ขอ ความเคารพนอบน้อมต่อครู ผู้มีความกรุณา เผื่อแผ่อบรมสั่งสอนศิษย์ทุกสิ่ง ให้มีความรู้ ทั้งความดี ความชั่ว ชั่วขยายความให้เข้าใจแจ่มแจ้ง มีเมตตากรุณา กรุณาเที่ยงตรง เคี่ยวเข็ญให้ฉลาดหลักแหลม ช่วยกำจัดความโง่เขลา ให้มีความเข้าใจแจ่มชัด พระคุณดังกล่าวนี้ ถือว่าเป็นเลิศในสามโลกนี้ ควรระลึกและน้อมใจชื่นชมยกย่อง ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษามา เพื่อน ๆ น่าจะได้เรียนเกี่ยวกับการแต่งคำประพันธ์มากมายทั้งในรูปแบบโคลง กาพย์ กลอน และร่าย แต่ในวันนี้ StartDee จะขอพาเพื่อน ๆ มารู้จักคำประพันธ์ในรูปแบบฉันท์ ซึ่งมีมากมายหลายประเภทย่อย หนึ่งในนั้นคือ “อินทรวิเชียรฉันท์” ซึ่งเป็นรูปแบบที่พระยาศรีสุนทรโวหารใช้ในการแต่งเรื่องบทนมัสการมาตาปิตุคุณและอาจริยคุณ ไปดูกันดีกว่าว่าอินทรวิเชียร์ฉันท์ในเรื่องนี้จะมีลักษณะแตกต่างกับเรื่องอื่นอย่างไร นอกจากนั้น เพื่อน ๆ ยังสามารถเรียนกันได้ในรูปแบบวิดีโอ ที่แอปพลิเคชัน StartDee ดาวน์โหลดเลย มีสรุปให้ปรินต์ไปอ่านก่อนสอบได้ด้วยนะ ผู้แต่งพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เป็นกวีคนสำคัญในสมัยรัชกาลที่ ๕ ท่านได้รับสมญานามว่าเป็น ศาลฎีกาภาษาไทย เพราะเป็นผู้แต่งตำราชุดแรกของไทย เรียกว่า “แบบเรียนหลวง” ที่มาของบทนมัสการมาตาปิตุคุณและอาจาริยคุณเป็นบทประพันธ์รวมพิมพ์ในภาคเบ็ดเตล็ด หนังสือชุดภาษาไทยเล่มที่ ๒ ของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ลักษณะคำประพันธ์พระยาศรีสุนทรโวหารเรียกฉันท์ที่ใช้ในการแต่งบทนมัสการมาตาปิตุคุณและอาจารยคุณว่า “อินทะวะชิระฉันท์” แต่โดยทั่วไปเรียกว่า “อินทรวิเชียรฉันท์” ซึ่งมีการบังคับครุและลหุ แต่ผู้แต่งคือพระยาศรีสุนทรโวหารเลือกให้ความสำคัญกับเนื้อหา โดยเลือกสรรคำที่ทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ความรู้สึก และใช้สำหรับเป็นบทบูชาสรรเสริญมากกว่าการแต่งให้ถูกฉันทลักษณ์ อย่างไรก็ตาม เพื่อน ๆ ก็สามารถอ่านให้ถูกฉันทลักษณ์ได้ เช่น คำว่า ชนนี สามารถอ่านว่า ชะ-นะ-นี เป็นต้น อินทรวิเชียร์ฉันท์ ๑๑ หมายถึง ฉันท์ที่มีลีลาอันรุ่งเรืองงดงามประดุจสายฟ้า ซึ่งเป็นอาวุธของพระอินทร์ อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ นิยมใช้ในการแต่งข้อความซึ่งเป็นบทชม บทคร่ำครวญ และใช้แต่งเป็นบทพากย์โขน เพื่อน ๆ สามารถดูแผนผังการแต่งอินทรวิเชียร์ฉันท์ได้ที่นี่ และหากเพื่อน ๆ อยากแต่งอินทรวิเชียรฉันท์เองบ้าง แต่ไม่รู้จะเลือกใช้คำแบบไหน สามารถดูได้ที่ตารางด้านล่างนี้เลย คำครุ (เสียงหนัก) คำลหุ (เสียงเบา) - คำที่ประสมกับสระเสียงยาว ในแม่ ก กา - คำที่มีตัวสะกด - คำที่ประสมกับสระ -ำ, ไ-, ใ-, เ-า - คำที่ประสมกับสระเสียงสั้นในแม่ ก กา - คำที่เป็นพยัญชนะตัวเดียว ไม่มีรูปสระ เช่น ธ ณ บ บ่ เป็นต้น ถอดคำประพันธ์บทนมัสการมาตาปิตุคุณข้าขอนบชนกคุณ ชนนีเป็นเค้ามูล ผู้กอบนุกูลพูน ผดุงจวบเจริญวัย ฟูมฟักทะนุถนอม บ่บำราศนิราไกล แสนยากเท่าไร ๆ บ่คิดยากลำบากกาย ตรากทนระคนทุกข์ ถนอมเลี้ยงฤรู้วาย ปกป้องซึ่งอันตราย จนได้รอดเป็นกายา เปรียบหนักชนกคุณ ชนนีคือภูผา ใหญ่พื้นพสุนธรา ก็บ่เทียบบ่เทียมทัน เหลือที่จะแทนทด จะสนองคุณานันต์ แท้บูชไนยอัน อุดมเลิศประเสริฐคุณ
เป็นบทอาขยานที่กล่าวถึงการนอบน้อมในพระคุณของบิดามารดา ผู้ที่ได้เลี้ยงดูและเกื้อกูลเรามาตั้งแต่เล็กจนเติบโต คอยเฝ้าระวังรักษาประคับประคอง ดูแลอยู่ไม่ยอมห่าง แม้ว่าจะลำบากเท่าไรก็อดทนได้ อีกทั้งยังคอยปกป้องจากอันตรายจนลูกมีชีวิตรอดมาเป็นผู้ใหญ่ได้ ดังนั้น พระคุณของพ่อแม่ จึงยิ่งใหญ่กว่าภูเขาหรือผืนแผ่นดิน แม้จะกราบไว้บูชาอย่างวิเศษล้ำเลิศแค่ไหน ก็ไม่อาจทดแทนบุญคุณอันมากล้นของพ่อแม่ได้ คำศัพท์ในบทประพันธ์ ชนก หมายถึง พ่อ ชนนี หมายถึง แม่ บูชไนย หมายถึง พึงบูชา พสุนธรา หมายถึง แผ่นดิน คุณานันต์ หมายถึง บุญคุณมหาศาล
ถอดคำประพันธ์บทนมัสการอาจริยคุณอนึ่งข้าคำนับน้อม ต่อพระครูผู้การุญ โอบเอื้อและเจือจุน อนุสาสน์ทุกสิ่งสรรพ ยัง บ ทราบก็ได้ทราบ ทั้งบุญบาปทุกสิ่งอัน ชี้แจงและแบ่งปัน ขยายอัตถ์ให้ชัดเจน จิตมากด้วยเมตตา และกรุณา บ เอียงเอน เหมือนท่านมาแกล้งเกณฑ์ ให้ฉลาดและแหลมคม ขัดเขลาบรรเทาโม หะจิตมืดที่งุนงม กังขา ณ อารมณ์ ก็สว่างกระจ่างใจ คุณส่วนนี้ควรนับ ถือว่าเลิศ ณ แดนไตร ควรนึกและตรึกใน จิตน้อมนิยมชม
