การวเิ คราะหเรอ่ื ง เปน การพิจารณาสว นตางๆ ของเรือ่ ง เชน ขอเทจ็ จรงิ และขอ คิดเหน็ สวนดแี ละสวน บกพรอ งของเนือ้ เรือ่ ง จุดประสงคของผูแตง ความเหมาะสมในการใชคาํ ประโยค ขอความ ฯลฯ สรปุ ขอคิดท่ีได จากเรอื่ ง สามารถนาํ ความรูที่ไดรับไปใชประโยชนในชวี ิตประจําวัน มาตรฐานการเรยี นรู มีนสิ ยั รักการอาน ตัวชว้ี ดั จุดประสงคการเรียนรู สมรรถนะสําคัญของผูเรยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค สาระการเรียนรู กระบวนการจัดการเรียนรู หนา ๗๓ – ๗๙ พรอมกนั สือ่ / แหลงเรยี นรู การวัดผลและประเมนิ ผล รอ ยละ ๗๕ – ๘๐ แผนการจัดการเรยี นรูท่ี ๔ กลุมสาระการเรียนรภู าษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ี่ ๓ หนวยการเรยี นรทู ่ี ๘ เร่อื ง พลงั งานคอื ชวี ติ เวลา ๑๐ ชัว่ โมง เรอ่ื ง การอานเสริมบทเรยี น เวลา ๑ ชว่ั โมง ..................................................................................... สาระสาํ คัญ การอา นเสรมิ บทเรียน ทาํ ใหผอู านไดรับความรู ความบันเทงิ และขอ คิดจากการอาน และสามารถเลือก หนงั สอื อานไดตรงตามความตองการ นอกจากนี้ทส่ี ําคญั คอื สามารถนาํ ความรูทไี่ ดร ับจากการอานมาปรบั ใชใ ห เป นประโยชนใ นชวี ติ ประจาํ วันได มาตรฐานการเรียนรู มนี ิสัยรักการอาน ตวั ช้วี ัด จดุ ประสงคก ารเรยี นรู สมรรถนะสาํ คญั ของผูเรยี น คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค สาระการเรียนรู - การอานเสริม “เร่อื งใชโ ทรทศั น ใหป ระหยดั คา ไฟฟา ” กระบวนการจดั การเรยี นรู ๗๓ – ๗๙ พรอ มกนั ชั้นประถมศกึ ษาปท ี่ ๓ หนา ๘๐ พรอ มกัน คาํ ถามใหนักเรยี นตอบ ส่ือ / แหลงเรียนรู การวดั ผลและประเมนิ ผล รอยละ ๗๕ – ๘๐ แผนการจัดการเรียนรูที่ ๕ กลุม สาระการเรยี นรภู าษาไทย ชั้นประถมศึกษาปที่ ๓ หนวยการเรียนรทู ่ี ๘ เรือ่ ง พลงั งานคอื ชวี ติ เวลา ๑๐ ชวั่ โมง เร่ือง การอา นคาํ ทเ่ี ปน อกั ษรควบกล้ํา เวลา ๒ ชว่ั โมง ..................................................................................... สาระสําคญั คาํ ควบกลาํ้ คือคําทีอ่ อกเสียงพยัญชนะตนพรอ มกันท้งั ๒ คาํ หรอื ออกเสยี งเปนเสยี งพยัญชนะตัวอื่น ผเู รียนตองเรียนรูเรื่องการออกเสยี งและการเขียนคําควบกล้าํ ที่ถูกตองเพ่ือเปน พ้ืนฐานในการใชภาษาและทาํ ใหการ ส่ือสารมีประสทิ ธภิ าพ มาตรฐานการเรยี นรู ปญ ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ ปนสมบัติของชาติ ตวั ชี้วัด จดุ ประสงคก ารเรียนรู สมรรถนะสาํ คญั ของผูเ รยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค สาระการเรียนรู กระบวนการจดั การเรยี นรู หาคาํ ควบกล้ําท้ังควบแทแ ละคําควบกล้าํ ไมแท จาก เรอ่ื ง “พลังงานคือชวี ติ ” ใหไดมากท่ีสุดพอหมดเวลาใหแต ละ ๒. ครแู ขวนแผนภมู ิ “คําควบกลํ้า” ไวบ นกระดาน นกั เรียนอานพรอมกัน ครนู าํ นกั เรียนฝกอานตาม ๓. ใหน กั เรียนศึกษาเร่ือง คาํ ควบกลาํ้ จากหนังสือเรียน จากน้ันครูเขียนควบกลาํ้ บนกระดานใหนกั เรยี น อ ๔. นกั เรียนทําแบบฝกหัดท่ี ๖ ขอ ๓ (๑ – ๒) สือ่ / แหลง เรียนรู การวดั ผลและประเมินผล - สังเกตพฤติกรรม รอยละ ๗๕ – ๘๐ แผนการจัดการเรียนรูที่ ๖ กลุมสาระการเรยี นรภู าษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปท่ี ๓ หนว ยการเรียนรทู ี่ ๘ เรอื่ ง พลังงานคือชีวิต เวลา ๑๐ ชั่วโมง เรือ่ ง การอานคาํ ท่เี ปนอักษรนํา เวลา ๑ ชัว่ โมง ..................................................................................... สาระสาํ คญั อกั ษรนาํ คอื กฎเกณฑทางหลกั ภาษาอีกประเภทหน่ึง ทีท่ ําใหก ระบวนการอานเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจาก รปู ลักษณอักษรทป่ี รากฏ ผเู รียนตองเรยี นรูก ฎเกณฑเ หลานี้อยา งละเอยี ด เพ่อื เพม่ิ ประสิทธิภาพในการสือ่ สาร มาตรฐานการเรียนรู ปญ ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเปน สมบตั ิของชาติ ตวั ชีว้ ัด จดุ ประสงคการเรียนรู คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค สาระการเรยี นรู กระบวนการจดั การเรยี นรู จากคาํ ท่ีครกู าํ หนดให และเปลยี่ นกนั ตรวจผลงาน ๓. ใหนกั เรียนแตละกลมุ ชว ยกันหาคําท่เี ปนอักษรนาํ เรื่อง พลังงานคือชวี ติ ใหไ ดมากที่สดุ เขียนใส แผน กระ ๔. นักเรียนทําแบบฝก หดั ที่ ๔ หนา ๔๔ ขอ ๓ (๒ – ๔) สอ่ื / แหลงเรียนรู การวัดผลและประเมินผล - สังเกตพฤตกิ รรม รอยละ ๗๕ – ๘๐ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - แบบฝก หดั - นกั เรียนผานเกณฑการสังเกตพฤตกิ รรม แผนการจดั การเรียนรูที่ ๗ กลุม สาระการเรยี นรภู าษาไทย ชัน้ ประถมศึกษาปท่ี ๓ หนว ยการเรียนรทู ี่ ๘ เรือ่ ง พลังงานคอื ชีวติ เวลา ๑๐ ชั่วโมง เรื่อง การแตง คําขวัญ เวลา ๑ ชั่วโมง ..................................................................................... สาระสาํ คัญ คาํ ขวัญเปนขอ ความที่ใชคาํ สนั้ กะทดั รดั มักนิยมใหคลอ งจองกันเพ่ือใหจ าํ ไดงาย มีความหมายที่ดี จงู ใจ ใหข อคิด มคี ติเตอื นใจในเรื่องใดเรอ่ื งหนง่ึ ซ่ึงนําไปใชป ระกอบไดท้งั การพดู และการเขยี น มาตรฐานการเรยี นรู ปญ ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ ปนสมบตั ิของชาติ ตวั ชว้ี ดั จดุ ประสงคการเรียนรู คุณลักษณะอนั พึงประสงค สาระการเรยี นรู กระบวนการจัดการเรียนรู ๑. นักเรียนดูตัวอยา งคําขวัญ บนกระดานดาํ แลว สนทนาคําคลอ งจองในคําขวญั นน้ั ๆ เชน พลงั งานคือชีวติ รูจ กั คดิ รจู กั ใช ไดคุณคา เดก็ ดเี ปน ศรแี กชาติ เด็กฉลาดชาตเิ จรญิ ๒. นกั เรียนอา นคําขวัญ พรอมกนั และชว ยกนั ขดี เสนใตคําสมั ผัสและขดี แบงจังหวะการอาน ๓. นกั เรยี นฝก อา นคาํ ขวญั จากหนังสอื เรยี นภาษาพาที แลว อภิปรายสรุปความหมายจาก พรอมทง้ั หาคํา ๔. นักเรยี นฝก การแตงคาํ ขวัญแลวนาํ เสนอ เพื่อแลกเปล่ียนเรียนรซู ่งึ กนั และกนั พรอมท้งั ชวยกนั ปรับปรุง ๕. นกั เรยี นและครูสรุปบทเรียนการแตงคําขวญั ๖. นักเรยี นทําแบบฝก หัดที่ ๖ ขอ ๓ (๕) และขอ ๔ ส่ือ / แหลง เรียนรู การวัดผลและประเมินผล - สังเกตพฤติกรรม รอ ยละ ๗๕ – ๘๐ - แบบสงั เกตพฤติกรรม - แบบฝกหดั - นกั เรยี นผา นเกณฑก ารสังเกตพฤติกรรม แผนการจัดการเรียนรูที่ ๑ กลุมสาระการเรียนรภู าษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๓ หนวยการเรยี นรทู ่ี ๙ เรือ่ ง เด็กเอยเดก็ นอ ย เวลา ๕ ช่ัวโมง เร่ือง การอานออกเสยี งบทเรยี น เวลา ๑ ชั่วโมง ……………………………………………………………………………………………………...………….. มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชกระบวนการอานสรา งความรแู ละความคิดไปใชต ัดสินใจแกป ญหา และสรา งวิสยั ทัศนใ น การดาํ เนนิ ชวี ิต และมนี สิ ยั รักการอา น ตวั ชี้วัด สาระสาํ คญั ถูกตอ งชดั ถอ ยชัดคํา เพื่อใหเขา ใจและสามารถสรปุ ตอบคําถามจากเรื่องทอ่ี า นได จุดประสงคการเรยี นรู คุณลักษณะอนั พึงประสงค สาระการเรยี นรู กระบวนการจัดการเรียนรู ช้นั ประถมศึกษาปท ี่ ๓ บทท่ี ๒ เรื่อง “เด็กเอยเดก็ นอ ย” โดยรว มกันอภปิ รายแสดงความคิดเห็นจากภาพตาม - มีบคุ คลใดบางที่อยใู นภาพ และนักเรียนคิดวาบคุ คลในภาพมคี วามสมั พนั ธก นั อยางไร จง - บุคคลในภาพกําลงั ทํากจิ กรรมใด อยา งไรบา ง ๒. ครูใหนักเรยี นอานออกเสยี งบทเรียน เรื่อง เดก็ เอย เดก็ นอย จากหนังสอื หนังสือเรยี น รายวชิ าพ้ืนฐาน ๓. นักเรียนอานออกเสียงบทเรยี น เรื่อง “เดก็ เอยเดก็ นอ ย” จากหนงั สือหนังสอื เรยี น สลบั กนั ทีละแถว โดย - พจิ ารณาจากความถูกตอ งชดั เจน - จากเรอื่ ง เด็กเอย เดก็ นอ ย ใหน กั เรียนลองพิจารณาดวู านักเรียนเคยประสบเหตุการณ ดงั เชน - เม่อื อานเร่อื ง เดก็ เอย เด็กนอ ย แลวนกั เรียนไดขอคดิ อะไรจากเรื่องน้บี าง สือ่ / แหลงเรียนรู วดั ผลประเมนิ ผล - นกั เรยี นผา นเกณฑป ระเมินผลงาน รอ ยละ ๘๐ แผนการจัดการเรียนรูท่ี ๒ กลุมสาระการเรียนรภู าษาไทย ชั้นประถมศึกษาปที่ ๓ หนว ยการเรียนรทู ี่ ๙ เรอื่ ง เด็กเอยเดก็ นอ ย เวลา ๕ ชั่วโมง เรอ่ื ง คาํ ศัพทยากในบทเรยี น เวลา ๑ ช่วั โมง ……………………………………………………………………………………………………...