ส่วนประกอบหลักของประโยค present continuous tense มีอะไรบ้าง

Present Continuous เป็น Tense ปัจจุบันกำลังทำซึ่งมีการใช้ และโครงสร้างอย่างไร แถมยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้ชัดทั้งหมดจะมีในบทความนี้ อย่าพลาดถ้าคุณอยากพูดภาษาอังกฏษอย่างคล่องนะคะ

Show

คุณอาจต้องการที่จะเห็น: เผยวิธีการฝึกฟังภาษาอังกฤษเพื่อสอบ TOEIC ให้ได้คะแนนเต็ม

หากต้องการจะบอกว่า เรากำลังทำสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่ ในภาษาอังกฤษจะต้องใช้รูปประโยค Present Continuous Tense เป็นเท็นส์ที่ใช้บอกการกระทำที่กำลังเกิดขึ้น หรือการกระทำที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นเท็นส์ที่ค้อยข้างใช้บ่อย ใช้เพื่อการวางแผนในอนาคต

โครงสร้าง present continuous tense
S + IS, AM, ARE + V ING
ประธาน + IS, AM, ARE + กริยาเติม ING

– โครงสร้างประโยคบอกเล่า: S + is/am/are + V.ing ยกตัวอย่างเช่นShe is reading a newpaper
– โครงสร้างประโยคปฏิเสธ: S + is/am/are + not +V.ing ยกตัวอย่างเช่น She is not reading a newpaper
– โครงสร้างประโยคคำถาม: is/am/are + S + V.ing ยกตัวอย่างเช่น Is she reading a newpaper

I am eating
He, She, It, A cat is eating
You, We, They, Cats are eating

ส่วนประกอบหลักของประโยค present continuous tense มีอะไรบ้าง
เรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฏษ present continuous

หลักการใช้ Present continuous tense ฉบับเข้าใจง่าย

ถ้าเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฏษแต่ไม่มีแนวทางการเรียนให้ชัด ก็คงรู้สึกเหนื่อยและเบื่อง่าย เพราะเห็นข้อมูลไหนก็สำคัญ ไม่รู้ควรเรียนอันไหนก่อน อันไหนหลัง อันไหนสำคุญที่ไม่ควรพลาด สำหรับการเรียน tense ในภาษาอังกฏษก็เช่นกัน คุณอาจจะรู้สึกยากไป ยากเพื่อจดจำและยากในการใช้งาน ดังนั้นอย่าพลาดกับหลักการใช้ Present continuous tense ฉบับเข้าใจง่าย ดังนี้ เป็นtense ที่สำคัญ ใช้งานบ่อยมากมักจะใช้ในการบอกเล่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน โดยมีลักษณะการใช้ดังนี้

1. ใช้เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์หรือการกระทำในปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่และยังไม่จบลง

โดยอาจพบคำบอกเวลา (เช่น now, at the moment, right now เป็นต้น ตัวอย่างการใช้เช่น

  • I am studying at Chulalongkorn university. แปลว่า ฉันกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • I am working as an engineer. แปลว่า ผมทำงานเป็นวิศวกร
  • She is running in the park. แปลว่า  เธอกำลังวิ่งอยู่ในสวน
  • Palm is trying to lose weight now. แปลว่า ปาล์มกำลังพยายามลดน้ำหนักอยู่ตอนนี้

2. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่กำลังเป็นกระแสหรือเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนั้น เช่น   

  • These day, most people are favoring healthy food . แปลว่า ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่กำลังนิยมอาหารเพื่อสุขภาพ
  • She is looking for a job. แปลว่า เธอกำลังมองหางาน

3. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีการเตรียมและวางแผนไว้ล่วงหน้าอย่างแน่นอนแล้ว

และมักพบคำบอกเวลา เช่น tonight, this evening, tomorrow, next week เป็นต้น ตัวอย่างการใช้เช่น

  • I am meeting my parent tonight. แปลว่ ฉันจะพบกับพ่อแม่ในคืนนี้
  • Cherprang and Pun are going on holiday next week. แปลว่ เฌอปรางและปัญจะไปพักร้อนสัปดาห์หน้า
  • They are visiting France next weekend. แปลว่า พวกเขากำลังจะไปเที่ยวฝรั่งเศสในสุดสัปดาห์หน้า

4. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นบ่อยจนเกินไป ทำให้ซ้ำซากและน่าเบื่อ ตัวอย่างเช่น

