เห็นคุณค่าในตัวเอง คืออะไร

ในบางวันคุณอาจจะเจอเรื่องหนัก ๆ ที่คอยบั่นทอนความมั่นใจในตัวเอง การรักตัวเอง และการเห็นคุณค่าในตัวเอง หรือที่เรียกว่า Self-esteem แวนอยากฝากข้อคิดทั้ง 10 ข้อด้านล่างนี้ให้คุณไว้ เผื่อข้อไหนจะช่วยสร้างกำลังใจให้คุณกลับมามีพลังสู้ต่อค่ะ


เห็นคุณค่าในตัวเอง คืออะไร


1. ความสำเร็จและความล้มเหลวไม่ใช่ชีวิตทั้งชีวิต อย่าเอามาตัดสินคุณค่าของตัวเอง เวลาคุณทำผิดพลาดล้มเหลว ไม่ได้แปลว่า คุณเป็นคนไร้ค่า


2. อย่าตัดสินตัวเองจากชีวิตแค่บางช่วง เพราะมันคือการเดินทางตลอดชีวิต จังหวะของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าวัดจังหวะของตัวเองเทียบกับจังหวะชีวิตของคนอื่น


3. เวลาที่อนุญาตให้คนอื่นมาตัดสินคุณค่าในตัวคุณ คุณจะสูญเสียอำนาจควบคุมความสุขไป การยอมรับตัวเองของคุณจะเปราะบางมาก เพราะมันจะแกว่งไปมาและขึ้นลงตลอดเวลา ตามคำพูดและปฏิกิริยาจากคนอื่น


4. คนปฏิเสธ คนไม่รัก มาจากหลายเหตุผลมาก ๆ เขาอาจไม่ชอบเพียงบางด้านของคุณ อาจไม่เข้ากัน หรือเป็นเพราะเหตุผลส่วนตัว แต่ไม่ได้แปลว่าคุณจะไม่มีค่า ไม่มีใครปฏิเสธคนอื่นด้วยเหตุผลว่า คนนั้นไร้คุณค่า และการที่ใครซักคนหันไปเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่คุณ นั่นไม่ใช่การเลือกที่มองว่าสมบูรณ์แบบ แต่เลือกสิ่งที่คิดว่าเข้ากับตัวเขาได้มากที่สุด


5. คนบางคนปฏิเสธคนที่ดีหรือสิ่งที่ดี เพราะลึก ๆ แล้วคิดว่าตัวเองไม่คู่ควร และมองว่าสิ่งนั้นหรือคนนั้นดีเกินไปสำหรับตัวเอง แล้วหันไปเลือกสิ่งที่ดีรองลงมา เพราะคิดว่านั่นเหมาะสมกับคุณค่าเขาที่สุด


6. ประสบการณ์ที่เลวร้ายในอดีตอาจทำให้คุณรู้สึกอ่อนแอจนถึงปัจจุบัน และคนทุกคนย่อมมีหลุมแห่งความทรงจำที่เจ็บปวดด้วยกันทั้งนั้น แต่คนที่แข็งแกร่ง คือคนที่เลือกจะเพิกเฉย ฟื้นตัวลุกขึ้นมา รักตัวเอง และเดินหน้าเติบโตอย่างมั่นใจ


7. สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้คุณรักและยอมรับในตัวตนมากขึ้น คือ เลิกตำหนิตัวเองซะ ไม่มีใครสร้างความมั่นใจหรือความภาคภูมิใจในตัวเองจากคำตำหนิ ตัวคุณเองก็เช่นกัน


8. การแสร้งชมตัวเองในสิ่งที่ยังไม่มี ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะคุณรู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง การจะชมตัวเองหรือพูด positive self-talk ที่ได้ผล คือ การพูดบนพื้นฐานของความเป็นจริง หรือสิ่งที่เกิดขึ้นจากหลักฐานที่คุณเองก็มองเห็น ลองเริ่มจากคิดว่า คุณมีข้อดีอะไรอยู่บ้าง หรือในตอนที่ผ่านพ้นปัญหาล่าสุดมาได้ คุณใช้คุณสมบัติ นิสัย ทักษะ หรือความสามารถข้อไหนมาแก้ปัญหา