………….. มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชกระบวนการอานสรางความรแู ละความคิดไปใชตดั สนิ ใจแกป ญหา และสรา งวิสยั ทศั นใ น ตวั ช้ีวัด สาระสําคญั คาํ ศัพทใหมหรือคาํ ศพั ทย ากในบทเรียน คือ คําศัพททม่ี ีความเกย่ี วโยงกบั เน้ือหาสาระในบทเรียนท ผเู รยี นควรรจู กั และความเขาใจเก่ยี วกับความหมาย ๒. นักเรียนเขียนคาํ ศพั ททีก่ ําหนดให ของศัพทการอานออกเสียงคาํ ศัพทต ลอดจนการนําคาํ ๓. นกั เรยี นนําคาํ ศพั ทใ หมใ นบทเรียนไปแตง เป จุดประสงคการเรียนรู กระบวนการจดั การเรียนรู คณุ ลักษณะอันพึงประสงค สาระการเรียนรู ทไ ปใช คําทคี่ รตู ิดไวพรอมๆ กนั ทลี ะคาํ เชน คาํ วา ความเพียร เรข าย เยาะเยย เปน ตน ๓. น เรยี นแบง กลมุ ออกเปน ๒ กลมุ จากนักเรยี นทง้ั หมดในหองเรียน โดยในแตล ะกลุมจะมนี ักเรียนท มีระดบั ผลการเรยี น ดี ปานกลาง และออ น อยูรวมกัน ๔. ครใู หนกั เรียนเขียนคาํ ศัพท โดยมกี ติกาในการแขงขนั ดังนี้ - ใหน กั เรียนแตล ะกลมุ สง ตัวแทนออกมาแขงขันเขยี นคาํ ศพั ทกลมุ ละ ๑ คน ตอ คําศพั ท ๑ คาํ จะหมุนเวียนสลับกันไป โดยทท่ี กุ คนในกลุมจะไดอ อกมาเขียนคําศัพทครบทุกคน - นกั เรยี นคอยฟง สญั ญาณจากครู โดยครจู ะบอกคาํ ศัพทน ัน้ ๒ ครงั้ แลวใหน กั เรียนเขียน คาํ ศัพทท คี่ รูบอกไดทันที กลุมใดเขียนไดถ ูกตองและเสร็จกอ นกลมุ นน้ั จะเปน ผูไ ดคะแนน ใน กรณีทีเ่ ขยี นเสรจ็ พรอมกันและเขยี นไดถกู ตองจะไดค ะแนนทั้ง ๒ กลมุ ๕. เมอื่ แขงขนั เกมจบแลว ครสู รุปผลคะแนนใหน ักเรียนทราบ และชวยกนั แสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกับ ประ โยชน และขอ ดีขอ เสยี ของกิจกรรม ๖. นกั เรยี นแตละคนเลือกคําศพั ทยากจากบทเรยี น จาํ นวน ๑๐ คํา ไปแตง ประโยคลงในสมดุ แลว สงครู เพอื่ ตรวจใหค ะแนน ๗. ครสู ังเกตพฤตกิ รรมการรวมกิจกรรมในชั้นเรยี นของนกั เรยี น และบันทกึ ลงในแบบประเมนิ ๘. ครูและนักเรียนรว มกนั สรปุ บทเรยี นและ - นักเรียนผานเกณฑก ารสงั เกต ๑. หนงั สือเรยี น รายวชิ าพืน้ ฐาน ภาษาไทย ๒. พจนานุกรมภาษาไทย ๓. บตั รคาํ ศพั ทย ากในบทเรียน วัดผลประเมนิ ผล วกบ แผนการจัดการเรยี นรูที่ ๓ กลุมสาระการเรยี นรภู าษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปท่ี ๓ หนวยการเรยี นรทู ่ี ๙ เรอ่ื ง เด็กเอยเดก็ นอ ย เวลา ๕ ชั่วโมง เรอื่ ง การแตง คําขวญั เวลา ๒ ชวั่ โมง ……………………………………………………………………………………………………...………….. มาตรฐาน ท ๔.