๑. วิธีการประเมนิ
- สงั เกตพฤตกิ รรม
- ตรวจผลงานนกั เรียน

๒. เครอ่ื งมือทใ่ี ชในการประเมนิ
- แบบการสงั เกตพฤตกิ รรม
- แบบบันทึกการประเมินผลงานนกั เรยี น

๓. เกณฑการประเมนิ
- นักเรียนผา นเกณฑก ารสงั เกตพฤติกรรม รอ ยละ ๗๕ – ๘๐
- นักเรยี นผา นเกณฑประเมินผลงาน รอ ยละ ๘๐

แผนการจัดการเรียนรูท่ี ๔

กลุม สาระการเรียนรภู าษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปที่ ๓

หนวยการเรยี นรทู ่ี ๙ เรื่อง เด็กเอยเด็กนอย เวลา ๕ ช่วั โมง

เร่ือง การทอ งจําบทอาขยาน เวลา ๑ ชว่ั โมง

……………………………………………………………………………………………………...…………..

มาตรฐาน ท ๕.๑ เขาใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณว รรรคดีและวรรณกรรมไทยอยางเห็นคุณคา และนาํ มา

ประยุกตใ ชใ นชีวิตจริง

ตัวชีว้ ัด
ท. ๕.๑ ป.๓/๔ ทอ งจาํ บทอาขยานตามทกี่ ําหนดและบทรอยกรองท่มี คี ุณคา ตามความสนใจ

สาระสําคญั
บทอาขยาน คอื บททอ งจาํ การบอก การสวด

จดุ ประสงคการเรียนรู
- นักเรียนทองจาํ บทอาขยาน เด็กนอย และวิชาหนาเจาได

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค
๑. รักความเปนไทย
๒. ใฝเ รยี นรู
๓. มจี ติ สาธารณะ
๔. มวี นิ ยั
๕. อยูอ ยา งพอเพียง

สาระการเรียนรู
- นกั เรียนทอ งจาํ บทอาขยาน เด็กนอย และวิชาหนาเจา

กระบวนการจดั การเรียนรู
๑. นักเรียนเละครสู นทนารวมกันเก่ยี วกบั การทอ งจาํ บทอาขยาน เดก็ นอ ย และวิชาหนาเจา
๒. ครูสาธิตการทองบทอาขยาน เด็กนอ ย และวชิ าหนาเจา จากหนงั สอื เรียน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพือ่ ชีวติ

วรรณคดลี ํานํา ช้นั ประถมศึกษาปท่ี ๓ (หนา ๕๔ และ ๕๖) ใหน กั เรียนฟง
๓. นักเรียนฝก ทองบทอาขยาน บทอาขยาน เด็กนอ ย และวิชาหนาเจา จากหนงั สอื เรยี น ภาษาไทย ชุด

ภาษาเพื่อชีวติ วรรณคดลี ํานํา ช้ันประถมศึกษาปท ่ี ๓ (หนา ๕๔ และ ๕๖) โดยมคี รคู อยใหคาํ แนะนาํ ใหนักเรียน
สามารถฝก ปฏบิ ตั ไิ ดถกู ตอ ง

๔. นกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ ๔-๕ คน และออกมาทองบทอาขยานท่ีกําหนดใหหนา ช้นั เรียนทีละกลมุ ครู

ตรวจสอบความถูกตอ งพรอมทัง้ ใหค าํ แนะนําติชมเพ่อื ใหนักเรยี นสามารถนําความรไู ปพฒั นาและปรับปรงุ แกไข
สบื ไป

๕. ครสู ังเกตพฤติกรรมการรวมกิจกรรมในชนั้ เรียนของนักเรียน และบันทึกลงในแบบประเมิน

๖. ครแู ละนกั เรียนชว ยกันสรุปความรูจากเร่ือง บทอาขยาน เด็กเอยเด็กนอยและวชิ าหนาเจา ประเดน็
เร่ืองของการนําความรูจากเรื่องไปประยกุ ตใ ชใ นสงั คมปจ จบุ นั