9. คนที่ชอบมองตัวเองในแง่ร้าย หากลองสังเกตความคิดตัวเองดี ๆ จะเห็นว่ามีแต่คำตัดสิน และมีความคิดที่มักถูกครอบด้วยอคติในรูปแบบต่าง ๆ (เช่น ทำผิดพลาดครั้งเดียวก็ตัดสินตัวเองว่าเป็นคนไม่เอาไหน แบบนี้คืออคติ)


10. การคาดหวังให้ตัวเองสมบูรณ์แบบนั้น ถือว่าใจร้ายมาก เพราะคุณจะไม่มีทางไต่ขึ้นถึงเพดานความคาดหวังของตัวเอง เพราะจริง ๆ แล้วเพดานที่ว่านั้นไม่เคยมีอยู่จริง ปล่อยให้ตัวเองเป็นคนธรรมดาที่มีดีมีแย่ มีสำเร็จมีล้มเหลว มีคนรักมีคนเกลียดขี้หน้า แล้วคุณจะตัวเบาสบาย และมีความสุขขึ้นอีกมากทีเดียว


จำไว้ว่า คนที่มีคุณค่า อยู่เฉย ๆ ก็มีคุณค่า สำเร็จหรือไม่สำเร็จ จะร่ำรวยหรือไม่ จะมีคนมารักหรือไม่ จะมีคนชื่นชมหรือไม่ ก็ยังเป็นคนที่มีคุณค่า หากนึกภาพไม่ออก ลองนึกถึงแมว วัน ๆ เอาแต่นอน อ้อนแค่ตอนหิว ไม่ต้องดิ้นรนเอาใจใคร ไม่ต้องทำงานหนักเพื่อประสบความสำเร็จ หรือสร้างความประทับใจให้ใครใด ๆ แต่กลับมีคุณค่าต่อใจมนุษย์ โดยเฉพาะทาสแมวซะจริง ๆ


หากต้องการทำให้ตัวเองหลงรักตัวเอง และเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น ลองดูโปรแกรมพัฒนา Self-esteem ที่https://www.bypichawee.co/self-esteem-course ซึ่งจะค่อย ๆ ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้คุณค่าของตัวเอง เปลี่ยนมุมมองต่อเรื่องราวในอดีตใหม่ และกลายเป็นคนที่มีคุณค่าและมีความสุขกับตัวเองอีกครั้ง นอกจากจะได้เรียนรู้ด้วยตัวเองแล้วยังจะได้ปรึกษาทีมผู้สอนอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

ในการส่งเสริมการพัฒนาเด็ก สองประเด็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดที่ต้องพัฒนาให้ได้ก่อนที่จะไปเรื่องอื่น คือ การสร้างความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง หรือ Self-Esteem กับการพัฒนาทักษะสมอง EF- Executive Functions เพราะสองประเด็นนี้ต้องพัฒนาต่อเนื่องมาตั้งแต่แรกเริ่มของชีวิต

ภายใน 3 ปีแรกของชีวิต เด็กทุกคนต้องมีผู้ดูแลที่ “มีอยู่จริง” คือใกล้ชิด ตอบสนองอย่างเอาใจใส่และอบอุ่น (ซึ่งอาจจะเป็นผู้ให้กำเนิดตามธรรมชาติหรือไม่ก็ได้) จนเด็กรู้สึกปลอดภัย ไว้วางใจและผูกพัน เกิดเป็นสายใยสัมพันธ์ทางจิตใจที่แน่นเหนียว ซึ่งนักจิตวิทยาชี้ว่าเมื่อสายสัมพันธ์นี้เข้มแข็ง มันจะผูกพันเชื่อมโยงจิตใจของเด็กกับผู้ดูแลคนนี้ไปตลอด ทำให้เกิดความรู้สึกมั่นคงในจิตใจ และด้วยความผูกพันนี้เอง ความรู้สึกเป็นตัวตน (Self) ของเด็กก็จะพัฒนาขึ้น