เป็นบทอาขยานที่กล่าวถึงการสรรเสริญพระคุณของครูอาจารย์ ผู้เปี่ยมไปด้วยความกรุณาและโอบอ้อมอารี คอยสั่งสอนให้รู้วิชาและศาสตร์ต่าง ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน อีกทั้งในเรื่องของบาปบุญคุณโทษด้วย คอยขยายความให้ลูกศิษย์มีความเข้าใจแจ่มแจ้งชัดเจนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความเมตตากรุณาที่เที่ยงตรงเที่ยงธรรม เคี่ยวเข็ญให้ลูกศิษย์มีความฉลาดหลักแหลม ขจัดความโง่เขลาและสับสนออกไปจากจิตใจ ดังนั้น พระคุณของครูอาจารย์จึงถือว่าเป็นเลิศในสามโลก ควรระลึกและน้อมใจชื่นชมยกย่องเป็นอย่างยิ่ง คำศัพท์ในบทประพันธ์ อนุสาสน์ หมายถึง สั่งสอน อัตถ์ หมายถึง ขยายความ แกล้ง หมายถึง ตั้งใจ (แปลตามความหมายเดิม)
คุณค่าด้านวรรณศิลป์การเลือกสรรคำผู้ประพันธ์ได้เลือกคำที่เหมาะสมในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก มีการใช้คำที่เป็นการยกระดับในการเดินเรื่อง เช่น ชนก ชนนี เป็นต้น และยังพยายามใช้คำเพื่อให้คนเห็นภาพ เช่น โอบเอื้อ เจือจุน เป็นต้น โดยส่วนใหญ่ผู้ประพันธ์ใช้คำที่เรียบง่าย อ่านแล้วเข้าใจได้ในทันที อาจมีคำยากบ้างแต่ไม่มากนัก ซึ่ง StartDee ได้รวบรวมให้แล้วข้างต้น ลองย้อนกลับไปดูกันนะ การใช้ภาพพจน์
เปรียบหนักชนกคุณ ชนนีคือภูผา ใหญ่พื้นพสุนธรา ก็บ่เทียบบ่เทียมทัน
จากบทประพันธ์ข้างต้น จะเห็นว่ามีการเปรียบเทียบบุญคุณของพ่อแม่ว่าหนักแน่นเท่าภูผา หรือภูเขา และยิ่งใหญ่เท่าพสุนธรา หรือแผ่นดินนั่นเอง การเล่นเสียง
การซ้ำคำ มีการใช้คำที่ออกเสียงเหมือนกันมาวางไว้ในตำแหน่งใกล้กัน แต่มีการใช้คำอื่นแทรกลงไป ทำให้การออกเสียงมีความคมคาย ไพเราะ และยังเพิ่มความหมายที่น่าสนใจ เช่น ก็ บ่ เทียบ บ่ เทียมทัน มีการใช้คำว่า “บ่” แทรกกลางระหว่างคำว่า “เทียบ” และ “เทียม” ที่ออกเสียงคล้ายคลึงกัน นอกจากนี้ยังมีการเล่นคำที่มีความหมายคู่ตรงข้าม เช่น บ ทราบก็ได้ทราบ ทั้งบุญบาปทุกสิ่งอัน เป็นต้น
คุณค่าด้านเนื้อ สังคมและข้อคิดคุณค่าด้านเนื้อหา
คุณค่าด้านสังคม วรรณคดีเรื่องนี้มีจุดเด่นในการสะท้อนให้เห็นภาพสังคมในอดีตและยังจรรโลงสังคมอีกด้วย
แม้ว่าจะเป็นฉันท์ที่ไม่ยาวมากนัก แต่เพื่อน ๆ ก็ได้เรียนรู้ทั้งลักษณะคำประพันธ์ และคุณค่าด้านต่าง ๆ ไปแบบจัดเต็ม ใครที่อยากตะลุยเรียนภาษาไทยในระดับชั้น ม.๔ กันต่อ ดูที่ลิสต์ด้านล่างนี้ได้เลย |