สอ่ื / แหลงเรยี นรู
- หนังสือเรียน รายวิชาพนื้ ฐาน ภาษาไทย ชดุ ภาษาเพือ่ ชวี ิต วรรณคดลี ํานํา ช้นั ประถมศกึ ษาปท่ี ๓

วัดผลประเมนิ ผล
๑. วิธกี ารประเมิน
- สงั เกตพฤติกรรม
- แบบประเมนิ การอา นบทรอยกรอง (บทอาขยาน)
๒. เครื่องมอื ทใ่ี ชใ นการประเมนิ
- แบบการสงั เกตพฤติกรรม
- แบบประเมนิ การอานบทรอ ยกรอง (บทอาขยาน)
๓. เกณฑการประเมิน
- นกั เรยี นผา นเกณฑก ารสงั เกตพฤตกิ รรม รอยละ ๗๕ – ๘๐
- นกั เรยี นผานเกณฑก ารทาํ แบบฝกหดั /ชิ้นงาน รอยละ ๗๕ – ๘๐

แผนการจดั การเรียนรูที่ ๑

กลุมสาระการเรยี นรภู าษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปที่ ๓

หนวยการเรียนรทู ี่ ๑๐ เรือ่ ง ความฝนเปนจริงได เวลา ๑๐ ช่ัวโมง

เร่อื ง อา น เขยี น คาํ ควรรูคูความหมาย เวลา ๒ ชวั่ โมง

.....................................................................................

สาระสําคญั

การอา น และการเขียนคาํ ควรรูค ูค วามหมาย จะชวยใหการอานเรอ่ื งราวในบทเรียนเขา ใจไดงาย และ

สามารถพฒั นาทกั ษะทางภาษาไดดี

มาตรฐานการเรียนรู
ท ๑.๑ใชกระบวนการอา นสรางความรแู ละความคดิ เพอื่ นําไปตดั สนิ ใจแกปญ หาในการดําเนินชีวิตและม นสิ ัย

รักการอา น

ตวั ชีว้ ัด
ป.๓/๑ อานออกเสยี งคํา ขอ ความ เรือ่ งสน้ั และบทรอ ยกรองงายๆ ไดถ ูกตองคลองแคลว
ป.๓/๒ อธบิ ายความหมายของคาํ และขอ ความท่อี า น

จุดประสงค
๑. นักเรียนอา นคาํ ศพั ทย ากไดถกู ตอ ง
๒. นกั เรยี นบอกความหมายของคาํ ในบทเรียนได
๓. นักเรยี นใชคําไดถ กู ตองตามบรบิ ท

สมรรถนะสําคัญของผูเรียน
๑. ความสามารถในการสือ่ สาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓. ความสามารถในการแกปญหา
๔. ความสามารถในการใชท ักษะชวี ติ

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค
๑. รกั ความเปนไทย
๒. ใฝเ รยี นรู
๓. มจี ิตสาธารณะ
๔. มวี นิ ยั
๕. อยอู ยางพอเพยี ง

สาระการเรยี รู
- ความหมายของคํา
- การใชคํา

กระบวนการจัดการเรียนรู
(ช่ัวโมงท่ี ๑)

๑. นักเรยี นอานคําจากบัตรคาํ ตามครู คําละ ๒ ครั้ง

๒. นกั เรยี นอา นออกเสยี งคําศัพท อานเพมิ่ เติมความหมายจากหนงั สอื เรยี นภาษาพาที ชั้น ประถม
ศึกษาปท่ี ๓ หนาท่ี ๙๓- ๙๔