  • Suwich is constantly talking. I wish he would shut up. แปลว่า สุวิชพูดไม่หยุดเลย ฉันหวังว่าเขาจะหยุดพูดเสียที
  • I don’t like gangster near my house because they are always making noisy. แปลว่า ฉันไม่ชอบกลุ่มอันธพาลใกล้บ้านของฉัน เพราะพวกเขามักจะทำเสียงดังเสมอ
  • He is always coming late. แปลว่า เธอสายตลอดเลย
  • My mother is constantly complaining. แปลว่า แม่ฉันนี่บ่นได้แบบไม่หยุดไม่หย่อนเลย

ส่วนประกอบหลักของประโยค present continuous tense มีอะไรบ้าง
เรียน present continuous ฉบับเข้าใจง่าย

รูปประโยคของ Present Continuous Tense

คำกริยาใน present continuous tense จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนเสมอ ได้แก่ – คำกริยา to be + V-ing (present participle)

ประโยคบอกเล่า
ประธาน + to be + กริยา + ing
She is talking.
ประโยคปฏิเสธ
ประธาน + to be + not + กริยา + ing
She is not (isn’t) talking
ประโยคคำถาม
to be + ประธาน + กริยา + ing
Is she talking?

ประโยคบอกเล่า present continuous tense:

ประโยคบอกเล่าจะเป็นโครงสร้างธรรมดา คือ ประธาน + is, am, are + กริยา เติม ing
He is swimming. เขากำลังว่ายน้ำ
She is riding a bike. หล่อนกำลังขี่จักรยาน
It is raining. มันกำลังฝนตก
We are watching TV. พวกเรากำลังดูทีวี
They are cutting trees. พวกเขากำลังตัดต้นไม้
Cats are drinking water. แมวกำลังดื่มน้ำ

โครงสร้าง: 
– I + am + singing
– He, She, It, a cat + is + sunbathing
– You, We, They, Dogs + are + running

ส่วนประกอบหลักของประโยค present continuous tense มีอะไรบ้าง

ประโยคปฏิเสธ present continuous tense:

โครงสร้างปฏิเสธคล้ายประโยคบอกเล่า เพียงแค่เอาคำว่า not มาวางหลัง is, am, are
– He isn’t swimming. เขาไม่ได้กำลังว่ายน้ำ
– She is not riding a bike. หล่อนไม่ได้กำลังขี่จักรยาน
– It’s not raining. มันไม่ได้กำลังฝนตก
– A cat is not eating a fish. แมวไม่ได้กำลังกินปลา
– You are not listening to the radio. คุณไม่ได้กำลังฟังวิทยุ
– We aren’t watching TV. พวกเราไม่ได้กำลังดูทีวี
– They’re not cutting trees. พวกเขาไม่ได้กำลังตัดต้นไม้
– Cats are not drinking water. แมวไม่ได้กำลังดื่มน้ำ

โครงสร้าง: 
– I + am + not + singing
– He, She, It, a cat + not + sunbathing
– You, We, They, Cats + are + not + running

ประโยคคำถาม present continuous tense Yes / No Question:

การทำประโยคคำถามง่ายๆเอง เพียงแค่เอาคำว่า Is, Am, Are มาวางไว้หน้าประโยค
– Am I singing? ผมกำลังร้องเพลงใช่ไหม
– Yes, you are. /No, you aren’t. ใช่  / ไม่ใช่
– Is she riding a bike? หล่อนกำลังขี่จักรยานใช่ไหม
– Yes, she is. / No, she isn’t. ใช่ / ไม่ใช่

โครงสร้าง:
– Am + I + singing?
– Is + He, she, it, a cat + sunbathing?
– Are + You, We, They, Cats + running?

ประโยคที่เป็น present continuous tense ส่วนใหญ่จะมีคำว่า

* now
* right now
* at the moment
* at present
* at + เวลาละเอียด  (เช่น at 12 o’lock)

ตัวอย่างเช่น:
– I am not listening to music at the moment. แปลว่า ฉันไม่ได้ฟังเพลงในขณะนี้
– It is raining now.  แปลว่า ตอนนี้ฝนกำลังตก

หรือคำว่า:
* Look
* Listen
* Keep silent! 