๑ เขาใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลงั ของภาษา ภมู ิปญ ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ ปน สมบตั ิของชาติ ตวั ช้วี ดั สาระสาํ คญั ดําเนินชวี ิตได จดุ ประสงคการเรยี นรู คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค สาระการเรยี นรู กระบวนการจดั การเรียนรู แลว สนทนากบั นักเรยี นเก่ียวกับ ๑. ครสู มุ ตัวแทนนักเรียน ๒–๓ คนทองคาํ ขวญั ทีน่ กั เรียนจาํ ได ประเดน็ ดังตอ ไปน้ี - คาํ ขวัญที่นกั เรียนยกตวั อยา งมาน้ันเปน คาํ ขวญั ประเภทใหขอคดิ หรือเตือนสติในเรือ่ งใด อธบิ าย - นกั เรียนเคยไดย ิน หรือพูดคาํ ทีส่ ะกดดวยมาตรตัวสะกดแม ก กา หรือไม คนละ ๑ คําขวัญ ครเู ขยี นบน แตละบทน้ันใหข อคดิ และคติเตือนใจในเร่อื งใดบา ง รอบตัว พรอ มท้ังจดบนั ทึกมาใหมากท่ีสดุ ยกนั พิจารณาถึงความหมายและคณุ คาของคําขวญั ในแตคาํ ขวัญวาสง่ั สอนหรอื ใหขอคิดคตเิ ตือนใจอยา งไรบา ง (ชว่ั โมงท่ี ๒) ตองตามหลักและวิธกี าร นหนงั สอื มากลุมละ๑ คาํ ขวญั ๖. ครูสงั เกตพฤตกิ รรมการรวมกิจกรรมในช้นั เรียนของนักเรยี น และบันทกึ ลงในแบบประเมิน ส่ือ/ แหลงเรียนรู ๒. หนงั สอื พิมพ วารสาร นติ ยสารหรอื หนังสอื อื่น ๆ วดั ผลประเมนิ ผล ๑. วิธีการประเมนิ ๒. เครอ่ื งมือทใ่ี ชในการประเมนิ ๓. เกณฑการประเมนิ แผนการจัดการเรียนรูท่ี ๔ กลุม สาระการเรียนรภู าษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปที่ ๓ หนวยการเรยี นรทู ่ี ๙ เรื่อง เด็กเอยเด็กนอย เวลา ๕ ช่วั โมง เร่ือง การทอ งจําบทอาขยาน เวลา ๑ ชว่ั โมง ……………………………………………………………………………………………………...………….. มาตรฐาน ท ๕.๑ เขาใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณว รรรคดีและวรรณกรรมไทยอยางเห็นคุณคา และนาํ มา ประยุกตใ ชใ นชีวิตจริง ตัวชีว้ ัด สาระสําคญั จดุ ประสงคการเรียนรู คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค สาระการเรียนรู กระบวนการจดั การเรียนรู วรรณคดลี ํานํา ช้นั ประถมศึกษาปท่ี ๓ (หนา ๕๔ และ ๕๖) ใหน กั เรียนฟง ภาษาเพื่อชีวติ วรรณคดลี ํานํา ช้ันประถมศึกษาปท ่ี ๓ (หนา ๕๔ และ ๕๖) โดยมคี รคู อยใหคาํ แนะนาํ ใหนักเรียน ๔. นกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ ๔-๕ คน และออกมาทองบทอาขยานท่ีกําหนดใหหนา ช้นั เรียนทีละกลมุ ครู ตรวจสอบความถูกตอ งพรอมทัง้ ใหค าํ แนะนําติชมเพ่อื ใหนักเรยี นสามารถนําความรไู ปพฒั นาและปรับปรงุ แกไข ๕. ครสู ังเกตพฤติกรรมการรวมกิจกรรมในชนั้ เรียนของนักเรียน และบันทึกลงในแบบประเมิน ๖. ครแู ละนกั เรียนชว ยกันสรุปความรูจากเร่ือง บทอาขยาน เด็กเอยเด็กนอยและวชิ าหนาเจา ประเดน็ สอ่ื / แหลงเรยี นรู วัดผลประเมนิ ผล แผนการจดั การเรียนรูที่ ๑ กลุมสาระการเรยี นรภู าษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปที่ ๓ หนวยการเรียนรทู ี่ ๑๐ เรือ่ ง ความฝนเปนจริงได เวลา ๑๐ ช่ัวโมง เร่อื ง อา น เขยี น คาํ ควรรูคูความหมาย เวลา ๒ ชวั่ โมง ..................................................................................... สาระสําคญั การอา น และการเขียนคาํ ควรรูค ูค วามหมาย จะชวยใหการอานเรอ่ื งราวในบทเรียนเขา ใจไดงาย และ สามารถพฒั นาทกั ษะทางภาษาไดดี มาตรฐานการเรียนรู รักการอา น ตวั ชีว้ ัด จุดประสงค สมรรถนะสําคัญของผูเรียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค สาระการเรยี รู กระบวนการจัดการเรียนรู ๑. นักเรยี นอานคําจากบัตรคาํ ตามครู คําละ ๒ ครั้ง ๒. นกั เรยี นอา นออกเสยี งคําศัพท อานเพมิ่ เติมความหมายจากหนงั สอื เรยี นภาษาพาที ชั้น ประถม ๓. นกั เรยี นและครรู วมกันสนทนาถงึ ความหมายของคาํ พรอ มยกตวั อยางประกอบ ๔. นักเรยี นเลน แขงขันทายคําทา ทางจากคําทีค่ รกู ําหนดให ส่อื / แหลง เรยี นรู การวดั ผลและประเมินผล รอยละ ๗๕ – ๘๐ แผนการจัดการเรียนรูท ่ี ๒ กลุม สาระการเรยี นรภู าษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปท ่ี ๓ หนวยการเรียนรทู ่ี ๑๐ เรื่อง ความฝนเปน จริงได เวลา ๑๐ ชัว่ โมง เรอื่ ง การอานออกเสียง เวลา ๑ ชว่ั โมง ..................................................................................... สาระสําคญั การอา นออกเสยี ง เปน การอานใหผ ูอื่นฟง ฉะนน้ั ผอู านจะตอ งแบงวรรคตอน เนน เสียงหนกั เบา และออก เสียงใหถกู ตองชดั เจน จงึ จะส่ือความหมายไดอ ยา งมปี ระสิทธภิ าพ มาตรฐานการเรียนรู รักการอา น ตวั ชว้ี ดั จดุ ประสงค สมรรถนะสาํ คัญของผูเ รียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค สาระการเรียนรู - การอา นออกเสียง กระบวนการจัดการเรยี นรู รคตอนถกู ตอง ใชน าํ้ เสยี งสอดคลอ งกับอารมณของตวั ละคร เปน ตน านของนักเรียน ประถมศกึ ษาปท่ี ๓ หนา ๙๐–๙๑ โดยอานตอ กันคนละ ๑ ยอหนา แลว รวมกนั สนทนาถงึ เน้ือหาวา ใคร ทํา ๔. นกั เรยี นชว ยกันสรุปความรู เรือ่ งการอา นออกเสียงและการตอบคําถาม และขอคดิ ทไ่ี ดจ ากเรอ่ื งอาน สอ่ื / แหลงเรยี นรู การวดั ผลและประเมนิ ผล รอยละ ๗๕ – ๘๐ แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๓ กลุมสาระการเรียนรภู าษาไทย ช้ันประถมศกึ ษาปท ี่ ๓ หนว ยการเรียนรทู ี่ ๑๐ เรื่อง ความฝน เปนจริงได เวลา ๑๐ ชว่ั โมง เรือ่ ง การอา นคิด วิเคราะห เวลา ๑ ชว่ั โมง ..................................................................................... สาระสําคญั การวเิ คราะหเร่อื ง เปน การพิจารณาสว นตา งๆ ของเรอ่ื ง เชน ขอเทจ็ จริงและขอคิดเหน็ สวนดแี ละสว น บกพรองของเน้ือเร่อื ง จดุ ประสงคข องผูแตง ความเหมาะสมในการใชคํา ประโยค ขอ ความ ฯลฯ สรุปขอคิดที่ได จากเร่ือง สามารถนําความรูท่ีไดร ับไปใชประโยชนใ นชวี ติ ประจาํ วนั มาตรฐานการเรยี