๓. นกั เรยี นและครรู วมกันสนทนาถงึ ความหมายของคาํ พรอ มยกตวั อยางประกอบ

๔. นักเรยี นเลน แขงขันทายคําทา ทางจากคําทีค่ รกู ําหนดให
๕. นกั เรียนเขียนคาํ และความหมายของคําลงในสมดุ แบบฝก หัด
(ชว่ั โมงท่ี ๒)
๑. นกั เรียนแขง ขนั อา นคาํ จากบัตรคํา (คําสาํ คัญในบทเรยี น)
๒. นกั เรยี นอา นออกเสยี งคาํ ศัพท อานเพ่ิม เตมิ ความหมายจากหนงั สอื เรียนภาษาพาที ช้นั ประถม
ศึกษาปท่ี ๓ หนาที่ ๙๓- ๙๔
๓. นักเรยี นฝกแตงประโยคปากเปลา จากบตั รคาํ ที่อา น (คาํ สาํ คัญในบทเรยี น)
๔. นกั เรียนทําแบบฝก ทกั ษะภาษา แบบฝกหัดที่ ๒ ขอ ๒ (๑)

ส่อื / แหลง เรยี นรู
๑. บัตรคาํ
๒. หนงั สอื เรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน ภาษาไทย ชดุ ภาษาเพื่อชีวติ ภาษาพาที ชัน้ ประถมศึกษาปท ่ี ๓
๓. แบบฝก หดั รายวชิ าพืน้ ฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพ่อื ชีวิต ทกั ษะภาษา ช้นั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๓

การวดั ผลและประเมินผล รอยละ ๗๕ – ๘๐
๑. วิธีประเมนิ รอยละ ๗๕ – ๘๐
- สังเกตพฤตกิ รรม
- ตรวจแบบฝก หดั
๒. เครอื่ งมอื ประเมนิ
- แบบสงั เกตพฤติกรรม
- แบบฝกหดั
๓. เกณฑการประเมิน
- นักเรยี นผานเกณฑก ารสังเกตพฤตกิ รรม
- นักเรียนผานเกณฑก ารตรวจแบบฝก หัด

แผนการจัดการเรียนรูท ่ี ๒

กลุม สาระการเรยี นรภู าษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปท ่ี ๓

หนวยการเรียนรทู ่ี ๑๐ เรื่อง ความฝนเปน จริงได เวลา ๑๐ ชัว่ โมง

เรอื่ ง การอานออกเสียง เวลา ๑ ชว่ั โมง

.....................................................................................

สาระสําคญั

การอา นออกเสยี ง เปน การอานใหผ ูอื่นฟง ฉะนน้ั ผอู านจะตอ งแบงวรรคตอน เนน เสียงหนกั เบา และออก

เสียงใหถกู ตองชดั เจน จงึ จะส่ือความหมายไดอ ยา งมปี ระสิทธภิ าพ

มาตรฐานการเรียนรู
ท ๑.๑ใชก ระบวนการอานสรา งความรแู ละความคดิ เพ่ือนาํ ไปตดั สินใจแกปญ หาในการดําเนนิ ชวี ติ และมี นสิ ยั

รักการอา น

ตวั ชว้ี ดั
ป.๓/๑ อานออกเสียงคํา ขอ ความ เร่อื งสั้นๆ และบทรอ ยกรองงา ยๆ ไดถ ูกตอ งคลอ งแคลว

จดุ ประสงค
๑. นักเรียนอา นออกเสยี งเนอื้ หาในบทเรยี นได
๒. นกั เรียนจับใจความเรอ่ื งทีอ่ า นได
๓. นกั เรียนตอบคําถามเรื่องที่อานได

สมรรถนะสาํ คัญของผูเ รียน
๑. ความสามารถในการส่ือสาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓. ความสามารถในการแกป ญหา
๔. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวิต

คณุ ลักษณะอันพึงประสงค
๑. รกั ความเปน ไทย
๒. ใฝเ รยี นรู
๓. มีจติ สาธารณะ
๔. มวี นิ ัย
๕. อยอู ยา งพอเพียง

สาระการเรียนรู

- การอา นออกเสียง
- การจบั ใจความสําคัญ
- การตอบคําถาม

กระบวนการจัดการเรยี นรู
๑. ครใู หน ักเรยี นชวยกันบอกหลักเกณฑก ารอานออกเสียงทด่ี ี เชน อา นคลอง อา นถกู ตอ ง ชดั เจน เวนวร