จากการรับรู้ในตัวตนของตัวเองหรือมี Self เด็กจึงจะสามารถพัฒนาไปสู่การเห็นคุณค่าในตนเอง หรือมี Self-Esteem ได้ในช่วงวัยประมาณ 3 ปี  

หลายคนยังสับสนว่า ลักษณะแบบไหนที่เรียกว่า “มีความภาคภูมิใจหรือเห็นคุณค่าในตนเอง”

มีการชี้บ่งคุณลักษณะ (Characteristics) ที่แสดงถึงการมีคุณค่าในตนเองหลากหลาย ลองมาตรวจสอบตนเองกันดีกว่า ว่าเราเป็นคนที่มี Self-Esteem สูงหรือไม่ 

ฉันเป็นคนที่เปิดกว้างต่อการวิจารณ์ ไม่ถือเอาคำวิจารณ์การงานมาเป็นเรื่องส่วนตัวและไม่คิดว่า คุณค่าของเราขึ้นกับความเห็นของคนอื่นใช่ไม่ใช่ยอมรับความผิดพลาดได้ ไม่กลัวเสียหน้าถ้าจะล้มเหลว มองชีวิตตัวเองในมุมตลกๆได้ ไม่อาย  ไม่กลัวที่จะแชร์ประสบการณ์ ความคิดหรือโอกาสของตัวเองให้คนอื่นรับรู้   เมื่อเจอความยากลำบากก็ไม่ท้อ รวมถึงไม่กลัวหรืออายที่จะเรียนรู้ หรือรับได้ว่าเราไม่รู้เรื่องนี้เรื่องนั้น  กล้าขุดตัวเอง  เชื่อว่าตัวเราก็เท่าเทียมกับคนอื่น ไม่ดีกว่าหรือเลวกว่าคนอื่น เห็นจุดแข็งของตัวเองและของคนอื่น ชื่นชมตัวเองและคนอื่นได้  กล้าคิดแตกต่าง แม้จะไม่เหมือนหรือเข้าพวกกับใคร  พอใจกับชีวิต หาเรื่องเติมเต็มชีวิตให้มีความหมาย  ขอตัดสินใจด้วยตนเอง ฟังคำแนะนำของคนอื่น แต่จะทำก็ต่อเมื่อคิดแล้วว่าเห็นด้วย ไม่ยอมให้ใครชักจูงง่ายๆ  มีความสัมพันธ์ที่ดีและสบายๆ กับคนอื่น โดยเฉพาะกับคนใกล้ชิดจะเป็นแบบรักใคร่ห่วงใยและเคารพนับถือกัน  ถ้ามีปัญหา จะโฟกัสเพื่อแก้ปัญหาให้ลุล่วง  มีหลักคิดและคุณค่าที่ตัวเองยึดถือมั่นคง แล้วก็ปฏิบัติตัวไปตามนั้น  เป็นคนมองโลกตามความเป็นจริง ยอมรับคนอื่นอย่างที่เขาเป็น ไม่พยายามไปเปลี่ยนใคร แต่ก็พยายามให้การสนับสนุนให้เขาไปในทิศทางที่ดี  กล้าแสดงความคิดเห็นของตนเองให้คนอื่นรับรู้ ด้วยความสงบสุขุม แบ่งปันกับคนอื่นอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย สื่อสารแสดงออกตรงๆถึงความรู้สึก สิ่งที่ชอบ ไม่ชอบ  มีความกลมกลืนระหว่างสิ่งที่พูด สิ่งที่ทำ และสิ่งที่คิด   อยู่กับปัจจุบัน และมองไปข้างหน้ามากกว่าจะคอยหมกมุ่นอยู่กับอดีต  ยอมรับความรู้สึกทั้งบวกและลบของตัวเอง และกล้านำเสนอกับคนใกล้ชิด  สร้างสมดุลชีวิต ทั้งการงาน พักผ่อนบันเทิง ครอบครัว  ยอมรับความเสี่ยงหรือความท้าทายถ้าจำเป็น เพื่อให้ได้จุดหมายที่ใหญ่กว่า  มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยสร้างสิ่งที่ดีขึ้นในชีวิตของคนอื่น  