นรู นิสยั รกั การอาน ตัวชีว้ ัด จุดประสงค สมรรถนะสําคญั ของผูเ รียน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค สาระการเรยี นรู กระบวนการจดั การเรียนรู หนา ๙๐-๙๑ พรอ มกนั สื่อ / แหลง เรยี นรู การวดั ผลและประเมนิ ผล รอ ยละ ๗๕ – ๘๐ แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๔ กลุม สาระการเรียนรภู าษาไทย ชั้นประถมศึกษาปท่ี ๓ หนวยการเรียนรทู ี่ ๑๐ เร่อื ง ความฝนเปน จริงได เวลา ๑๐ ชว่ั โมง เรอ่ื ง การอานเสรมิ บทเรยี น เวลา ๑ ช่ัวโมง ..................................................................................... สาระสําคัญ การอา นเสรมิ บทเรียน ทําใหผ อู า นไดร บั ความรู ความบนั เทิงและขอคิดจากการอา น และสามารถเลือก หนงั สอื อา นไดต รงตามความตองการ นอกจากนี้ทสี่ ําคัญ คอื สามารถนาํ ความรูท ไี่ ดรบั จากการอา นมาปรบั ใชให เป นประโยชนใ นชีวิตประจาํ วันได มาตรฐานการเรียนรู นสิ ัยรกั การอาน ตวั ช้วี ัด จุดประสงค สมรรถนะสาํ คญั ของผูเรยี น คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค สาระการเรยี นรู - การอา นเสรมิ “เรื่องมนษุ ยก ับการบนิ ” กระบวนการจดั การเรียนรู หนา ๙๐-๙๑ พรอมกนั ปที่ ๓ หนา ๙๒ พรอ มกนั ส่อื / แหลงเรยี นรู การวดั ผลและประเมนิ ผล แผนการจดั การเรียนรูท ่ี ๕ กลุม สาระการเรยี นรภู าษาไทย ช้ันประถมศึกษาปท่ี ๓ หนวยการเรยี นรทู ่ี ๑๐ เรือ่ ง ความฝน เปนจริงได เวลา ๑๐ ชวั่ โมง เรือ่ ง คาํ ทมี่ ี ฤ ฤๅ เวลา ๑ ช่วั โมง ..................................................................................... สาระสําคัญ การอา นคาํ ท่ใี ช “ฤ” ในภาษาไทยจะอานออกเสียงตัว “ฤ” ได ๓ แบบ คือ จะอานออกเสียง รึ ริ และเรอ ส วนคําทีม่ ี ฤๅ จะอา นออกเสียงเปน รอื มาตรฐานการเรยี นรู ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ ปนสมบตั ขิ องชาติ ตัวชว้ี ัด จุดประสงค สมรรถนะสาํ คญั ของผูเ รียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค สาระการเรยี นรู กระบวนการจัดการเรียนรู –๙๔ อา นออกเสียงเปน รือ ครูเฉลยและตรวจสอบความถูกตอ ง สื่อ / แหลงเรียนรู การวดั ผลและประเมินผล แผนการจัดการเรยี นรูท่ี ๖ กลุมสาระการเรียนรภู าษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปท ี่ ๓ หนว ยการเรียนรทู ี่ ๑๐ เรือ่ ง ความฝน เปน จริงได เวลา ๑๐ ชว่ั โมง เร่ือง คาํ ท่ใี ช บนั บรร เวลา ๑ ชว่ั โมง ..................................................................................... สาระสาํ คัญ บนั และ บรร อา นวา บัน ใชเขยี นนาํ หนา พยางค เพอ่ื ใหเปน คํา ซ่ึงคําท่ีใช บนั ในภาษาไทยปจ จบุ ัน มี ๕ |