รคตอนถกู ตอง ใชน าํ้ เสยี งสอดคลอ งกับอารมณของตวั ละคร เปน ตน
๒. ครูสาธติ การอานทด่ี ีใหน กั เรียนฟงหรอื ใหน ักเรียนฟง จากเครือ่ งบนั ทกึ เสียงกไ็ ด เพอื่ เปนแนวทางใน การอ

านของนักเรียน
๓. นกั เรยี นอา นเนื้อหาในหนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน ภาษาไทย ชุดภาษาเพ่ือชีวิต ภาษาพาที ช้นั

ประถมศกึ ษาปท่ี ๓ หนา ๙๐–๙๑ โดยอานตอ กันคนละ ๑ ยอหนา แลว รวมกนั สนทนาถงึ เน้ือหาวา ใคร ทํา
อะไร ทไ่ี หน ผลเปนอยางไร แลว ชวยกันเลา เรือ่ งตอเน่อื งจนจบ โดยครูชวยเพ่ิมเติมสว นทบ่ี กพรอ ง

๔. นกั เรยี นชว ยกันสรุปความรู เรือ่ งการอา นออกเสียงและการตอบคําถาม และขอคดิ ทไ่ี ดจ ากเรอ่ื งอาน

สอ่ื / แหลงเรยี นรู
๑. บตั รคาํ
๒. หนังสือเรยี น รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ชดุ ภาษาเพอ่ื ชวี ติ ภาษาพาที ช้ันประถมศึกษาปท ่ี ๓

การวดั ผลและประเมนิ ผล รอยละ ๗๕ – ๘๐
๑. วิธีประเมนิ
- สงั เกตพฤตกิ รรม
๒. เครือ่ งมือประเมนิ
- แบบสังเกตพฤติกรรม
๓. เกณฑการประเมนิ
- นักเรียนผานเกณฑก ารสังเกตพฤตกิ รรม

แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๓

กลุมสาระการเรียนรภู าษาไทย ช้ันประถมศกึ ษาปท ี่ ๓

หนว ยการเรียนรทู ี่ ๑๐ เรื่อง ความฝน เปนจริงได เวลา ๑๐ ชว่ั โมง

เรือ่ ง การอา นคิด วิเคราะห เวลา ๑ ชว่ั โมง

.....................................................................................

สาระสําคญั

การวเิ คราะหเร่อื ง เปน การพิจารณาสว นตา งๆ ของเรอ่ื ง เชน ขอเทจ็ จริงและขอคิดเหน็ สวนดแี ละสว น

บกพรองของเน้ือเร่อื ง จดุ ประสงคข องผูแตง ความเหมาะสมในการใชคํา ประโยค ขอ ความ ฯลฯ สรุปขอคิดที่ได

จากเร่ือง สามารถนําความรูท่ีไดร ับไปใชประโยชนใ นชวี ติ ประจาํ วนั

มาตรฐานการเรยี นรู
ท ๑.๑ ใชกระบวนการอานสรางความรูแ ละความคดิ เพือ่ นาํ ไปตัดสินใจแกป ญหาในการดําเนนิ ชีวิตและม

นิสยั รกั การอาน

ตัวชีว้ ัด
ป.๓/๓ ต้งั คําถามและตอบคําถามเชงิ เหตุผลเก่ยี วกับเรือ่ งทอ่ี า น
ป.๓/๕ สรปุ ความรูและขอ คิดจากเร่ืองท่อี า นเพอื่ นาํ ไปใชใ นชวี ิตประจาํ วนั

จุดประสงค
๑. นกั เรียนตั้งคาํ ถาม – ตอบคําถามเรอื่ งทีอ่ า นได
๒. นกั เรยี นแยกขอ เท็จจรงิ และขอ คิดเห็นจากเร่ืองทอ่ี า นได
๓. นกั เรียนสรุปขอคดิ ทไี่ ดจ ากการอานได