          ถ้าคำตอบส่วนใหญ่เป็น “ใช่” นั่นคือสัญญาณของการมี Self-Esteem ที่ดีของคุณ

          จะเห็นว่า การมี Self-Esteem ที่ดีไม่ได้หมายถึงการหยิ่งทะนง หรือมองตัวเองดีฝ่ายเดียว  หากแต่สะท้อนถึงการมองทั้งตัวเองและคนอื่นในทางบวก  บนความเชื่อที่ว่ามนุษย์ทุกคนต่างก็มีดีมีเลวได้เหมือนๆกัน

          การมี Self-Esteem ที่ดีจะมาคู่กันกับชุดความคิดที่เรียกว่า Growth Mindset คือมองมนุษย์ว่าทุกคนพัฒนาเติบโตและเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เพราะทุกคนเรียนรู้ได้ตลอดเวลา  ไม่ใช่คิดแบบ Fixed Mindset ที่คิดไปว่า คนเกิดมาอย่างไรก็จะเป็นแบบนั้นไม่เปลี่ยนแปลง

          การมี Self-Esteem ที่ดีต้องบอกถึงการมีมุมมองและจิตใจที่เกิดกว้าง ทั้งต่อตนเองและคนอื่น ดังนั้นก็จะรับฟังความแตกต่าง คำวิจารณ์ ยอมรับความหลากหลาย และความผิดพลาดได้ ไม่กลัวเสียหน้า เพราะเชื่อว่าคนล้มแล้วลุกได้ แก้ไขได้

          การมี Self-Esteem ที่ดีจะพัฒนาสัมพันธภาพที่ดี กับคนใกล้ชิดจะอบอุ่นและเคารพ กับคนอื่น จะสื่อสารสร้างสรรค์ อะลุ้มอล่วย ให้โอกาส แต่ตรงไปตรงมา ไม่ก้าวร้าว

          คนมี Self-Esteem ที่ดีจะเป็นคนที่ยอมรับความจริง มีความสุขและพอใจในตนเองยอมรับสิ่งที่ตนเป็น สิ่งที่ตนมี พยายามจัดการชีวิตให้สมดุลลงตัว และมีความพยายามให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และยอมรับในความเป็นจริงของคนอื่นได้ แต่ก็ไม่ยอมจำนนหรือรับอะไรง่ายๆโดยไม่คิดไตร่ตรอง

          การมี Self-Esteem ที่ดี มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ชีวิตและสถานการณ์ต่างๆ ที่เผชิญ ดียิ่งขึ้น ไม่ได้เป็นคนเรื่อยเฉื่อย อยู่ไปวันๆ พร้อมรับความท้าทายใหม่ๆ พร้อมแก้ปัญหา เพื่อนำพาตนเองไปสู่ความสุขและความสำเร็จ รวมถึงมีใจที่จะช่วยเหลือผลักดันให้คนอื่นไปได้ดีด้วย โดยไม่ได้คิดไปกดดันจัดการคนอื่นเขา แต่สนับสนุนส่งเสริมเท่าที่ทำได้

การมี Self-Esteem จึงปรากฏออกมาเป็น พฤติกรรมที่เรียกว่าได้ว่าเป็น “ของจริงแท้”(Authentic) ไม่ต้องเสแสร้งทั้งกับตนเองและคนอื่นแต่อย่างใด