ตัวอย่างเช่น:
– Look! The train is coming. แปลว่า ดู! รถไฟกำลังจะมา
– Listen! Someone is crying.  แปลว่า ฟัง! ใครบางคนกำลังร้องไห้
– Keep silent! The baby is sleeping  แปลว่า เงียบ ๆ หน่อย! เด็กน้อยกำลังนอนหลับ

คำกริยาที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใน Present Continuous Tense

คำกริยาบางตัวไม่สามารถนำมาใช้ในรูปประโยค Present Continuous Tense ได้ ดังนี้

1. กริยาที่แสดงถึงประสาทสัมผัสทั้งห้า เช่น see, hear, feel, taste, smell เป็นต้น
2. กริยาที่แสดงความรู้สึก นึกคิด เช่น believe, know, understand,  forget, remember, recognize, fear เป็นต้น
3. กริยาที่แสดงความชอบและไม่ชอบ เช่น love, like, hate, dislike, desire เป็นต้น
4. กริยาที่แสดงความต้องการ เช่น want, wish, prefer เป็นต้น

รายละเอียดในตารางดังต่อไปนี้

คำกริยา  ความหมายภาษาไทย
Want /wont/ อยาก
Like /laik/ ชอบ
Love /lav/ รัก
Need /niːd/ ต้องการ
Prefer /priˈfəː/ เสนอ
Believe /biˈliːv/ เชื่อ
Contain /kənˈtein/ บรรจุ
Taste /teist/ รสชาติ
Suppose /səˈpəuz/ สมมติ
Remember /riˈmembə/ เรเมมเบ้
Realize /ˈriəlaiz/ ตระหนัก
Understand /andəˈstӕnd/ เข้าใจ
Depend /diˈpend/ ขึ้นอยู่กับ
Seem /siːm/ ดูเหมือน
Know  /nəu/ ทราบ
Belong /biˈloŋ/ เป็นของ
Hope /həup/ หวัง
Forget /fəˈɡet/ ลืม
Hate /heit/ เกลียด
Wish /wiʃ/ ประสงค์
Mean /miːn/ หมายความว่า
Lack /lӕk/ ขาด
Appear /əˈpiə/ ปรากฏ
Sound /saund/ เสียง

หลักการเติม ing ท้ายคำกริยาโดยทั่วไป

หลักการเติม ing ท้ายคำกริยาโดยทั่วไปสามารถเติม ing ได้เลย แต่มีข้อยกเว้นบางกรณี ดังนี้

1. คำกริยานั้นมีสระเสียงสั้นเป็น a, e, i, o, u อยู่หน้าพยัญชนะท้าย หรือคำกริยานั้น ๆ มีตัวสะกดเพียงตัวเดียว ก่อนเติม ing ให้เพิ่มตัวสะกดของคำนั้นซ้ำอีกตัวหนึ่งแล้วจึงเติม ing เช่น
* sit   —>   sitting
* cut   —>   cutting
* get   —>   getting
* shop   —>   shopping

2. คำกริยานั้นลงท้ายด้วย e ให้ตัด e ทิ้งแล้วเติม ing เช่น
* come   —>   coming
* drive   —>   driving
* make   —>   making
* ride   —>   riding
* smoke   —>   smoking

3. คำกริยาที่มีสระ 2 ตัว (A, E, I, O, U) ให้เติม ing ได้เลย เช่น
* cook   —>   cooking
* keep   —>   keeping
* read   —>   reading

4. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย ie ให้เปลี่ยน ie เป็น y แล้วจึงเติม ing เช่น
* die   —>   dying
* lie   —>   lying

5. คำกริยาที่มีสองพยางค์ และออกเสียงหนัก (stress) ที่พยางค์หลัง โดยพยางค์นั้นมีสระและตัวสะกดเพียงตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดของคำนั้นซ้ำอีกตัวหนึ่งแล้วจึงเติม ing เช่น
* begin   —>   beginning
* refer   —>   referring
* swim   —>   swimming

สรูปว่ายังไงบ้างคะคุณ present continuous เป็น Tense ที่ไม่ยากใชาไหมคะ หวังว่าบทความนี้จะมีผลประโยคดีๆ ต่อผู้เรียนที่กำลังมองหาหลักการณ์เรียนไวบากรณ์ภาษาอังกฏศ เฉพราะเรื่องของ present continuous Tense นะคะ เรียนวันละนิดเเต่ต้องเรียนอย่างสม่ำเสมอเเละเเบ่งเวลาเพื่อเรียนส่วนเนื้อหาที่สำคัญที่มักใช้งานบ่อย รับรองว่าในสักประมาณ สามถึงหกเดือนทำตามเเนวทางการเรียนนี้คุณจะเป็นผู้เรียนต่อไปที่สำเร็จ

ดูเพิ่มเติม: Eng Breaking ช่วยคุณผ่านความกลัวเมื่อพูดภาษาอังกฤษ