สมรรถนะสําคญั ของผูเ รียน
๑. ความสามารถในการส่อื สาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓. ความสามารถในการแกปญหา
๔. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวิต

คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค
๑. รกั ความเปน ไทย
๒. ใฝเรียนรู
๓. มีจติ สาธารณะ
๔. มวี ินยั
๕. อยอู ยา งพอเพียง

สาระการเรยี นรู
- การตง้ั คําถามและตอบคําถาม
- การแยกขอเท็จจรงิ และขอ คิดเหน็

กระบวนการจดั การเรียนรู
๑. ใหนกั เรยี นทบทวนเนือ้ หาบทเรยี น โดยการอา นคาํ จากบตั รคํา
๒. นกั เรียนอานออกเสียงเรื่อง ความฝน เปนจริงได จากหนงั สอื เรยี นภาษาพาที ชนั้ ประถมศกึ ษาปท่ี ๓

หนา ๙๐-๙๑ พรอ มกนั
๓. นกั เรยี นแบงกลมุ อา นเสียงจากบทเรียนกลมุ ละ ๑ ยอหนา
๔. นกั เรยี นชวยกนั ตอบคาํ ถามปากเปลา จากเรอื่ งทอี่ าน
- เหตุการณน ี้เกิดขนึ้ ทไ่ี หน
- เวหาฝนวาเกดิ อะไรข้ึนกับตน
- ในความฝนเวหาไดพ บใคร
- นักเรียนไดขอ คดิ อะไรบางจากเรอ่ื งที่อา น
๕. นักเรียนและครูชว ยกนั สรุปบทเรียนจากเร่ืองทอ่ี า น

สื่อ / แหลง เรยี นรู
- หนงั สือเรียน รายวชิ าพื้นฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพ่อื ชวี ติ ภาษาพาที ชั้นประถมศกึ ษาปที่ ๓

การวดั ผลและประเมนิ ผล รอ ยละ ๗๕ – ๘๐
๑. วธิ ปี ระเมนิ
- สังเกตพฤติกรรม
๒. เครอ่ื งมอื ประเมนิ
- แบบสังเกตพฤตกิ รรม
๓. เกณฑการประเมนิ
- นักเรียนผานเกณฑการสงั เกตพฤติกรรม

แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๔

กลุม สาระการเรียนรภู าษาไทย ชั้นประถมศึกษาปท่ี ๓

หนวยการเรียนรทู ี่ ๑๐ เร่อื ง ความฝนเปน จริงได เวลา ๑๐ ชว่ั โมง

เรอ่ื ง การอานเสรมิ บทเรยี น เวลา ๑ ช่ัวโมง

.....................................................................................

สาระสําคัญ

การอา นเสรมิ บทเรียน ทําใหผ อู า นไดร บั ความรู ความบนั เทิงและขอคิดจากการอา น และสามารถเลือก

หนงั สอื อา นไดต รงตามความตองการ นอกจากนี้ทสี่ ําคัญ คอื สามารถนาํ ความรูท ไี่ ดรบั จากการอา นมาปรบั ใชให เป

นประโยชนใ นชีวิตประจาํ วันได

มาตรฐานการเรียนรู
ท ๑.๑ใชก ระบวนการอานสรา งความรแู ละความคิดเพ่ือนาํ ไปตัดสินใจแกป ญหาในการดาํ เนินชวี ิตและมี

นสิ ัยรกั การอาน

ตวั ช้วี ัด
ป.๓/๑ อา นออกเสยี งคาํ ขอความ เรื่องส้ันๆ และบทรอยกรองงา ยๆ ไดถ ูกตอ งคลอ งแคลว

จุดประสงค
๑. นกั เรยี นอานและจับใจความสาํ คัญของเร่อื งได
๒. นักเรยี นสรุปและบอกขอ คดิ จากเรอ่ื งท่ีอา น

สมรรถนะสาํ คญั ของผูเรยี น
๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร
๒. ความสามารถในการคดิ
๓. ความสามารถในการแกปญหา
๔. ความสามารถในการใชทักษะชีวติ

คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค
๑. รกั ความเปนไทย
๒. ใฝเ รยี นรู
๓. มจี ติ สาธารณะ
๔. มวี นิ ัย
๕. อยอู ยางพอเพยี ง

สาระการเรยี นรู

- การอา นเสรมิ “เรื่องมนษุ ยก ับการบนิ ”

กระบวนการจดั การเรียนรู
๑. ทบทวนเนอ้ื หาทเ่ี รียนในชว่ั โมงทแี่ ลว ดวยการเลาเรือ่ งความฝนเปนจริงได
๒. นกั เรียนอา นออกเสียงเรอื่ ง ความฝน เปน จริงได จากหนังสอื เรยี นภาษาพาที ชน้ั ประถมศึกษาป ท่ี ๓

หนา ๙๐-๙๑ พรอมกนั
๓. นกั เรยี นอานออกเสียง อานเสรมิ “เรอื่ งมนุษยก บั การบนิ ” จากหนังสอื เรยี นภาษาพาที ชน้ั ประถมศึกษา

ปที่ ๓ หนา ๙๒ พรอ มกนั
๔. นกั เรียนพูดคุย สนทนา เก่ียวกับ “เร่ืองมนษุ ยก บั การบนิ ” จากความรูท่ีไดอ า นโดยต้งั คาํ ถามดังนี้
- จากเรื่องมนษุ ยก บั การบินใครคือผูจ ุดประกายการบนิ
- เครอื่ งบินทบี่ ินไดด ว ยความเร็วเหนอื ความเร็วเสยี งสรา งขึน้ เม่ือใด
- ถา นกั เรยี นเปนนกั บนิ อยากเดินทางไปไหน
๕. นักเรยี นรวมกนั สรปุ ความรูแ ละขอ คดิ ทไ่ี ดจ ากการอา น “เรื่องมนุษยก บั การบิน”
๖. นักเรยี นทาํ แบบฝกหัดทกั ษะภาษา แบบฝก หัดที่ ๑ ขอ ๑

ส่อื / แหลงเรยี นรู
๑. หนังสือเรยี น รายวชิ าพื้นฐาน ภาษาไทย ชดุ ภาษาเพอื่ ชีวิต ภาษาพาที ชน้ั ประถมศึกษาปที่ ๓
๒. แบบฝกหดั รายวชิ าพนื้ ฐาน ภาษาไทย ชดุ ภาษาเพ่อื ชีวิต ทักษะภาษา ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ี่ ๓

การวดั ผลและประเมนิ ผล
๑. วิธปี ระเมนิ
- สงั เกตพฤติกรรม
- ตรวจแบบฝก หัด
๒. เคร่อื งมอื ประเมนิ
- แบบสงั เกตพฤติกรรม
- แบบฝก หัด
๓. เกณฑก ารประเมนิ
- ผเู รยี นผานเกณฑก ารสังเกตพฤตกิ รรม รอยละ ๗๕ – ๘๐
- ผเู รยี นไดคะแนนการทาํ แบบฝก หัดผา นเกณฑ รอยละ ๗๕ – ๘๐

แผนการจดั การเรียนรูท ่ี ๕

กลุม สาระการเรยี นรภู าษาไทย ช้ันประถมศึกษาปท่ี ๓

หนวยการเรยี นรทู ่ี ๑๐ เรือ่ ง ความฝน เปนจริงได เวลา ๑๐ ชวั่ โมง

เรือ่ ง คาํ ทมี่ ี ฤ ฤๅ เวลา ๑ ช่วั โมง

.....................................................................................

สาระสําคัญ

การอา นคาํ ท่ใี ช “ฤ” ในภาษาไทยจะอานออกเสียงตัว “ฤ” ได ๓ แบบ คือ จะอานออกเสียง รึ ริ และเรอ ส

วนคําทีม่ ี ฤๅ จะอา นออกเสียงเปน รอื

มาตรฐานการเรยี นรู
ท๔.๑ เขา ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภมู ิปญ

ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ ปนสมบตั ขิ องชาติ

ตัวชว้ี ัด
ป.๓/๑ เขยี นสะกดคําและบอกความหมายของคาํ

จุดประสงค
๑. นกั เรยี นอา นคาํ ทีใ่ ช “ฤ” ในภาษาไทยไดถกู ตอง
๒. นกั เรยี นเขยี นคาํ ท่ใี ช “ฤ” ในภาษาไทยไดถ กู ตอ ง

สมรรถนะสาํ คญั ของผูเ รียน
๑. ความสามารถในการสื่อสาร
๒. ความสามารถในการคดิ
๓. ความสามารถในการแกปญ หา
๔. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวติ

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค
๑. รกั ความเปนไทย
๒. ใฝเ รียนรู
๓. มีจิตสาธารณะ
๔. มีวินัย
๕. อยูอ ยา งพอเพียง

สาระการเรยี นรู
- การอานคาํ ที่ใช “ฤ” และ “ฤๅ”

กระบวนการจัดการเรียนรู
๑. ใหน ักเรยี นอาน อธิบายเพ่มิ เติมความหมายจากหนงั สอื ภาษาพาที ชั้นประถมศกึ ษาปท ่ี ๓ หนา ๙๓

–๙๔
๒. ครูอธิบายวา คําท่ใี ช ฤ ฤๅ นี้ อา นออกเสยี งได 3 แบบคือออกเสียง รึ ริ และเรอ สวนคาํ ทมี่ ี ฤๅ จะ

อา นออกเสียงเปน รือ
๓. นกั เรยี นเขียนเรื่องโดยเลือกคําทใี่ ช ฤ ฤๅ อยา งนอ ย ๓ คาํ ลงในสมดุ แลว นํามาแลกเปลย่ี นกัน
๔. นกั เรียนและครูรวมกนั สรุปความรเู ร่ือง คําท่ีใช ฤ ฤๅ
๕. นกั เรยี นทําแบบฝกหดั ทักษะภาษา ชัน้ ประถมศึกษาปท ี่ ๓ แบบฝก หัดที่ ๑๐ ขอ ๓ (๑) จากนน้ั นําสงครู

ครูเฉลยและตรวจสอบความถูกตอ ง

สื่อ / แหลงเรียนรู
๑. หนังสอื เรียน รายวิชาพ้นื ฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพือ่ ชวี ิต ภาษาพาที ชนั้ ประถมศกึ ษาปท่ี ๓
๒. แบบฝก หดั รายวิชาพน้ื ฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชีวิต ทักษะภาษา ช้นั ประถมศกึ ษาปท ี่ ๓

การวดั ผลและประเมินผล
๑. วิธปี ระเมิน
- สังเกตพฤตกิ รรม
- ตรวจแบบฝกหัด
๒. เคร่อื งมอื ประเมนิ
- แบบสงั เกตพฤติกรรม
- แบบฝกหัด
๓. เกณฑก ารประเมนิ
- ผเู รียนผา นเกณฑการสังเกตพฤตกิ รรม รอ ยละ ๗๕ – ๘๐
- ผเู รียนไดคะแนนการทาํ แบบฝก หัดผานเกณฑ รอ ยละ ๗๕ – ๘๐

แผนการจัดการเรยี นรูท่ี ๖

กลุมสาระการเรียนรภู าษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปท ี่ ๓

หนว ยการเรียนรทู ี่ ๑๐ เรือ่ ง ความฝน เปน จริงได เวลา ๑๐ ชว่ั โมง

เร่ือง คาํ ท่ใี ช บนั บรร เวลา ๑ ชว่ั โมง

.....................................................................................

สาระสาํ คัญ

บนั และ บรร อา นวา บัน ใชเขยี นนาํ หนา พยางค เพอ่ื ใหเปน คํา ซ่ึงคําท่ีใช บนั ในภาษาไทยปจ จบุ ัน มี ๕